ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2574

ตอนที่ 2574 ภัยพิบัติกำลังมาเยือน
ในเวลานี้หลินยี่เสวี่ยถึงกับเหม่อลอย ขณะมองดูซากปรักหักพังเทียนยวิ่นที่ราบเรียบอย่างสิ้นเชิง เป็นความจริงที่ซากปรักหักพังเทียนยวิ่นที่อยู่ตรงหน้าแตกต่างจากที่อื่น

“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่” หลินยี่เสวี่ยถึงกับพูดขึ้นมาเหม่อลอย

“ไม่รู้ เกรงว่าก็คงไม่มีใครรู้” หวูโหย่วเจิ้งส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “บันทึกของนิกายพวกเราไม่ได้พูดถึงอย่างละเอียด เพียงพูดอยู่แค่ไม่กี่คำ แต่ว่า ในชั่วข้ามคืนเดียวนี่แหละ พรรคเทียนยวิ่นที่ปราศจากผู้ต่อกรก็ล่มสลายลงเช่นนี้”

“นี่เป็นการศึกครั้งยิ่งใหญ่” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้เอ่ยเรียบเฉยขึ้นมาว่า “เป็นการศึกที่สะเทือนเลื่อนลั่นครั้งหนึ่ง แน่นอน การศึกยิ่งใหญ่ครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นที่ตรงนี้ ที่ตรงนี้เพียงได้รับผลกระทบเท่านั้น ถูกกวาดจนราบเรียบ”

“น่ากลัวขนาดนี้?” เมื่อหวูโหย่วเจิ้งได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับเสียวสันหลังวาบ และกล่าวว่า “เล่าลือกันว่า ครั้งนั้นที่ตรงนี้คือสถานที่สำคัญของพรรคเทียนยวิ่น นอกจากจะผ่านการปลุกเสกจากราชันแท้จริงองค์หนึ่งและเทพแท้จริงขั้นอมตะอีกคนหนึ่งแล้ว ที่ตรงนี้ยังมีพลังของปฐมบรรพบุรุษอยู่ในครอบครอง กระทั่งมีผู้กล่าวว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นก็อยู่ที่ตรงนี้ ในเวลานั้นสถานที่แห่งนี้เรียกได้ว่ามีความแข็งแกร่งจนไม่สามารถตีแตกได้ มันเป็นพลังอะไรกันแน่ ทำไมถึงพุ่งชนจนพังพินาศในทันทีได้?”

ที่ทำให้หวูโหย่วเจิ้งตกใจก็คือ พลังที่พุ่งมาปะทะและทำลายสถานที่แห่งนี้ยังเป็นเพียงผลกระทบที่ลามมาถึงเท่านั้น พลังที่น่ากลัวเช่นนี้นับว่าทำให้ผู้คนไม่สามารถจินตนาการได้

“มันจะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้?” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ราชันแท้จริงสามองค์ ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะแต่ละคนก็ไม่สามารถรักษาอาณาจักรนี้เอาไว้ได้ แค่สถานที่สำคัญเท่านั้น ไหนเลยมีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง”

“นี่ นี่ นี่ออกจะน่ากลัวมากเกินไปแล้ว” หวูโหย่วเจิ้งอดที่จะร่างสั่นเทาทีหนึ่ง เขาเป็นเพียงเทพแท้จริงระดับสูงเท่านั้น พยายามก้าวขึ้นไปยังขั้นขึ้นสู่สวรรค์ ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะราชันแท้จริงเขาก็เอื้อมไปไม่ถึงแล้ว

“โลกนี้มีสิ่งที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้จริงๆ รึ?” หลินยี่เสวี่ยเหลือบมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “โลกนี้ยังจะมีสิ่งใดสามารถสังหารราชันแท้จริงพร้อมกันทีเดียวสามองค์ และเทพแท้จริงขั้นอมตะอีกหลายสิบคน? สิ่งนี้ไม่คงอยู่จริงอยู่แล้ว”

หลินยี่เสวี่ยจะอย่างไรเสียก็เป็นเพียงสาวน้อยเท่านั้น เรียกได้ว่านางออกจากเมืองหมิงลั่วเฉิงน้อยมาก สิ่งที่นางสามารถมองเห็นได้ก็คือระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นเท่านั้นเอง และเวลานี้ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นได้ตกต่ำลงแล้ว ทั่งทั้งระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิสือยวิ่นคงมีเพียงเมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเขาที่ใหญ่ที่สุดแล้ว

ในความคิดของนาง สามารถก้าวถึงระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ในเมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเขา หากสามารถหาระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ได้สักคนก็นับว่าเป็นที่หวั่นไหวของผู้คนแล้ว

ภายในใจของนาง เฉกเช่นราชันแท้จริง เทพแท้จริงขั้นอมตะคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงส่งยิ่ง มองเห็นได้แต่ไม่สามารถเอื้อมถึง ลองนึกภาพดู ราชันแท้จริงสามองค์ และเทพแท้จริงขั้นอมตะหลายสิบคนถูกสังหารในพริบตาเดียว เรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องที่นางฝันก็ฝันไม่ถึง

“นั่นบอกได้แต่เพียงโลกของเจ้าแคบเกินไป” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “โลกอันกว้างใหญ่เกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ถึง จำนวนของยอดฝีมือก็เกินเลยกว่าจินตนาการของเจ้า”

“เจ้า เจ้า เจ้า…” หลินยี่เสวี่ยพลันมีใบหน้าที่แดงก่ำ อดที่จะจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธไม่ได้ กล่าวอย่างเคืองๆ ว่า “ฮึ ฮึ ฮึข้าประสบการณ์ตื้นเขิน ฮึ ฮึหรือว่าเจ้าเหนือกว่าข้าร้อยเท่าอย่างนั้น!”

นางเห็นว่าหลี่ชิเย่นั้นอายุมากกว่าตนไม่เท่าไร อย่างมากก็แกร่งกว่าอาจารย์ของนางขั้นหนึ่ง เมื่อถูกหลี่ชิเย่สั่งสอนเช่นนี้ ในใจของนางย่อมไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว

“เสวี่ยเอ๋อร์ ห้ามเสียมารยาท” หวูโหย่วเจิ้งจ้องถมึงหลินยี่เสวี่ยทีหนึ่ง กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา

“แข็งแกร่งกว่าเจ้าแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ก็ไม่ใส่ใจ ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวขึ้นมา

ฮึ…หลินยี่เสวี่ยไม่ยอมรับ จ้องตาถมึงหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง แต่ด้วยอาจารย์ของตนอยู่ที่ตรงนี้ จึงไม่กล้าระเบิดใส่หลี่ชิเย่ ได้แต่เอาความโกรธนั้นกล้ำกลืนลงท้องไป

“คุณชาย ที่คุณชายพูดมาเมื่อครู่…” หวูโหย่วเจิ้งลังเลนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ที่คุณชายบอกว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงจะต้องพบกับภัยพิบัติจนล่มสลาย”

“จริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ถ้าน้อยก็ราวสามถึงห้าวัน อย่างมากก็แปดถึงสิบวัน เมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้าจะต้องนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงขั้นล่มสลาย”

“อาจารย์ อย่าไปฟังเขาพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า เขาปล่อยข่าวลือทำให้เข้าใจผิด” หลี่ชิเย่เพิ่งพูดขึ้นมา หลินยี่เสวี่ยก็คัดค้านทันที พูดกับหวูโหย่วเจิ้งว่า “เมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเราอยู่กันดีๆ ทั่วทั้งเมืองแข็งแกร่งไม่สามารถตีให้แตกได้ จะมีภัยถึงล่มสลายได้อย่างไรกันเล่า?”

“ห้ามพูดจาส่งเดช…” หวูโหย่วเจิ้งปรามหลินยี่เสวี่ยทันที ในใจของเขาอดกังวลไม่ได้ ในฐานะที่เป็นเจ้านิกายซูสือ เขาไม่ได้เหมือนดั่งเช่นหลินยี่เสวี่ยที่ไร้เดียงสาเช่นนั้น

“นี่ นี่เป็นความจริงรึ?” หวูโหย่วเจิ้งรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน และกล่าวว่า “เมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเราดูเหมือนจะไม่เคยเป็นศัตรูกับผู้ยิ่งใหญ่คนใดมาก่อน ยิ่งกว่านั้นก็ยังไม่ได้ไปหาเรื่องกับคนโหดอะไร ภัยพิบัติถึงขั้นทำลายเมืองมาได้อย่างไร?”

“รู้จักเมืองไป่หลานเฉิงหรือไม่? เมืองไป่หลานเฉิงหายวับไปเพียงชั่วข้ามคืน รู้เรื่องนี้แล้วกระมัง” หลี่ชิเย่มองดูหวูโหย่วเจิ้งทีหนึ่ง

“เมืองไป่หลานเฉิง…” ภายในใจของหวูโหย่วเจิ้งเต้นกระตุกทีหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ลางสังหรณ์ที่ไม่เป็นมงคลพลันครอบงำอยู่ภายในใจของเขาทันที

“ข้า ข้าก็เพิ่งได้รับข่าวเกี่ยวกับเมืองไป่หลานเฉิง” ภายในใจของหวูโหย่วเจิ้งรู้สึกเสียวสันหลังวาบบ ใบหน้าขาวซีด

ระยะทางระหว่างเมืองไป่หลานเฉิงกับเมืองหมิงลั่วเฉิงห่างไกลกันมาก การที่เขาสามารถได้ข่าวก็ต้องอาศัยเวลาอยู่ช่วงหนึ่ง ข่าวจะไม่สามารถทันกาลได้ขนาดนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล