ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2575

ตอนที่ 2575 รนหาที่ตายเอง
ทั้งหวูโหย่วเจิ้ง กับหลินยี่เสวี่ยทั้งสองคนต่างตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ เวลานี้ไม่อาจเรียกสติกลับมา พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะปฏิเสธได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ และปฏิเสธได้สะอาดหมดจดถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังนึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะปฏิเสธได้มีเหตุผลเต็มที่ก่อนจะพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ

“คุณชาย เมืองหมิงลั่วเฉิงของพวกเรากำลังจะมีภับพิบัติถึงตัว คุณชายคือผู้มีทักษะยุทธสูงส่ง ขอให้คุณชายได้โปรดเมตตาช่วยเหลือประชาชนของเมืองหมิงลั่วเฉิง ช่วยเหลือประชาชนใต้หล้า” เมื่อหวูโหย่วเจิ้งได้สติกลับมาถึงกับคำนับเป็นการใหญ่

หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “สิ่งนี้ไหนเลยต้องให้ข้าช่วย พวกเจ้าหนีไปตอนนี้ก็ยังทัน ในเมื่อมีโอกาสหนีไป ไหนเลยต้องรอการช่วยเหลือจากผู้อื่นเล่า อีกอย่าง ข้าไม่ได้มีความสนใจในประชาชนของเมืองหมิงลั่วเฉิง ที่นี่หาใช่อาณาจักรของข้า และไม่ถึงกับต้องให้ข้าไปห่วงกังวล”

หวูโหย่วเจิ้งถึงกับตะลึง ในเวลานี้เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะหาคำพูดเช่นใดดี

“หรือว่าเจ้าจะมองตาปริบๆ ดูประชาชนหลายแสนคนของเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเราไปตายอย่างนั้นรึ?” หลินยี่เสวี่ยถึงกับร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมาซักถามต่อหลี่ชิเย่

“ประชาชนหลายแสนคนของเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้ามันเกี่ยวอะไรกับข้า?” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และไม่แสดงความโกรธขึ้นมา

“เจ้า…” หลินยี่เสวี่ยถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ กล่าวด้วยท่าทีโกรธแค้นว่า “เจ้าเป็นผู้สูงส่งมิใช่รึ? หรือว่าใจไม้ไส้ระกำเบบนี้? หรือว่าเจ้าเลือดเย็นเช่นนี้อย่างนั้นรึ? มองดูประชาชนหลายแสนคนต้องตายไปโดยไม่ลงมือช่วย เจ้านับเป็นผู้สูงส่งอย่างไรกัน ไหนเลยมีจิตของความเป็นผู้สูงส่ง ก็แค่คนไม่ดีที่เย็นชาไร้ความเมตตาคนหนึ่ง…”

“ห้ามเสียมารยาท…” หวูโหย่วเจิ้งตวาดห้ามปรามต่อหลินยี่เสวี่ยทันที และกล่าวขอโทษกับหลี่ชิเย่ว่า “คุณชาย ศิษย์ข้าไร้มารยาท หากล่วงเกินขอคุณชายโปรดอภัย”

“อาจารย์ เพราะอะไรจะต้องขอโทษเขา เฉกเช่นตัวเขาที่เห็นคนจะตายแต่ไม่ให้ความช่วยเหลือ ไม่สมควรแก่ผู้คนต้องไปเคารพนับถือ…” หลินยี่เสวี่ยไม่ยอมรับ และรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม ร้องกล่าวด้วยเสียงอันดัง

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและไม่ได้แสดงอาการโกรธ มองดูหลินยี่เสวี่ย ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าบอกมาซิ อาศัยอะไรข้าต้องไปช่วยคนหลายแสนคนของเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้าเล่า? ไม่ได้เป็นญาติมิตรกับข้าสักหน่อย ข้าเองก็เป็นเพียงผู้ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง ทำไม่จะต้องช่วย…”

“…โลกมนุษย์ที่สุดลูกหูลูกตา สรรพชีวิตดั่งทะเล โลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้ และโหดร้ายกว่าที่เจ้าได้จินตนาการไว้เสียอีก การล่มสลายของสำนักๆ หนึ่ง ศึกสงครามสักครั้ง อย่างเบาๆ ก็คือคนตายหลายแสนคน หนักก็คือหลายสิบล้านคนต้องหายวับไปกับตาในพริบตา กระทั่งอาจเป็นไปได้ที่โลกๆ หนึ่งถูกทำลาย สิ่งมีชีวิตนับล้านล้านกลับกลายเป็นเถ้าธุลี การตายของคนจำนวนแค่สองสามแสนคนของเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้า มันก็แค่จำนวนคนบาดเจ็บล้มตายของการล่มสลายของสำนักชั้นสามสำนักหนึ่งเท่านั้น…”

“…ทอดสายตามองออกไปที่แดนสามเซียน การล่มสลายของสำนักชั้นสามสักสำนักหนึ่งมีให้เห็นอู่ทุกวัน ภายใตท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนี้ ทุกๆ ปีสำนักชั้นสามที่ล่มสลายไปนั้นไม่มีหนึ่งหมื่นก็ต้องมีแปดพันแห่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปัจจัยอื่นที่ทำให้จำนวนนี้มีการเปลี่ยนแปลงไป เช่นภัยพิบัติเป็นต้น เจ้าลองดูซิ การล่มสลายของเมืองหมิงลั่วเฉิงพวกเจ้า มันก็แค่ทรายเม็ดหนึ่งของทรายที่เคลื่อนที่อยู่ใต้ท้องทะเลเท่านั้นเอง…”

“…ถ้าหากว่า ไม่ว่าการล่มสลายของสำนักใดๆ สถานที่ใดมีการตายของสิ่งมีชีวิตข้าก็ต้องไปช่วย เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติข้าคงไม่ต้องทำเรื่องอื่นๆ อีกแล้ว”

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ยิ้มนิดหนึ่งและกล่าวขึ้นขช้าๆ ว่า “หากเปลี่ยนเป็นเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถมีจิตเมตตา สามารถช่วยเหลือใต้หล้าได้หรือ? สามารถโปรดเวไนยสัตว์ทั้งหมดให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ได้หรือไม่? นับแต่อดีตที่ผ่านมา มีสักกี่คนที่สามารถทำได้ถึงขั้นโปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ได้ทั้งหมด”

เมื่อหลินยี่เสวี่ยได้ฟังคำบอกเล่าเช่นนี้จากหลี่ชิเย่แล้ว ถึงกับตะลึงอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้

หลินยี่เสวี่ยเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่เข้าสู่สังคมได้ไม่มาก และเคยออกจากเมืองหมิงลั่วเฉิงนับครั้งได้ กล่าวสำหรับนางแล้ว เมืองหมิงลั่วเฉิงทั้งหมดก็คือท้องฟ้าของนาง ไหนเลยที่นางจะรู้ว่าโลกมีความกว้างใหญ่เพียงใด ไหนเลยจะรู้ว่าโลกใบนี้มีอันตรายและความโหดร้ายทารุณอย่างไร

ในเวลานี้หลินยี่เสวี่ยตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถตอบอะไรได้เป็นเวลานาน

หวูโหย่วเจิ้งเองก็ทอดถอนใจเบาๆ คำหนึ่ง เขาในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักนิกายซูสือย่อมมีประสบการณ์มากกว่าศิษย์ของตน ภายในใจของเขาก็เข้าใจดี ต่อให้หลี่ชิเย่มีศักยภาพจริง หากเขาช่วยเมืองหมิงลั่วเฉิงนั่นคือความเมตตาของเขา ไม่ช่วยเมืองหมิงลั่วเฉิงก็เป็นเรื่องของน้ำใจและเหตุผล

จะอย่างไรเสีย เขากับเมืองหมิงลั่วเฉิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เหมือนดั่งที่เขาพูดเอาไว้อย่างนั้น ผู้คนจำนวนมากมาย อาศัยอะไรให้เขาต้องไปช่วยเมืองๆ หนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อให้เขาช่วยเมืองหมิงลั่วเฉิงเอาไว้ ก็ไม่เห็นว่าราษฎรหรือประชาชนจะขอบคุณเขา กระทั่งอาจมีคนที่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว

หลี่ชิเย่มองดูหลินยี่เสวี่ยที่ยืนเหม่อ ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “ในโลกนี้ไม่มีพระเจ้าช่วยโลก คิดจะช่วยเหลือตัวเอง คิดจะช่วยเหลือคนที่อยู่ข้างกายตน ท้ายที่สุดแล้วยังต้องพึ่งตนเอง การมุ่งหวังจะให้ผู้อื่นมาช่วย นั่นเป็นการไม่รับผิดชอบต่อชีวิตของตน เป็นความเกียจคร้านต่อวิถีของตนเท่านั้น…”

“…ต่อให้โลกนี้มีพระเจ้าที่ช่วยโลกอยู่จริง ผู้คนเป็นหมื่นเป็นล้าน ผู้ได้รับทุกข์มีจำนวนนับไม่ถ้วน ไหนเจ้าลองบอกมาซิ ควรจะไปช่วยใครก่อนดี ใครเล่าที่คู่ควรให้ไปช่วยเหลือ หลักเกณฑ์ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ใครเป็นผู้กำหนด? ดังนั้น ต่อให้โลกนี้มีพระเจ้าที่ช่วยโลก เขาก็จะไม่ไปช่วยเหลือคนใดคนหนึ่ง และไม่ไปช่วยเมืองใดเมืองหนึ่ง และหรือไปช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่ง เขาคงได้แต่มองจากที่สูงมายังโลกที่ห่างไกลโลกนี้ เฝ้ามองดูโลกใบนี้ ประกันการคงอยู่ของโลกใบนี้ นี่แหละคือพระเจ้าที่ช่วยโลก…”

“ช่วยโลก ไม่ใช่ช่วยคน โลกยังคงอยู่ นี่แหละคือเรื่องที่พระเจ้าช่วยโลกจะต้องทำ มิฉะนั้นแล้วก็จะไม่เรียกว่าพระเจ้าช่วยโลก” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย

หลินยี่เสวี่ยฟังคำบอกเล่าเช่นนี้แล้ว ไม่ได้สติอยู่เป็นเวลานาน ก่อนหน้านั้น นางคิดว่าคนๆ หนึ่งหากเห็นผู้อื่นเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยเป็นเรื่องที่เลือดเย็นไร้ความเมตตา แต่คำพูดของหลี่ชิเย่ได้ทำให้ภายในใจของนางค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นช้าๆ

“ที่คุณชายพูดมานั้นก็ถูก” หวูโหย่วเจิ้งทอดถอนใจเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง และโค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่

ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ลงมือ หวูโหย่วเจิ้งก็ไม่สามารถฝืนบังคับได้ จะอย่างไรเสียผู้ที่สูงส่งทุกคนย่อมแตกต่างกันออกไป พวกเขามีความเข้าใจที่ผู้อื่นไม่สามารถเข้าใจหรือจินตนาการได้

จังหวะที่หลินยี่เสวี่ยกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น เวลานี้ได้มีคนสองคนเดินเข้ามายังบริเวณซากปรักหักพัง ทั้งสองคนล้วนแล้วแต่เป็นคนหนุ่ม เดินตามกันเข้ามาในบริเวณซากปรักหักพัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล