ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2577

ตอนที่ 2577 ควรไปได้แล้ว
มู่เฉิงเจี๋ยกลายเป็นหมอกเลือด เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นหวูโหย่วเจิ้งหรือว่าสวี่อิงเจี้ยนต่างถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ ในเวลานี้ถูกสยบ อ้าปากกว้างอยู่ตรงนั้น

สำหรับหลินยี่เสวี่ยก็ถูกทำให้ตื่นตระหนกยิ่ง เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นการบีบคนให้กลายเป็นหมอกเลือดได้อย่างง่ายดาย ภาพเช่นนี้ออกจะน่ากลัวมากเกินไปแล้ว

มองดูหมอกเลือดที่ลอยกระจายไปตามลม ในเวลานี้ทั้งหวูโหย่วเจิ้งและสวี่อิงเจี้ยนต่างอดที่จะหวาดกลัวอยู่ในใจไม่ได้ เวลานี้ก็พูดอะไรไม่ออก

มู่เฉิงเจี๋ยตายแล้ว ทำให้หวูโหย่วเจิ้ง กับสวี่อิงเจี้ยนต่างมีสีหน้าที่ขาวซีด มู่เฉิงเจี๋ยนะเนี่ย นี่มันศิษย์ของตระกูลมู่ อีกทั้งยังไม่ใช่ศิษย์ทั่วๆ ไป ยังเป็นถึงหลานศิษย์ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ฐานะของเขาในตระกูลมู่ก็นับว่าไม่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นศิษย์ของตระกูลมู่ ในฐานะที่เป็นหลานศิษย์ของราชันแท้จริงแห่งยุค เขากลับต้องมาตายน่าอนาถในเมืองหมิงลั่วเฉิงที่เป็นเพียงเมืองเล็กๆ ตระกูลมู่รู้เข้าเมื่อไหร่ผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด?

เกรงว่าตระกูลมู่จะต้องตามสืบหาสาเหตุ เมื่อมีศิษย์คนหนึ่งของตระกูลมู่ต้องตายไป และหลานศิษย์ของราชันแท้จริงแห่งยุคตายไปก็คงไม่ธรรมดาแล้ว วันใดที่ตระกูลมู่ตามสืบมาถึง เกรงว่าเป็นการทำให้เกิดเรื่องใหญ่เสียแล้ว หากตระกูลมู่โกรธขึ้นมา เกรงว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงคงต้องจบสิ้นแล้ว

ภายใต้ตระกูลมู่ที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ลำพังแค่เมืองหมิงลั่วเฉิงแห่งหนึ่งมันก็เสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น ถ้าหากตระกูลมู่โกรธขึ้นมา และหรือราชันแท้จริงมู่เจี้ยนโกรธ เกรงว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงก็ต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว

ในเวลานี้ ทั้งหวูโหย่วเจิ้ง และสวี่อิงเจี้ยนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้ตกใจจนใบหน้าขาวซีด นี่เป็นการล่วงเกินผู้ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลมู่เข้าให้แล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเช่นใด

“เจ้า เจ้า เจ้า เจ้าฆ่าเขาแล้ว เจ้าฆ่าเขาแล้วจริงๆ…” ในเวลานี้ คำพูดของสวี่อิงเจี้ยนก็สะดุด ไม่คล่องแคล่วเลยแม้แต่น้อย

นาทีนี้สวี่อิงเจี้ยนคาดหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ไม่ใช่ความจริง เขาคาดหวังว่ามันเป็นเพียงความฝัน เป็นการฝันร้าย จะอย่างไรเสียเป็นเขาที่มาที่นี่เป็นเพื่อนกับมู่เฉิงเจี๋ย เวลานี้มู่เฉิงเจี๋ยตายไปแล้ว เขากลับไปก็ไม่สามารถอธิบายต่ออาจารย์ของเขา และไม่สามารถอธิบายกับตระกูลมู่ได้

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่กล่าวตอบคำหนึ่ง อย่างไรก็ได้ เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เจ้า เจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่า เขาคือหลานศิษย์ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ศิษย์ที่ตระกูลมู่ให้ความสำคัญ” สวี่อิงเจี้ยนถึงกับร้องกล่าวด้วยเสียงอันดัง ท่าทางสูญเสียบุคลิกมากเลยทีเดียว จากนั้นก็ร่างสั่นเทาทีหนึ่ง ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว คำพูดท้ายๆ ถึงกับเบาเสียงลง

การที่หลี่ชิเย่สามารถอาศัยมือข้างเดียวจัดการบีบมู่เฉิงเจี๋ยจนกลายเป็นหมอกเลือด ตัวเขาเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากไปกว่ามู่เฉิงเจี๋ย หลี่ชิเย่ก็สามารถอาศัยนิ้วมือนิ้วเดียวบี้เขาให้กลายเป็นหมอกเลือดได้เช่นกัน

หลี่ชิเย่หลับตานั่งตัวตรง เหมือนว่าจะไม่ได้ยินเสียงของเขาอย่างนั้น

“คุณชาย นี่ นี่ นี่เกรงว่าจะเป็นการก่อเรื่องใหญ่แล้ว ฟังว่าตระกูลมู่เข้าข้างคนของตัวเองอย่างยิ่ง ท่านสังหารศิษย์ของตระกูลมู่แล้ว เกรงว่าตระกูลมู่จะไม่ยอมเลิกรา เกรงว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็จะแก้แค้นให้กับหลานศิษย์ที่ตายไป” ในเวลานี้หวูโหย่วเจิ้งก็มีสีหน้าที่ขาวซีด

กล่าวสำหรับเขาแล้ว การเป็นศัตรูกับราชันแท้จริงมันคือเรื่องที่ใหญ่ทะลุฟ้า เป็นเรื่องที่เขาไม่กล้าจะคิดชั่วชีวิต เวลานี้กลับปรากฏเป็นจริงกับตัวของตนเองแล้ว

“แค่ราชันแท้จริงเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “มีอะไรต้องพูดถึงให้มากความ มาแล้วก็ประหารเสียก็แล้วกัน”

ทั้งหวูโหย่วเจิ้ง และสวี่อิงเจี้ยนต่างตาค้างลิ้นพันกัน เมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ ราชันแท้จริงองค์หนึ่ง เมื่อออาจากปากของหลี่ชิเย่แล้ว กลายเป็นไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง คำเดียว “ประหารเสียก็แล้วกัน” ช่างเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่างเปี่ยมด้วยความพาลเหลือเกิน

“เจ้า เจ้า เจ้านำภัยให้พวกเรา และนำภัยให้กับเมืองหมิงลั่วเฉิงทั้งเมือง” ไม่ง่ายนักกว่าสวี่อิงเจี้ยนจะได้สติกลับมา อดที่จะบ่นขึ้นมา

“ไสหัวไป…” หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตา กล่าวด้วยท่าทีเย็นชา

คำว่า ‘ไสหัวไป’ เมื่อพูดออกมา พลันทำให้สวี่อิงเจี้ยนต้องสั่นเทา เขาเกือบลืมไปแล้วว่า หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าก็คือผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก หากเขาไม่สบอารมณ์ เขาก็สามารถบี้ตนเองให้กลายเป็นหมอกเลือดได้เช่นเดียวกัน

สวี่อิงเจี้ยนสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ไม่พูดพล่ามทำเพลง ล้มลุกคลุกคลานหันหลังหนีไปทันที ไม่กล้าพูดคำพูดที่แข็งกร้าวออกมาแม้แต่ครึ่งคำ

ไม่ง่ายนักกว่าที่หวูโหย่วเจิ้งจะได้สติกลับมา เขาถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เรื่องเช่นนี้คล้ายดั่งเป็นความฝัน เกรงว่าชั่วชีวิตของเขาก็ไม่เคยได้ผ่านวินาทีที่ตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้มาก่อน จะอย่างไรเสีย หากเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาปรกติ เฉกเช่นศิษย์ของตระกูลมู่มาถึง เขาจะต้องให้ความเคารพ ระมัดระวังที่จะไปล่วงเกินต่อตระกูลมู่

“ไปเสีย” หลี่ชิเย่ก็ไม่เคยไปมองดูหวูโหย่วเจิ้งกับหลินยี่เสวี่ยสักทีหนึ่ง โบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “ไปจากเมืองหมิงลั่วเฉิงเสีย สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่มีแต่ความขัดแย้ง สามารถล่มสลายได้ทุกเวลา”

หวูโหย่วเจิ้งถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เขาเข้าใจ ด้วยศักยภาพเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ไม่มีความจำเป็นต้องโกหกเขาอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อเขาบอกว่าเมืองหมิงลั่วเฉิงจะแตกสลาย ก็ต้องแตกสลายอย่างแน่นอน

“ขอบคุณคุณชายที่ให้ความช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า เก่ากะลาทักษะอ่อนด้อย ไม่สามารถรับใช้คุณชาย บุญคุณใหญ่หลวงของคุณชาย เก่ากะลาจะจดจำในใจทุกชาติไป” หวูโหย่วเจิ้งคารวะเต็มรูปแบบ และกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม

หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น หลับตาพักผ่อนกายา รับการคารวะเต็มรูปแบบจากหวูโหย่วเจิ้งอย่างไม่สะทกสะท้าน

หลังจากที่หวูโหย่วเจิ้งคารวะเต็มรูปแบบด้วยความเคารพนอบน้อมแล้ว จึงได้พาหลินยี่เสวี่ยไปจากบริเวณที่เป็นซากปรักหักพังแห่งนี้ ขณะที่ไปจาก หลินยี่เสวี่ยอดที่จะหันไปมองดูหลี่ชิเย่หลายครั้ง อ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล