ตอน ตอนที่ 2601 ศึกระหว่างคนกับผีดิบ จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2601 ศึกระหว่างคนกับผีดิบ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 2601 ศึกระหว่างคนกับผีดิบ
“ฆ่ามัน…” ในเวลานี้ ภายในเมืองหมิงลั่วเฉิงปรากฏเสียงร้องฆ่าขึ้นมาเป็นระลอก
แรกทีเดียว เมื่อผีดิบปะปนเข้าไปในฝูงชน ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมายไม่ทันระวังตัว จึงถูกผีดิบสังหารจนตั้งตัวไม่ติด ทำให้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
แต่ว่า เมื่อยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดภายในเมืองหมิงลั่วเฉิงตั้งสติกลับมาได้ ค่อยๆ คุมเกมได้อย่างมั่นคง ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ได้รุกลับต่อผีดิบทันที
แน่นอนที่สุด ถ้าหากลำพังอาศัยเพียงแค่ราษฎร หรือผู้บำเพ็ญตนพื้นเมืองอย่างเดียวล่ะก็ เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบรรดาผีดิบเหล่านั้น มีความเป็นไปได้ที่ราษฎร หรือผู้บำเพ็ญตนพื้นเมืองทั้งหมดจะถูกเข่นฆ่าจนหมดสิ้น
แต่ว่า ในขณะนี้ ภายในเมืองหมิงลั่วเฉิงไม่รู้ว่ามีสำนักเจ้าลัทธิและระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มาจากภายนอกจำนวนเท่าไร อีกทั้งบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ทีสามารถก้าวข้ามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแล้วมาถึงเมืองหมิงลั่วเฉิงได้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ณ แห่งใดแห่งหนึ่งมาก่อน และหรือเป็นศิษย์ที่มีชาติกำเนิดมาจากสำนักเจ้าลัทธิและระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดสามารถตั้งหลักได้แล้ว สถานการณ์โดยรวมพลันพลิกกลับในทันที ผีดิบทั้งหมดถูกยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนสังหารจนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ภายในระยะเวลาอันสั้น ผีดิบกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกล้อม และมีผีดิบจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทันลงมือก็ถูกยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจากทุกทิศทุกทางล้อมเอาไว้อย่างหนาแน่น
ภายในระยะเวลาอันสั้น ได้ยินเสียงคร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกดังขึ้น มีผีดิบจำนวนไม่น้อยที่หัวหลุดจากบ่า แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ ศพที่สูญเสียหัวไปยังคงดิ้นรนไปตามหาหัวที่ถูกตัดออกไปนั่น
มองเห็นภาพของศพไร้หัวแต่ละตนที่ดิ้นรนตามหาหัวของตนเอง ทำให้ผู้คนมองดูภาพนี้ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง แน่นอน บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาจากทั่วทุกสารทิศมีอะไรที่ไม่เคยพานพบมาก่อน? ดังนั้น ภายในระยะเวลาอันสั้น บรรดาผีดิบเหล่านี้พลันถูกแยกร่าง ถูกเหล่าผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากสับจนเละ
เสียงช่าาา ช่าาา ช่าาาดังขึ้น เมื่อผีดิบจำนวนไม่น้อยถูกไล่ล่าจนไม่มีที่ไป ถึงกับมุดลงใต้ดินโดยพลัน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มุดลึกลงไปใต้ดินและหายตัวไป ทำให้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่คิดจะติดตามสังหารเหล่าผีดิบจนด้วยเกล้า
“ปีศาจพวกนี้มาจากที่ไหนกัน?” ครั้นบรรดาผีดิบที่ตามล่าล้วนแล้วแต่หนีหายไปแล้ว จึงมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยหารือกันถึงเรื่องนี้ และรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง
แน่นอนที่สุด ทุกคนก็ไม่มีความชัดเจนว่าบรรดาผีดิบเหล่านี้มาจากที่ใดกันแน่ สรุปก็คือบรรดาผีดิบเหล่านี้ได้ปรากฏตัวขึ้นมาภายในชั่วข้ามคืน
“พวก พวกเขาคือราษฎรที่หายสาบสูญไปของของเมืองไป่หลานเฉิง” มีผู้บำเพ็ญตนพื้นเมืองจดจำประวัติความเป็นมาของผีดิบเหล่านี้ได้ และเอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนอดที่จะเอ่ยขึ้นมาว่า “เมืองไป่หลานเฉิงถูกยึดครอง เหตุใดผู้ที่หายสาบสูญไปถึงมาปรากฎตัวขึ้นที่ตรงนี้ได้ คนเหล่านี้เป็นคนตายชัดๆ เพราะอะไรถึงสามารถลอบโจมตีคนได้เล่า”
สำหรับปัญหาข้อนี้ไม่มีใครสามารถตอบได้
“จะปรากฏตัวแล้ว” ในเวลานี้มีระดับปรมาจารย์ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเพ่งสายตาออกไป และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในที่สุดนาทีที่รอคอยก็มาถึงแล้ว”
“ท่านปรมาจารย์ อะไรจะมารึ?” ผู้เยาว์อดที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ศิลาเซียน ศิลาเซียนชิ้นนั้นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น ดูท่ามันกำลังจะปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ในที่สุดก็สามารถรอคอยจนถึงนาทีนั้นแล้ว” ปรมาจารย์ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิส่งประกายวูบวาบออกมาจากดวงตาทั้งสอง
“ศิลาเซียนชิ้นนั้น?” ผู้เยาว์ถึงกับมีกำลังวังชาขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดจากปรมาจารย์ เอ่ยถามเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “ท่านปรมาจารย์ ศิลาเซียนชิ้นนั้นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นล้ำค่ามากขนาดนั้นจริงๆ รึ มีความยอดเยี่ยมขนาดนั้นจริงๆ รึ?”
มีผู้เยาว์จำนวนมากที่ล้วนแล้วแต่ติดตามผู้อาวุโสมาที่นี่ กระทั่งมีผู้เยาว์บางส่วนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด มีเพียงผู้เยาว์บางส่วนที่ได้ยินผู้อาวุโสเอ่ยถึงว่ามาด้วยเรื่องของศิลาเซียนโดยบังเอิญ
“นี่เป็นศิลาเซียนเม็ดหนึ่งที่ไม่เคยมีการบันทึกใดๆ” ปรมาจารย์ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิผู้นี้กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “ตามตำนานเล่าว่า ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นไปได้ศิลาเซียนเม็ดหนึ่งขณะอายุอยู่ในวัยหนุ่ม และส่งผลให้เขาบรรลุสัจธรรม กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ ตำนานเล่าว่า ศิลาเซียนเม็ดนี้ถูกฝังเอาไว้ในส่วนที่ลึกลงไปของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ ไม่สามารถหนีหายไปได้ กระทั่งมีตำนานเล่าว่า ศิลาเซียนเม็ดนี้มีพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่ขาดสาย มีความยอดเยี่ยมลึกซึ้งด้านความเป็นอมตะ…”
เมื่อปรมาจารย์ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิผู้นี้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้มองดูผู้เยาว์ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “…ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเสื่อมลง ได้เคยมีระดับปฐมบรรพบุรุษมาตามหาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น แต่ก็ต้องกลับไปโดยไร้ผลงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นตกต่ำลงมาจนถึงระดับนี้แล้ว แต่ยังคงสามารถคงอยู่ในแดนลัทธิราชัน และไม่ได้ตกลงสู่แดนลัทธิพรรษ สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าศิลาเซียนเม็ดนี้ยังคงอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น…”
“…มาคราวนี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา จึงมีผู้ที่ฟันธงว่าศิลาเซียนเม็ดนี้จะกลับมาปรากฎตัวอีกครั้ง ดังนั้นจึงได้มีสำนักเจ้าลัทธิ และระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิมากมายมาปรากฎตัวขึ้นที่เมืองหมิงลั่วเฉิง มิฉะนั้นล่ะก็ สถานที่ตรงนี้ยากจนห่างไกลความเจริญ ทุกคนมุ่งหวังสิ่งใดจึงรุดมาที่นี่เป็นระยะทางล้านล้านลี้?”
“ยอดเยี่ยมขนาดนั้นจริงๆ รึ? มีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมด้านความเป็นอมตะ?” บรรดาผู้เยาว์ต่างรู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
“ต่อให้ไม่สามารถส่งผลด้านความเป็นอมตะได้จริงๆ เกรงว่าศิลาเซียนเม็ดนี้ก็มีความยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง” ปรมาจารย์ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิผู้นี้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ลองนึกภาพดู ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่นได้เสื่อมและตกต่ำลงถึงขั้นนี้แล้ว ยังคงไม่ได้ตกลงไป ย่อมเป็นการบ่งบอกว่า ไม่แน่นักศิลาเซียนลักษณะเช่นนี้อาจสามารถเทียบเคียงได้กับต้นกำเนิดสัจธรรมแห่งหนึ่ง โดยมีพลังที่ไม่ขาดสายอยู่ในครอบครอง”
“มันก็ถูก หากได้ครอบครองศิลาเซียนลักษณะเช่นนี้ก็เท่ากับมีต้นกำเนิดสัจธรรมแห่งหนึ่งอยู่ในครอบครอง” ภายในใจของผู้เยาว์จำนวนไม่น้อยก็รู้สึกมีจิตใจที่ฮึกเหิมเมื่อได้ฟังคำนี้แล้ว
กล่าวสำหรับสำนักเจ้าลัทธิใดๆ และหรือระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดๆ ก็ตาม ถ้าหากได้ครอบครองพลังสัจธรรมสักแห่ง ย่อมเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องใจเต้นตูมตาม
แม้ว่าหลี่ชิเย่จะได้ดีดสะเก็ดไฟออกไปจัดการเผาไหม้ผีดิบแต่ละตนไปจนสิ้น แต่ว่า เขายังคงเหลือผีดิบไว้ตนหนึ่งไม่ได้เผาไป
ผีดิบตนนี้ยังไม่ทันได้เข้าโจมตีหลี่ชิเย่ก็ถูกมือหลี่ชิเย่ที่กางออกจัดการสยบเอาไว้ เมื่อหลี่ชิเย่จับตัวมันได้แล้วก็หันหลังเดินเข้าไปภายในตำหนักทองแดงไป
หวูโหย่วเจิ้ง และหลินยี่เสวี่ยก็เกรงว่ายังคงมีผีดิบโผล่ขึ้นมาอีก ดังนั้นจึงรีบเร่งติดตามหลี่ชิเย่เข้าไปภายในตำหนักทองแดง และจัดการล็อกประตูของตำหนักทองแดงเอาไว้อย่างแน่นหนา
หลังจากที่หลี่ชิเย่จับตัวผีดิบเข้าไปยังตำหนักทองแดงแล้ว พลันพลิกฝ่ามือและสยบมันเอาไว้ตรงนั้น
“คุณชาย จับมันมาทำอะไรรึ?” หวูโหย่วเจิ้งอดที่จะแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นหลี่ชิเย่จัดการสยบผีดิบนั่นเอาไว้
“พินิจพิเคราะห์ดูสักหน่อย” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ แววตาดูเยือกเย็นเสมือนดั่งเทียนศักดิ์สิทธิ์ที่กวาดตามองไปยังผีดิบตนนี้
“คนตายมีอะไรน่าพินิจพิเคราะห์” หลินยี่เสวี่ยมองดูแล้วรู้สึกขนลุกซู่ในใจ พึมพำด้วยความกังขาขึ้นเบาๆ ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
เวลานี้หลี่ชิเย่ได้ลงมือแล้ว เห็นเขากางมือออกโดยไม่ได้มีท่าทางอะไรมากมาย ได้ยินเสียงฉึกดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง จากการที่นิ้วมือของหลี่ชิเย่ชี้ไปบนตัว ผีดิบถึงกับเริ่มลอกหนังของตนออก
ในเวลานี้ ภายใต้การควบคุมด้วยพลังของหลี่ชิเย่ ผิวหนังชั้นนอกของผีดิบได้ลอกออกมาทีละนิดๆ หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือผิวหนังถูกลอกออกมาทีละนิดๆ
หลินยี่เสวี่ยมองดูผีดิบที่ถูกถลกหนังออกมาทีละนิดๆ จนหวาดหวั่นพรั่นพรึง ไม่กล้ามองมากต้องเบือนหน้าหนี
ท่วงท่าของหลี่ชิเย่คล่องแคล่วดั่งเมฆแลสายน้ำ เพียงชั่วพริบตาเดียว หนังของผีดิบได้ถูกลอกออกทั้งหมด ภายใต้หนังปรากฏมีแต่ความแห้งเหี่ยว ไม่ได้มีความมีชีวิตใดๆ
“นี่มันเป็นคนตายโดยแท้จริง” เมื่อมองเห็นภายใต้ผิวหนังไม่ได้มีลมปราณ หรือความมีชีวิตใดๆ กล้ามเนื้อแห้งเหี่ยวจนเสมือนดั่งท่อนไม้ แต่ยังคงรักษาสภาพเดิมเอาไว้ คล้ายดั่งถูกดูดเอาพลังแก่นไปทั้งหมดในพริบตา แต่ก็ไม่ทำให้เกิดการบุบสลายหรือยุบตัวใดๆ ขึ้น ภาพเช่นนี้เรียกได้ว่ามีความประหลาดอย่างยิ่ง
……………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...