ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2659

ตอนที่ 2659 ทางเลือกของตระกูลมู่

“ถ้าหากพี่มู่ไม่เชื่อ พี่มู่สามารถสอบถามกับผู้อาวุโสไป๋ยื่อด้วยตนเองเมื่อผู้อาวุโสไป๋ยื่อมาถึงในวันพรุ่งนี้” ซุนหลิ่งหยิ่งเป่าไอร้อนของน้ำชาทีหนึ่ง จากนั้นได้จิบเบาๆ คำหนึ่ง ท่าทางดูเป็นธรรมชาติ เหมือนว่าทุกอย่างมีแผนการอยู่ในใจแล้ว

“นักพรตไป๋ยื่อจะมาที่ตระกูลมู่พวกเราจริงรึ?” บรรพบุรุษตระกูลมู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง

“หากไม่เป็นเช่นนั้น ไฉนท่านจะต้องช่วยหลานมู่เจี้ยนเล่า?” ซุนหลิ่งหยิ่งเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นี่เป็นเพราะท่านผู้อาวุโสเห็นความสำคัญของตระกูลมู่ และเห็นความสำคัญของหลานมู่เจี้ยนที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลแห่งยุค”

ท่าทีของบรรพบุรุษตระกูลมู่ถึงกับหนักแน่นจริงจังขึ้น แม้จะกล่าวว่าตระกูลมู่ของพวกเขาคือหนึ่งในสามระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่แข็งแกร่งที่สุด ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ แต่ว่า ในยุคนี้ตระกูลมู่ของพวกเขาไม่ได้มีระดับคงความเป็นอมตะตลอดกาลสักคน

ความจริงแล้ว ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันก็มีเพียงระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลเช่นนักพรตไป๋ยื่อเพียงผู้เดียวเท่านั้น ในยุคที่ไม่มีระดับปฐมบรรพบุรุษ เกรงว่าระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลสามารถเรียกได้ว่าปราศจากผู้ต่อกรกระมัง

ถ้าหากว่าระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความเป็นอมตะตลอดกาลเช่นนักพรตไป๋ยื่อจะมาที่ตระกูลมู่ของพวกเขา นับว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนเลื่อนลั่นเรื่องหนึ่ง และนับเป็นเกียรติของตระกูลมู่ของพวกเขา

แม้จะกล่าวว่าก่อนหน้านี้ทางบรรพบุรุษตระกูลมู่ก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่านักพรตไป๋ยื่อจะมา เวลานี้ออกจากปากของซุนหลิ่งหยิ่งเอง สิ่งนี้สามารถยืนยันได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว

“ตระกูลมู่คิดจะพักรบแล้วรึ?” ซุนหลิ่งหยิ่งจ้องมองดูบรรพบุรุษตระกูลมู่ ท่าทางดูเป็นธรรมชาติ ตัวเขาที่มีท่าทีเย็นชาเสมอมา ทำให้ผู้คนมองความคิดของเขาไม่ออก และมองไม่ออกถึงการวางแผนทำร้ายผู้อื่นของเขา

คำพูดของซุนหลิ่งหยิ่งทำให้ท่าทางของบรรพบุรุษตระกูลมู่ถึงกับเปลี่ยนไป สีหน้าดูไม่ปรกติ และมีความลังเลอยู่บ้างในเวลานี้

กล่าวสำหรับตระกูลมู่ของพวกเขาแล้ว การพ่ายแพ้ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการตีเสกหน้า ถูกไม้กระบองเคาะใส่กลางกระบาลของตระกูลมู่เข้าให้

กำลังความสามารถของคนโหดอันดับหนึ่งนับว่าน่าสยองขวัญเหลือเกิน ในเวลานี้ได้ทำให้ตระกูลมู่มีใจจะถอย ภายในใจรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเป็นศัตรูกับคนโหดอันดับหนึ่งอีกต่อไป ถ้าหากเงื่อนไขได้ พวกเขากระทั่งยินดียุติความขัดแย้ง

“พี่มู่คิดว่าตระกูลมู่ของพวกท่านสามารถจับมือสงบศึกกับคนโหดอันดับหนึ่งได้อย่างนั้นรึ? ถ้าหากพวกท่านสามารถจับมือสงบศึกได้ล่ะก็ยังต้องรอถึงเวลานี้อย่างนั้นรึ?” ท่าทีของซุนหลิ่งหยิ่งดูเย็นชาห่างเหิน กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “บุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลมู่ของพวกท่านกับคนโหดอันดับหนึ่ง เรียกได้ว่ามีมานานมาก ความแค้นที่พวกท่านได้สั่งสมเอาไว้ใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงวันสองวัน”

ลูกตาดำของบรรพบุรุษตระกูลมู่ถึงกับหดตัวทีหนึ่ง เป็นความจริงที่ตระกูลมู่ของพวกเขาเป็นศัตรูกับคนโหดอันดับหนึ่งก่อนและนานกว่าสำนักใดๆ ในแดนลัทธิราชันมากทีเดียว ตระกูลมู่ของพวกเขาเป็นศัตรูกับคนโหดอันดับหนึ่งตั้งแต่มู่เส้าเฉิงในเวลานั้นแล้ว

“ขอพูดคำที่ไม่น่าฟังคำหนึ่ง” ซุนหลิ่งหยิ่งเป่าไอร้อนทีหนึ่งและจิบน้ำชาคำหนึ่ง ท่าทางดูเย็นชาไม่น้อยและพูดขึ้นมาว่า “คนโหดอันดับหนึ่งจะต้องทำลายล้างตระกูลมู่ของพวกท่านอย่างแน่นอน เวลานี้ในมือของเขาควบคุมระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่เอาไว้ทั้งหมด ขณะที่ทั่วทั้งแดนลัทธิราชันนั้น ผู้ที่สามารถบงการสถานการณ์ได้นั้น ก็มีเพียงระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่ ตระกูลมู่ ตระกูลหลี่เท่านั้น…”

“…เวลานี้ คนที่มีสติปัญญามีความรู้ล้วนแล้วแต่มองออกว่า ราชันแท้จริงต้วนยวี่ได้หันไปพึ่งพาอาศัยคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว การเป็นพันธมิตรกันระหว่างระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่กับตระกูลหลี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ขณะที่ในอดีต ความแค้นระหว่างตระกูลมู่กับตระกูลหลี่นั้นไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ตระกูลมู่ของพวกท่านก็ได้เป็นศัตรูกับคนโหดอันดับหนึ่งอีก หากจะกล่าวว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่ และตระกูลหลี่ต้องการควบคุมสถานการณ์ของแดนลัทธิราชันเอาไว้อย่างมั่นคง พี่มู่คิดว่าระหว่างสามผู้ยิ่งใหญ่ใครคือคนนอก ใครที่เกะกะสายตามากที่สุด? สมควรกำจัดใครทิ้งไป?”

เมื่อซุนหลิ่งหยิ่งเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้วางถ้วยน้ำชาบนมือลง แววตาที่ลึกล้ำจ้องมองไปที่บรรพบุรุษตระกูลมู่

“ตระกูลมู่…” บรรพบุรุษตระกูลมู่รู้คำตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด

สามผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนลัทธิราชันอยู่ในลักษณะที่คานอำนาจกันตลอดมา ขณะที่ฮ่องเต้ไท่ชิงกุมอำนาจใหญ่ เขาจะไม่เป็นพันธมิตรกับตระกูลหลี่ และจะไม่เป็นพันธมิตรกับตระกูลมู่ ขณะที่ตระกูลมู่ของพวกเขาก็จะไม่เป็นพันธมิตรกับตระกูลหลี่

แต่ว่า สถานการณ์ในเวลานี้เปลี่ยนไป คนโหดอันดับหนึ่งเกรียงไกรทั่วหล้า ปราศจากผู้ต่อกร ความแข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่งนั้นเป็นที่ประจักษ์ทั่วหล้า ราชันแท้จริงต้วนยวี่ก็ไปพึ่งพาคนโหดอันดับหนึ่งเสียแล้ว ย่อมไม่ต้องสงสัย สี่เป็นการบ่งบอกว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่จะต้องเป็นพันธมิตรกับตระกูลหลี่แน่นอน

ขณะที่ตระกูลมู่ของพวกเขาได้ผูกความเป็นศัตรูทั้งกับคนโหดอันดับหนึ่ง และตระกูลหลี่ ต่อให้วันนี้คนโหดอันดับหนึ่งไม่ลงมือกับตระกูลมู่ เช่นนั้นแล้ว ช้าหรือเร็วสักวันหนึ่งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเขากับตระกูลหลี่ก็ต้องร่วมมือกัน กำจัดตระกูลมู่ขอบพวกเขาทิ้ง

เมื่อถึงเวลานั้น ในแดนลัทธิราชันก็จะไม่มีสามผู้ยิ่งใหญ่อะไรนั่นอีกต่อไป การคานอำนาจนี้ถูกทำลาย ก็จะเป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ่วมี่ กับตระกูลหลี่ที่เป็นหนึ่งในหล้า

บรรพบุรุษตระกูลมู่ก็มองสถานการณ์ได้ขาด และสามารถเข้าใจถึงความร้ายกาจในนั้น ดังนั้น เวลานี้สีหน้าของเขาดูจะไม่ชัดเจน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล