“เจ้าหนู รับมือพัดของข้า…” เมื่ออวี่เหยียนเซินเห็นเทพไฉไลหงส์พิษพ่ายแพ้จึงได้ลงมือ ร้องคำรามเสียงดัง และพัดในมือก็ได้สะบัดออกไปในพริบตาเดียว
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ไฟโลกันต์ดั่งคลื่นยักษ์ที่เผาผลาญหมื่นอาณาจักร ฉับพลันทั่วฟ้าดินก็ถูกไฟโลกันต์ที่น่ากลัวกลืนหายไป ไฟโลกันต์ที่ถูกพัดออกมาเช่นนี้ เท่ากับว่าอาศัยพัดเล่มเดียวพัดไปทีหนึ่งก็สามารถเผาสำนักใดสำนักหนึ่งหายวับไปกับตาในพริบตา น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ภายใต้การเผาผลาญของไฟโลกันต์ เม็ดทรายทั้งหมดถูกเผาจนหลอมละลาย กลายเป็นลาวาเป็นก้อนๆ เหมือนหนึ่งเป็นการระเบิดของภูเขาไฟอย่างนั้น
สำหรับหลี่ชิเย่ที่อยู่ท่ามกลางไฟโลกันต์นั้น ถูกไฟโลกันต์กลืนกินเข้าไปอย่างสิ้นเชิง ไฟโลกันต์ที่ทรงพลังและน่ากลัวที่สุดก็โหมเข้าใส่หลี่ชิเย่อย่างบ้าคลั่ง เหมือนต้องการกลืนกินและเผาหลี่ชิเย่ให้ตายอย่างสิ้นเชิงอย่างนั้น
จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่เพียงยกมือกวาดออกไปตามอารมณ์เท่านั้น ความเย็นยะเยือกสูงสุดได้สยบลงมา และทำการดับไฟโลกันต์ทั้งหมดโดยพลัน ไฟโลกันต์ที่แกร่งและรุนแรงมากกว่านี้ก็ถูกทำให้ดับลงในพริบตาเดียว ภายใต้ความเย็นยะเยือกสุดขั้วนี้ ไฟโลกันต์ที่ดั่งคลื่นยักษ์ของอวี่เหยียนเซินก็เป็นได้แค่เชื้อไฟสายหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางหิมะเต็มพื้นที่เท่านั้นเอง
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น หลี่ชิเย่เพียงอาศัยนิ้วมือจิ้มไปตามอารมณ์ น้ำแข็งเสมือนดั่งเป็นโซ่เหล็กพลันจัดการพันธนาการอวี่เหยียนเซินเอาไว้จนกระดิกตัวไม่ได้
ในเวลานี้ พวกของวัวคลั่งได้พ่ายแพ้หมดทั้งสี่คน มีเพียงปิ้งจวินเท่านั้นที่ยังไม่ได้ลงมือ
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ชิเย่อาศัยฝ่ามือเพียงข้างเดียวเท่านั้น ไม่มีอาวุธใดๆ ไม่มีเคล็ดวิชาใด แค่อาศัยการเคลื่อนไหวสบายๆ ก็สามารถจัดการปราบพวกของวัวคลั่งที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะจนแพ้พ่าย
“นี่ก็แค่ออกแรงนิดหนึ่งเล่นเป็นเพื่อนกับพวกเจ้าเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กล่าวเรียบเฉยว่า “ถ้าหากข้าทำจริงจังล่ะก็ อย่าว่าแต่สวรรค์โจรเลย แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังกลัว”
ในเวลานี้เอง วัวคลั่งก็ดี มังกรทองแปดแขนก็ช่าง พวกเขาต่างหวาดผวาจนหน้าถอดสี สีหน้าซีดเผือด พวกเขาน่ะคือเทพแท้จริงขั้นอมตะเชียวนะ คือศัตรูผู้แข็งแกร่งของฮ่องเต้ไท่ชิง มีกำลังความสามารถแข็งแกร่งเช่นใด ไม่ต้องพูดให้มากความ
แต่ทว่า มาวันนี้ การทยอยกันลงมือต่อเนื่องของพวกเขาทั้งสี่ล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ให้กับหลี่ชิเย่ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่อาศัยเพียงฝ่ามือข้างเดียวเท่านั้นเอง นั่นย่อมเป็นการบ่งบอกว่า หลี่ชิเย่แค่เคลื่อนไหวสบายๆ ก็เอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมด
มันช่างเป็นกำลังความสามารถที่น่ากลัวเพียงใด ดังนั้น พวกเขาวัวคลั่ง มังกรทองแปดแขนต่างก็ตระหนักแล้วว่า พวกเขาได้พบกับผู้ที่น่ากลัวยากจะหาผู้ใดเทียมแล้ว จะอย่างไรเสีย การจะเอาชนะพวกเขาได้นั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงการอาศัยลูกเล่นและความบังเอิญ
ในเวลานี้เอง รูม่านตาของพวกวัวคลั่ง มังกรทองแปดแขนต่างหดตัวลง นาทีนี้ พวกเขาต่างไม่สามารถประเมินกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่ได้ นี่เป็นการแซงล้ำหน้าขอบเขตของพวกเขาไป และถึงระดับลึกซึ้งยากจะหยั่งถึงแล้ว
“เจ้ายังจะลงมือหรือไม่?” หลี่ชิเย่ยืนเอามือไพล่หลัง มองดูปิ้งจวินด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีความเป็นอิสระเสรีอยู่ในใจ
“มาถึงขั้นนี้แล้ว แม้จะรู้แล้วว่าต้องพ่ายแพ้ก็ได้แต่เสี่ยงดู” ในเวลานี้ ปิ้งจวินทอดถอนใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง พลันที่กล่าวขาดคำเขาได้โยนไม้เท้าในมือทิ้งไป
แม้ว่าเวลานี้ปิ้งจวินก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่แล้ว แม้จะกล่าวว่าตัวเขานั้นแข็งแกร่งกว่าพวกของวัวคลั่งอยู่ไม่น้อย แต่ว่า ต้องสยบและเอาชนะพวกของวัวคลั่ง มังกรทองแปดแขนด้วยการเคลื่อนไหวเพียงสบายๆ แบบนี้เขาไม่สามารถทำได้ เกรงว่าทั่วทั้งแดนลัทธิราชันก็ไม่มีใครสามารถทำได้
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ในขณะนี้เอง ปิ้งจวินปรากฏไอหมอกที่ดั่งคลื่นยักษ์พวยพุ่งออกมาทั่วทั้งตัว โดยที่ไอหมอกที่ปิ้งจวินพวยพุ่งออกมานั้นทำให้มีฝุ่นไปคลุ้งทั่ว เสมือนดั่งไอหมอกที่สลัวๆ อย่างนั้น
ในเวลานี้เอง ปิ้งจวินไม่ได้มีทีท่าที่เป็นดั่งป่วยกะปลกกะเปลี้ยอีกต่อไป นาทีนี้ ปิ้งจวินเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างนั้น ดั่งเป็นฮ่องเต้ที่อยู่จุดสูงสุด มีท่าทีที่ปกครองใต้หล้าอย่างนั้น
แม้ว่าปิ้งจวินในเวลานี้จะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาเท่านั้น แต่ทว่า พลังที่เขาเปล่งออกมายังคงสูงส่งด้วยอำนาจความเป็นฮ่องเต้ เหมือนเป็นฮ่องเต้มาแต่กำเนิด ปกครองหมื่นอาณาจักร ควบคุมจักรวาล
นี่แหละจึงเป็นปิ้งจวิน นี่แหละจึงเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา ส่วนท่าทางที่กะปลกกะเปลี้ยเป็นเพียงภาพที่ปรากฏเท่านั้นเอง อย่าลืมไปว่าชื่อปิ้งจวินชื่อนี้ ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่คำว่า ‘ปิ้ง’ แต่อยู่ที่คำว่า ‘จวิน’ ซึ่งคำว่า ‘จวิน’ คำนี้มีความหมายว่าปกครองใต้หล้า
ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า ปิ้งจวินในครั้งนั้นมีความแข็งแกร่งเช่นใด และน่ากลัวมากมายเท่าใดแล้ว
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ยามที่ปิ้งจวินก้าวออกมาก้าวหนึ่งนั้น จากการย่างก้าวของเขานั้น เมื่อไอหมอกสีเทาเปื้อนเม็ดทรายบนพื้น ทำให้เม็ดทรายดังกล่าวเน่าเปื่อยไปทันที สมควรทราบว่าเม็ดทรายแต่ละเม็ดที่อยู่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่แกร่งเหมือนดังหินผลึกอย่างนั้น แต่ทว่า เมื่อเปื้อนไอหมอกสีเทาแล้วก็จะเปื่อยยุ่ยจนกลายเป็นผุยผงไป
นี่ก็คือสัจธรรมโรคระบาดเทพของปิ้งจวิน ภายใต้สัจธรรมเช่นนี้ของเขา กระทั่งเรียกได้ว่าเขาไม่ต้องอาศัยกระบวนท่าใดแม้กระบวนท่าเดียวก็สามารถทำลายล้างสำนักใดสำนักหนึ่งได้ กองทัพที่มีไพร่พลนับล้านไม่อาจรับมือกับเขาได้เลยในสายตาของเขา
“กลิ่นอายมา…” ปิ้งจวินคำรามเสียงยาว เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ไอหมอกสีเทาของเขาพุ่งขึ้นท้องฟ้า พุ่งเข้าไปบนจักรวาล ต่อให้เป็นดวงดาวแต่ละดวงที่มีขนาดใหญ่ เมื่อสัมผัสถูกกลิ่นอายสัจธรรมโรคระบาดเทพก็จะต้องกลายเป็นผุยผงในทันที ดวงดาวแต่ละดวงก็จะหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมา ในเวลานี้กลิ่นอายสัจธรรมโรคระบาดเทพที่น่ากลังเสมือนดั่งพายุร้ายที่พุ่งโจมตีเข้าหาหลี่ชิเย่ เหมือนต้องการจับหลี่ชิเย่ฉีกให้กลายเป็นผุยผงอย่างนั้น
พลันที่ปิ้งจวินลงมือ เขาก็เหมือนดั่งฮ่องเต้แห่งโรคระบาดที่อาละวาดไปทั่วฟ้าดิน เป็นราชาที่นำมาซึ่งการทำลายและความตาย ภาพเช่นนี้ทำให้ผู้พบเห็นต่างตัวสั่นดั่งลูกนก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...