ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2720

ตอนที่ 2720 หนึ่งเป้าหมายเล็กๆ

“ห้ามพูดจาไร้สาระ…” คำพูดของศิษย์พี่สาวผู้นี้ทำเอาจ้าวจื้อถิงตกใจยิ่งนัก จึงรีบห้ามปราม

คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ภายในใจของนางเข้าใจเป็นอย่างดี หลี่ชิเย่นั้นหาใช่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่พิการอะไรนั่น เขาคือยอดฝีมือที่ลึกซึ้งยากจะหยั่งถึง เกิดไปทำให้เขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อนิกายหู้ซานจงพวกเขาทั้งหมด

กัวเจียหุ้ยไม่ได้พูดอะไรสักคำ นางแบกหลี่ชิเย่ออกเดินทาง โดยโบกไม้โบกมืออำลาต่อศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักทีละคนๆ

หลังจากออกเดินทาง กัวเจียหุ้ยได้แบกหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ขณะที่จ้าวจื้อถิงได้เดินทางไปส่งพวกเขาตลอดทาง

แม้จะกล่าวว่าการยืนมองจากระยะห่างไกลที่นิกายหู้ซาน เสมือนหนึ่งว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงหน้าอย่างนั้น เหมือนว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ใกล้กันมาก เหมือนว่าสามารถก้าวเดินไปถึงเชิงเขาได้โดยใช้เวลาไม่นานอย่างนั้น

ความจริงแล้ว ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กับนิกายหู้ซานจงยังมีระยะที่ห่างไกลกันมาก จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาที่นานมากในการเดินทาง

กัวเจียหุ้ยแบกหลี่ชิเย่เดินไปข้างหน้าตลอดทาง โดยมีจ้าวจื้อถิงเดินเคียงข้าง ตลอดทางไม่ได้มีอุปสรรคอะไร จะอย่างไรเสียนางก็คือผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง

แม้จะกล่าวว่ากัวเจียหุ้ยไม่ถือเป็นยอดฝีมืออะไร แต่ว่า จะอย่างไรเสียนางก็คือผู้ที่ได้ฝึกปรือมาแล้วหลายปี ต่อให้มีพลังวัตรที่ธรรมดา แต่ว่า การที่จะแบกใครสักคนก้าวเดินไปข้างหน้า ยังไม่นับเป็นอะไรได้

กัวเจียหุ้ยแบกหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้าตลอดทาง หลังจากใช้เวลาเดินทางที่ยาวนานมากมาช่วงหนึ่ง ในที่สุดก็เดินทางถึงเชิงเขาของภูเขาศักดิ์สิทธิ์

ขณะยืนอยู่บริเวณเชิงเขาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เงยหน้ามองขึ้นไปที่ที่ห่างไกลนั้น จึงรับรู้ถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่านอย่างแท้จริง โดยที่ภูเขาทั้งลูกตั้งตระหง่านระหว่างฟ้าดิน ยังไม่ถึงครึ่งเขาเมฆขาวก็ลอยล่องผ่านบริเวณนั้นไปแล้ว เมื่อมองสูงขึ้นไปกว่านั้น เห็นเพียงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้สูงทะลุท้องฟ้าไปแล้ว เหมือนว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของจักรวาลไปแล้วอย่างนั้น

เริ่มต้นจากเชิงเขาเป็นต้นไป จะมีมีเส้นทางหินขนาดเล็กมากคดเคี้ยวเลี้ยวลดขึ้นไปจนถึงยอดเขา เพียงแต่เส้นทางหินสายนี้เป็นเพียงทางวกวนสายหนึ่งเท่านั้น เส้นทางขรุขระสูงชันยิ่งนัก สามารถเดินผ่านไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

ขณะยืนอยู่บริเวณเชิงเขา จ้าวจื้อถิงช่วยกัวเจียหุ้ยตรวจสอบความพร้อมอย่างละเอียด และจัดการกับเชือกที่มัดกับหลี่ชิเย่ให้มันแน่นหนาอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพไม่มีปัญหาแล้ว จ้าวจื้อถิงจึงได้พยักหน้าและกล่าวกับกัวเจียหุ้ยว่า “ออกเดินทางได้ ข้าจะรอเจ้าลงมาจากเขาที่นี่”

กัวเจียหุ้ยพยักหน้าด้วยความหนักแน่น จับมือกับจ้าวจื้อถิง และโบกมืออำลากันในที่สุด แบกหลี่ชิเย่เริ่มต้นการปีนภูเขาศักดิ์สิทธิ์

จ้าวจื้อถิงที่ยืนอยู่บริเวณเชิงเขา มองส่งเงาหลังของกัวเจียหุ้ยที่แบกหลี่ชิเย่ก้าวไปตามเส้นทางหินที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดขึ้นไป กัวเจียหุ้ยก้าวได้ไม่เร็วนัก กระทั่งเงาหลังพวกกัวเจียหุ้ยหายไปท่ามกลางภูเขาไปแล้ว นางจึงได้ละสายตากลับมา

กัวเจียหุ้ยแบกหลี่ชิเย่ปีนเขาขึ้นไปเรื่อยๆ โดยใช้ทั้งมือและเท้า การปีนเขาแรกทีเดียวนับว่ายังใช้ได้ ความเร็วนั้นนับได้ว่ารวดเร็วอยู่ แต่ทว่า เมื่อปีนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ความเร็วของนางก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ

เพียงปีนเขาไปได้ระยะหนึ่งเท่านั้น นางก็รู้สึกได้ว่าตนเองกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาดูจะไม่แตกต่างกันแล้ว

ในเวลานี้ นางเริ่มรับรู้ถึงน้ำหนักของหลี่ชิเย่ที่อยู่บนหลังของนางแล้ว ขณะแบกหลี่ชิเย่ก้าวเดินอยู่บริเวณเชิงเขามาตลอดทาง นางไม่รู้สึกว่าหลี่ชิเย่จะมีน้ำหนักสักเท่าไร

แต่ว่า เมื่อปีนขึ้นเขาไปได้ระยะหนึ่งแล้ว นางเริ่มรู้สึกได้ว่ากินแรงตนมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำหนักตัวของหลี่ชิเย่พลันปรากฎขึ้นทันที

ในเวลานี้เอง กัวเจียหุ้ยสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ตนเองได้กลับกลายเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แล้วในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นพลังวัตรอะไรก็ไร้ประโยชน์ การแบกหลี่ชิเย่ขึ้นเขาเวลานี้ดูจะเปลืองแรงมากเป็นพิเศษ

ลองนึกภาพดู หญิงสาวคนหนึ่งที่เสมือนดั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ต้องแบกผู้ชายคนหนึ่งปีนขึ้นไปบนเส้นทางที่ขรุขระและสูงชันเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด

แม้จะเป็นเช่นนี้ กัวเจียหุ้ยยังคงกัดฟันอดทนแบกหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป ยิ่งก้าวสูงมากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้นางต้องเหนื่อยหอบมากขึ้นจนแทบจะหายใจไม่ทัน

แม้จะเป็นเช่นนี้ กัวเจียหุ้ยยังคงไม่ยอมละทิ้ง ยังคงก้าวไปข้างหน้าต่อไป จนกว่าจะรู้สึกว่าหายใจหอบจนเกือบจะไม่ไหวแล้ว นางก็จะหยุดพักสักนิดหอบพักหายใจให้กำลังกายฟื้นคืนแล้ว จึงแบกหลี่ชิเย่เดินทางต่อไป

แต่ทว่า ยิ่งสูงมากขึ้นไปก็จะลำบากมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว นางไม่เพียงรู้สึกว่าตัวของหลี่ชิเย่นั้นมีน้ำหนักที่มากขึ้นๆ เท่านั้น นางเองก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างเหมือนมีน้ำหนักมากขึ้น ต้องก้าวขาออกไปทีละก้าวๆ ไปข้างหน้าด้วยความลำบาก แต่ละก้าวที่ก้าวเท้าออกไปต้องหายใจหอบอย่างหนัก เหมือนจะหายใจไม่ออกอย่างนั้น

ขณะเดินไปเรื่อยๆ ทุกๆ สามก้าวกัวเจียหุ้ยก็ต้องหยุดพักเพื่อหายใจหอบก่อน และยิ่งเดินสูงขึ้นไปก็จะลำบากมากยิ่งขึ้น หลังจากเดินไปได้ไม่นาน ทุกๆ ก้าวก็ต้องหยุดหายใจหอบก่อนทุกก้าว

ในขณะนี้ กัวเจียหุ้ยเหงื่อไหลดั่งสายฝน ภาพรวมของร่างกายเหมือนกำลังจะทรุดลงอย่างนั้น ระหว่างนี้แม้ว่ากัวเจียหุ้ยได้หยุดเพื่อทานอาหารและยาเม็ดเพื่อเป็นการฟื้นฟูร่างกาย แต่ว่า ตลอดขั้นตอนดังกล่าวนี้กล่าวสำหรับนางแล้ว มันคือความทรมานอย่างหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล