ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2660

ตอนที่ 2660 บุคคลที่สาม

เวลานี้ซุนหลิ่งหยิ่งกล่าวอย่างมีแผนในใจขึ้นมาช้าๆ ว่า “ขอเพียงตระกูลมู่ยินดีทุ่มเทอย่างเต็มที่ทุกอย่างก็คุยกันได้ ข้าย่อมมีวิธีล่อให้คนโหดอันดับหนึ่งเข้ามาติดกับเอง ขอเพียงตระกูลมู่วางม่านฟ้าแหดินไว้ให้เรียบร้อยก็พอ”

“ตกลง ถึงจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนเท่าไรตระกูลมู่ของพวกเราก็ยอม เจ็บยาวมิสู่เจ็บสั้นๆ!” บรรพบุรุษตระกูลมู่กัดฟัน และกล่าวน้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกขึ้นมา

เวลานี้ตระกูลมู่ไม่มีทางเลือก คนโหดอันดับหนึ่งยกตนข่มท่าน ท่าทางดุร้ายน่ากลัว เรียกได้ว่าไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย ในขณะนี้หากตระกูลมู่ไม่รีบทุ่มเต็มที่ก็จะไม่มีโอกาสอีกในภายหลัง

ถ้าหากว่ามีนักพรตไป๋ยื่อช่วยเหลือแล้วตระกูลมู่ของพวกเขาก็ยังไม่ยอมฉกฉวยโอกาสนี้เอาไว้ล่ะก็ เมื่อใดที่นักพรตไป๋ยื่อไปจากแดนลัทธิราชันแล้ว ในอนาคตจะมีใครสามารถต้านกับคนโหดอันดับหนึ่งได้อีก? เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลมู่ของพวกเขาคิดจะต่อต้านคนโหดอันดับหนึ่งเกรงว่าคงสายเกินไปเสียแล้ว ถึงเวลานั้นตระกูลมู่ของพวกเขาก็คือเนื้อบนเขียงที่สุดแล้วแต่คนเขาจะเชือดเฉือนแล้ว

“พี่มู่โปรดวางใจ ข้าจะต้องทุ่มเทเข้าช่วยเหลือเต็มที่ ทำทุกอย่างที่จะทำได้ กองทัพหยินมี่ของพวกเราก็จะวางกำลังอยู่ด้านหน้าตระกูลมู่เป็นกองหน้าให้กับศึกครั้งนี้ ร่วมเป็นร่วมตายกับตระกูลมู่ ไม่ตายไม่เลิกรากับคนโหดอันดับหนึ่ง” คำพูดของซุนหลิ่งหยิ่งกล่าวได้หนักแน่นมีพลัง ทุกๆ คำพูดล้วนแล้วแต่เป็นรูปธรรมได้จริง

“ตกลง เช่นนั้นแล้วก็รบกวนพี่ซุนแล้วล่ะ” บรรพบุรุษตระกูลมู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แสดงคารวะแบบจีนต่อซุนหลิ่งหยิ่ง กล่าวหนักแน่จริงจังว่า “การล่อให้คนโหดอันดับหนึ่งมาติดกับด้วยตนเอง มอบให้เป็นหน้าที่ของพี่ซุนแล้ว”

“พี่มู่โปรดวางใจ ข้าย่อมมีแผนการ” ซุนหลิ่งหยิ่งพยักหน้าและกล่าวว่า “ตระกูลมู่เตรียมม่านฟ้าแหดินให้พร้อมก็แล้วกัน เมื่อถึงเวลานั้น ผู้อาวุโสไป๋ยื่อต้องลงมือสังหารคนโหดอันดับหนึ่งด้วยตนเองแน่ จากนี้เป็นต้นไป ใต้หล้าของแดนลัทธิราชันก็คือของท่านกับของข้าสองคนแล้ว”

“ตกลง ทุกอย่างตามนี้” บรรพบุรุษตระกูลมู่พยักหน้าทันที สุดท้าย หันหลังจากไป

ซุนหลิ่งหยิ่งมองตามบรรพบุรุษตระกูลมู่จนจากไปไกล สุดท้าย เขาจิบน้ำชาคำหนึ่งช้าๆ ยังคงมีท่าทีที่หนักแน่นสงบนิ่ง ยังคงมีท่าทางที่มั่นใจในแผนการอย่างนั้น

“ตระกูลมู่ต้องสูญสิ้นแน่นอน” หลังจากที่บรรพบุรุษตระกูลมู่จากไปนานมากแล้ว ภายในห้องปรากฎน้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกขึ้นมาเสียงหนึ่ง

“ทุกอย่างเดินไปตามแผนที่วางเอาไว้ ตระกูลมู่จะต้องสูญสิ้นแน่นอน หากนักพรตไป๋ยื่อตายไปพร้อมกับคนโหดอันดับหนึ่ง ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น” ซุนหลิ่งหยิ่งก็พยักหน้าและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“ปราศจากเงื่อนไขก็สร้างเงื่อนไขขึ้นมา พวกเราสร้างโอกาสให้พวกเขาได้ตายด้วยกัน” น้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง คนผู้นี้ไม่ได้เผยโฉมและไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ใด

“เรื่อง เรื่องนี้เกรงว่าจะยาก” ซุนหลิ่งหยิ่งทำท่าลังเลนิดหนึ่ง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “คนโหดอันดับหนึ่งลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ไม่แน่เสมอไปว่านักพรตไป๋ยื่อจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ต่อให้กำลังความสามารถของพวกเขาพอๆ กัน แต่ว่า เฉกเช่นการต่อสู้ชี้ขาดของระดับนี้ คิดจะสร้างเงื่อนไขให้พวกเขาตายไปพร้อมกัน เกรงว่าจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะบงการได้”

“หลิ่งหยิ่ง ไหนเลยต้องพูดคำพูดที่หมดกำลังใจเช่นนี้ ไม่ลองดูสักครั้งแล้วจะไปรู้ได้อย่างใด” น้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกได้กล่าวขึ้นมาว่า “ไหนๆ พวกเราก็มีชีวิตอยู่มายาวนานมากแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะเสี่ยงกับมันสักครั้ง ไม่เสี่ยงสักครั้งแล้วจะสำเร็จได้อยางใด? ถ้าเมื่อไหร่ที่ทำได้สำเร็จ สิ่ง่ที่ได้ก็ไม่อาจจินตนาการได้แล้ว…”

“…เมื่อถึงเวลา ตระกูลหลี่ยังกล้าหาเรื่องพวกเราอีกรึ? มิใช่ต้องทำตัวเจียมเนื้อเจียมตัวแต่โดยดี ถึงเวลานั้น ใต้หล้าก็คือของพวกเราแล้ว พวกเราสามารถบัญชาการในแดนลัทธิราชัน คำสั่งที่สั่งการลงมาใครกล้าไม่ปฏิบัติตาม?” น้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกนี้น้ำเสียงฟังดูมีพลังยิ่งนัก และคำพุดของเขาก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ยิ่งนัก ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า เขาก็เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

“เหตุผลเป็นเช่นนี้” ซุนหลิ่งหยิ่งนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เพียงแต่ ข้ายังคงเป็นกังวล คนโหดอันดับหนึ่งชั่วร้ายมากเหลือเกิน ทำให้ผู้คนไม่สามารถศึกษาถึงความตื้นลึกหนาบางของเขาได้อย่างละเอียด ข้าเกรงว่า ไม่เพียงคนโหดอันดับหนึ่งจะทำลายล้างตระกูลมู่ สังหารนักพรตไป๋ยื่อเท่านั้น ถึงตอนนั้น เกรงว่าท่านกับข้าก็ไม่สามารถรอดไปได้อย่างปลอดภัย”

“แล้วเป็นอย่างไรเล่า?” น้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกนั้นหัวเราะขึ้นมาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ไม่ว่าเรื่องอะไรย่อมต้องมีความเสี่ยง ความเสี่ยงกับผลที่ได้เป็นสัดส่วนโดยตรงอยู่แล้ว ยิ่งมีความสี่ยงมากเท่าไร ผลที่ได้ก็จะยิ่งมากเท่านั้น แน่นอน ต่อให้แผนการของพวกเราล้มเหลวแล้วมันจะเป็นอย่างไร? อย่างมากพวกเราก็แค่พลีชีพตนเอง…”

“…ลองนึกดู ตระกูลมู่ถูกทำลาย อนาคตก็คือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้า แม้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะเป็นศัตรูของพวกเรา แต่ว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยังคงเป็นสำนักจัดตั้งเพื่อสืบทอดของพวกเรา ถ้าหากสามารถทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้า พวกเราแม้ต้องตายก็คุ้มค่าแล้ว” คำพูดนี้ดูพาลอย่างยิ่ง แต่ก็พูดแล้วดูเป็นคนมีนิสัยเบิกบานใจยิ่ง

“คงได้แต่เช่นนี้แล้ว” ซุนหลิ่งหยิ่งทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง

“ทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนการของพวกเรา” น้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกนี้ดูจะพึงพอใจยิ่งกับแผนการเช่นนี้

“เกรงว่า คนโหดอันดับหนึ่งจะไม่อยู่ในแผนการของพวกเรา” ซุนหลิ่งหยิ่งทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ และกล่าวว่า “เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่พวกเราได้จินตนาการเอาไว้ น่ากลัวยิ่งกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้ และการกระทำของเขาไม่เป็นไปตามหลักการทั่วไป มักจะอยู่เหนือความคาดคิดของผู้เคนเสมอๆ ทำให้ยากที่จะศึกษาได้ละเอียด”

“ไม่เป็นไรอย่างไรก็ได้”น้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ขอเพียงวางม่านฟ้าแหดินเอาไว้ ยังจะกลัวว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะไม่มารึ? ขอเพียงเขากระโดดลงไปยังหลุมพรางก็ให้รอเก็บเกี่ยวตระกูลมู่ได้ ส่วนจะสังหารเขาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับนักพรตไป๋ยื่อ เจ้ากับข้านั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์”

“ก็คงได้อย่างนี้แล้ว” ซุนหลิ่งหยิ่งพยักหน้า แม้จะกล่าวเช่นนี้แต่ภายในใจของเขายังคงมีเงาทมิฬที่ไม่สามารถทำให้จางหายไปได้ คนโหดอันดับหนึ่งช่างน่ากลัวเหลือเกิน และการกระทำของเขานั้นทำให้ผู้คนไม่สามารถคาดเดาได้

“ชีวิตคนเราจะอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว” น้ำเสียงที่ทุ้มลุ่มลึกได้พูดขึ้นมาว่า “เจ้ากับข้าล้วนไม่สามารถมีอายุวัฒนะ และบนโลกใบนี้ก็ไม่มีใครสามารถมีอายุวัฒนะได้ ในเมื่อไม่สามารถมีอายุวัฒนะได้ ทำไมก่อนตายจึงไม่ทำเรื่องยิ่งใหญ่บางเรื่องที่สะเทือนเลื่อนลั่นเล่า สิ่งนี้นับว่าไม่เสียทีที่ได้มาอยู่บนโลกใบนี้สักครั้ง สรุปก็คือ ข้าน่ะมีชีวิตอยู่มานานมากพอแล้ว แต่ไม่รู้สินะว่าคนโหดอันดับหนึ่งมีชีวิตอยู่มานานมากพอแล้วยัง!” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วเขาหัวเราะเสียงดังขึ้นมา อันธพาลยิ่งนัก

ซุนหลิ่งหยิ่งได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ภายในตำหนักทองแดงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสือยวิ่น หลี่ชิเย่ได้ทำการแยกหินสีดำออกมาได้แล้ว แต่มาคราวนี้ไม่สามารถไล่ย้อนไปถึงต้นกำเนิดได้ คงเหลือไว้คือหลักกฎเกณฑ์สายหนึ่ง เป็นหลักกฎเกณฑ์ที่มีสีดำสนิทสายหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล