จังหวะที่พวกของวัวคลั่ง มังกรทองแปดแขนต่างไม่พูดอะไรออกมานั้น สายตาของปิ้งจวินเพ่งตรงไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้ามาเพื่ออะไร?”
“พวกเจ้าคิดว่าล่ะ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมา และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สถานที่ที่เปลี่ยวไม่มีคนอยากมาเช่นนี้ก็แค่กรงขังแห่งหนึ่ง ตามหลักแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามหากต้องรั้งอยู่ที่ตรงนี้ก็จะอยู่ได้ไม่นาน แต่ว่าพวกเจ้าก็มีชีวิตอยู่มาได้เป็นอย่างดีมิใช่รึ?”
แม้จะกล่าวว่า ทุกๆ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็จะมีระดับปรมาจารย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างยาวนาน มีชีวิตอยู่มายุคแล้วยุคเล่า แต่ว่า เหล่าปรมาจารย์เหล่านั้นล้วนแล้วแต่ถูกผนึกร่างเอาไว้ และหรือไปพักผ่อนกายาอย่างสงบอยู่ ณ พื้นที่ที่เปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ เรียกได้ว่าเพื่อให้ระดับปรมาจารย์สักคนของ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสักแห่ง หรือสำนักเจ้าลัทธิสักที่ได้ผนึกร่างเอาไว้นั้น ต้องสูญเสียพลังกายพลังใจไปไม่น้อย สิ้นเปลืองของวิเศษและสิ่งต่างๆ เป็นปริมาณมหาศาล
แน่นอนที่สุด เฉกเช่นคุกหลวงดึกดำบรรพ์ย่อมไม่ได้มีเงื่อนไขของการผนึกร่างและพักผ่อนกายาอย่างสงบแบบนั้น และไม่มีโอกาสในการผนึกร่างและพักผ่อนกายาอย่างสงบได้ตามหลักแล้ว ท่ามกลางความเลวร้ายของคุกเช่นนี้ ไม่ว่าใครหากถูกจับโยนเข้ามาก็จะมีชีวิตไม่ยืนยาว โดยเฉพาะเหมือนดั่งพวกของปิ้งจวินที่เป็นผู้สูงอายุแล้ว หากอยู่ภายนอกอาจตายไปนานแล้วก็เป็นได้ แต่ว่า พวกเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ดีมาก
“แหะ คนที่ตายไปก็มีไม่น้อย” มังกรทองแปดแขนหัวเราะเสียงน่าเกลียดทีหนึ่ง
คำพูดของมังกรทองแปดแขนพูดไม่ผิด ครั้งนั้น ศัตรูของฮ่องเต้ไท่ชิงที่ถูกโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ไม่ได้มีเพียงพวกเขาเพียงห้าคนเท่านั้น ในขณะนั้น ฮ่องเต้ไท่ชิงได้จับเอาศัตรูผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่เหลือรอดชีวิตมาได้ก็มีเพียงพวกของมังกรทองแปดแขนห้าคนเท่านั้นเอง
ปิ้งจวินเพ่งสายตาไปข้าหน้าจ้องมองดูหลี่ชิเย่ครู่หนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้ามาเพี่อสิ่งที่ทำให้มีอายุวัฒนะตามคำเล่าลือนั่น?”
ปิ้งจวินไม่เพียงมีชาติกำเนิดมาจากราชวงศ์โต่วเซิ่น เขามีฐานะเป็นศิษย์พี่ของฮ่องเต้ไท่ชิง ความเข้าใจที่มีต่อราชวงศ์โต่วเซิ่นของเขาย่อมอยู่เหนือกว่าทุคนมากทีเดียว เกรงว่าแม้แต่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่สามารถเทียบเทียมได้
“ใช่แล้วเป็นอย่างไร?” หลี่ชิเย่เองก็ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดอย่างยิ่ง
“แหะสิ่งที่ทำให้มีอายุวัฒนะ” วัวคลั่งหัวเราะเสียงดัง คล้ายดั่งเป็นเสียงฟ้าร้อง ดวงตาที่มีขนาดดั่งกระพรวนทองแดงคู่นั้นจ้องเขม็ง และกล่าวว่า “เจ้าหนู ต่อให้ที่ตรงนี้มีสิ่งที่ทำให้มีอายุวัฒนะจริง ก็ไม่มีโอกาสไว้ให้เจ้า!”
“ไม่มีโอกาสสำหรับข้า?” หลี่ชิเย่หัวเราะท่าทีเอ้อระเหย และยิ้มกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ถ้าหากไม่มีโอกาสสำหรับข้า แล้วมันควรเป็นโอกาสของใครเล่า? หรือว่าเป็นโอกาสของพวกเจ้ารึ?”
“ว่ากันตามอาวุโสแล้ว แหะ เจ้าหนู เจ้ามาทีหลัง ต่อให้ที่ตรงนี้มีสิ่งที่ทำให้มีอายุวัฒนะได้จริงก็สมควรให้พวกเราได้เสพก่อน” วัวคลั่งกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และอดที่จะกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “น่าเสียดาย วิธีการเรียงลำดับอาวุโสใช้การไม่ได้สำหรับข้า ในเมื่อมีสิ่งที่สามารถทำให้มีอายุวัฒนะได้ พวกเจ้าหากรู้จักกาลเทศะ ก็จงยืนหลบข้างๆ เสียแต่โดยดี ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้สีหน้าของพวกวัวคลั่ง มังกรทองแปดแขนแปรเปลี่ยนไป ในจำนวนพวกเขาทั้งห้าคน มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่คนโหดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง? ครั้งนั้น ขณะที่พวกเขาอยู่ในแดนลัทธิราชัน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่สีหน้าเปลี่ยนไปยามที่เอ่ยถึงพวกเขา กล่าวได้ว่าหากพวกเขาโกรธขึ้นมา สามารถทำให้แผ่นดินสั่นเทาสามครั้ง
แม้จะกล่าวว่า พวกเขาล้วนแล้วแต่ถูกฮ่องเต้ไท่ชิงจับตัวเอาไว้ได้และโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้อ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อจับเป็นพวกเขาและโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ เรียกได้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงได้สูญเสียกำลังกายใจไปจำนวนมากทีเดียว
เวลานี้หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงผู้เยาว์คนหนึ่งเท่านั้น และเพิ่งจะมาถึงก็โอหังอวดดีถึงเพียงนี้ ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง แล้วจะไม่ให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปได้อย่างไรกันเล่า? “พูดแบบนี้ แสดงว่าเจ้ามีความมั่นใจที่จะเอาชนะพวกเราทั้งห้าคนในเวลาเดียวกันน่ะสิ?” อวี่เหยียนเซินโบกพัดขนนกในมือ เพ่งสายตาทั้งสองไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ
“แค่ห้าคนเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ดูตามอารมณ์ยิ่งนัก ยื่นฝ่ามือออกไปข้างหนึ่งและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าอาศัยมือข้างเดียวก็เพียงพอแล้ว”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ แม้แต่ปิ้งจวินที่สงบเงียบมาโดยตลอดก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว ปิ้งจวินคือผู้ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง แม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงขณะมีชีวิตอยู่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ตลอดมา กระทั่งมีผู้กล่าวว่าแม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา มีเพียงกู่อี้เฟยแห่งบ้านตระกูลหลี่ที่สามารถต่อกรกับเขาได้
เวลานี้ หลี่ชิเย่แค่ยื่นฝ่ามือออกมาข้างหนึ่งก็สามารถท้าสู้กับพวกเขาทั้งห้าคน มันออกจะดูถูกพวกเขามากเกินไปเสียแล้วกระมัง ทอดสายตาไปทั่วแดนลัทธิราชัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา
“เจ้าหนู พูดจาอย่าคุยโวโอ้อวดเกินไป” เทพไฉไลหงส์อำมหิตหัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “คำพูดที่พูดออกไปก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป เจ้าควรระวังคำพูดเอาไว้”
“ข้าพูดไปตามความจริงเท่านั้นเอง ใยจะต้องระวังคำพูด” หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์และกล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ข้าไม่ค่อยอยากจะลงมือสักเท่าไร เกิดเรื่องนี้แพร่ออกไป คนอื่นก็จะหาว่าข้ารังแกคนแก่คนอ่อนแอ มิเท่ากับทำให้ชื่อเสียงของข้าต้องเสื่อมเสียไป”
เมื่อถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนถึงเพียงนี้ พลันทำให้สีหน้าของพวกวัวคลั่ง มังกรทองแปดแขนดูปั้นยากถึงขีดสุด คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เป็นการชี้หน้าด่าพวกเขาชัดๆ เป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างแรง
ดั่งคำว่าความอดกลั้นของคนย่อมมีขีดจำกัด ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต่างก็เคยเป็นคนโฉดทีมีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อถูกหลี่ชิเย่ท้าทายเช่นนี้ ไหนเลยที่พวกเขาจะกล้ำกลืนต่อไปได้?
“วาจาสามหาวยิ่งนัก…” วัวคลั่งเป็นผู้ที่มีอารมณ์ร้อนและรุนแรงมากที่สุด ร้องคำรามเสียงดังและกล่าวว่า “เจ้าหนู ในเมื่อเจ้าพูดจาโอหังขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้นรับมือเขาวัวของข้า!”
ขาดคำ ศีรษะของวัวคลั่งพุ่งชน เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง เขาวัวของเขาเสมือนหนึ่งทวนขนาดยักษ์ที่พุ่งเข้าใส่หลี่ชิเย่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...