สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2747 ตบกระเด็นในหนึ่งฝ่ามือ – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2747 ตบกระเด็นในหนึ่งฝ่ามือ ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2747 ตบกระเด็นในหนึ่งฝ่ามือ
เมื่อโจวจือฉิงได้ยินคำพูดของเฉินเหวยเจิ้งแล้ว มองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่งด้วยความเหยียดหยาม และกล่าวว่า “ระยะหลังนี้ หมูหมากาไก่ที่ไหนสักคนหนึ่งก็สามารถเป็นปรมาจารย์ได้ สำนักเล็กๆ ย่อมเป็นสำนักเล็กๆ ไม่สามารถหาคนที่ยอดเยี่ยมได้ แค่คนพิการคนหนึ่งก็เอามาปะปนเพื่อแอบอ้างได้”
คำพูดที่ดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ของโจวจือฉิงพลันทำให้สีหน้าของเฉินเหวยเจิ้งเปลี่ยนไปมากทีเดียว ท่าทางไม่พอใจกล่าวเสียงเย็นชาขึ้นว่า “แม่นางโจว ระวังคำพูดของท่านด้วย!”
แม้ว่าเฉินเหวยเจิ้งไม่คิดจะมีเรื่องมีราว และไม่ต้องการล่วงเกินต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง แต่ว่า เมื่อได้ฟังคำพูดของโจวจือฉิงที่กล่าวลบหลู่ปรมาจารย์ของตนแล้ว ย่อมไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ไว้ได้ ต่อให้เป็นผู้ที่มีนิสัยอ่อนโยนเช่นใดก็ต้องมีอารมณ์ของตนเอง
กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว ศักดิ์ศรีกระทั่งสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก
“แล้วอย่างไร?” ท่าทางโจวจือฉิงตามอารมณ์ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว ยังคงกล่าวด้วยท่าทีเหยียดหยามว่า “ข้าไม่ระวังคำพูดแล้วเจ้าจะทำอะไร? นิกายหู้ซานจงของพวกเจ้าเป็นเพียงสำนักขนาดเล็กเท่านั้นเอง กล้าเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกเรา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางแค่อาศัยนิ้วมือนิ้วเดียวก็สามารถทำลายล้างพวกเจ้าได้แล้ว”
ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว นางส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา เชิดหน้าสูง เมินใส่คำเตือนของเฉินเหวยเจิ้ง กระทั่งกล่าวได้ว่า ท่าทางของนางคือ ‘ข้าลดตัวพูดกับเจ้า ก็คือเกียรติของเจ้า’ อย่างนั้น
“เจ้านิกายเฉิน หากรู้จักกาลเทศะล่ะก็ ให้ศิษย์นิกายหู้ซานจงของเจ้ามอบมงกุฎปราชญ์ออกมา และออกมาให้ศิษย์พี่โจวลงโทษแต่โดยดี มิฉะนั้นล่ะก็ เป็นการรนหาที่ตายเองของนิกายหู้ซานจงพวกเจ้า” ศิษย์ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นชายซึ่งติดตามโจวจือฉิงมายิ้มเยาะทีหนึ่ง นับเป็นการเตือนด้วยความหวังดี
เฉินเหวยเจิ้งปรากฏเพลิงความโกรธลุกโชนภายในใจ ถึงกับส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา
“อาจารย์ของเจ้าเป็นใครกันรึ?” หลี่ชิเย่ไม่ได้แสดงอาการโกรธ และนั่งอยู่ตรงนั้นท่าทางเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาด้วยซ้ำ ท่าทางเช่นนี้ของเขาดูไปแล้วอ่อนแออย่างยิ่ง
“อาจารย์ของข้า?” โจวจือฉิงจ้องมองหลี่ชิเย่แวบหนึ่งด้วยความเย้ยหยัน ยิ้มเยาะและกล่าวว่า “อาศัยแค่สวะอย่างเจ้าก็คู่ควรถามว่าอาจารย์ของข้าเป็นใคร? ต่อให้เจ้าเป็นปรมาจารย์ของนิกายหู้ซานจงจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิ์มาถามว่าอาจารย์ของข้าเป็นใคร เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? นิกายหู้ซานจงของพวกเจ้านับเป็นตัวอะไร…”
เพี๊ยะ…เสียงหนึ่งดังขึ้น โจวจือฉิงพูดยังไม่ทันขาดคำ หนึ่งฝ่ามือของหลี่ชิเย่ได้ซัดเข้าไปจนโจวจือฉิงถูกตบปลิวไปตามแรง พุ่งตกลงบนพื้นอย่างแรง โจวจือฉิงกระอักเลือดออกมาอย่างแรง นางถ่มเอาฟันออกมาเป็นกอง
หลี่ชิเย่อาศัยหนึ่งฝ่ามือก็จัดการตบนางจนฟันร่วงหมดปาก ทำให้โครงหน้าของนางเปลี่ยนไปยับเยินยิ่งนัก พลันกลับกลายเป็นขี้ริ้วขี้เหร่ไปทันที
“ข้าแค่สั่งสอนแทนอาจารย์ของเจ้าเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่ตรงหน้า ไม่ได้มองหน้าของนางเสียด้วยซ้ำ แม้แต่หนังตายังไม่ได้เลิกสักครั้ง
เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะอย่างโจวจือฉิงนั้น ในสายตาของหลี่ชิเย่มันก็แค่ยุงตัวหนึ่งเท่านั้น
“เจ้ากล้าตบข้า…” โจวจือฉิงร้องเสียงแหลมขึ้นมา พลันลุกขึ้นยืนทันที และร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “ข้าจะฆ่าเจ้า…” ภายใต้การร้องเสียงดังนางได้ยิงถล่มด้วยกระบี่วิเศษรวดเดียวกว่าสิบเล่มออกไป
ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงที่ดังขึ้น กระบี่วิเศษสิบกว่าเล่มได้พุ่งเข้าสังหารหลี่ชิเย่ในทันที ท่าทีโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ต้องการสับหลี่ชิเย่ให้เละจนกลายเป็นเนื้อบด
เสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูสักแวบด้วยซ้ำ เพียงแค่ดีดนิ้วมือเบาๆ ทีหนึ่ง กระบี่วิเศษสิบกว่าเล่มพลันแตกละเอียด เห็นเพียงมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ที่ตบเข้าไปตามอารมณ์ ได้ยินเสียงปังที่ดังสนั่นหวั่นไหว โจวจือฉิงพลันถูกตบจนล้มลงนอนกับพื้น
โจวจือฉิงถูกตบอย่างแรงจนล้มลงนอนกับพื้น ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกก เลือดสดๆ ที่กระอักออกมาอย่างแรง ย้อมเสื้อผ้าของนางจนแดงฉาน ร่างทั้งร่างมีเลือดสดๆ ที่ไหลรินลงมา
“หยุด…” ผู้บำเพ็ญตนชายหญิงกลุ่มคนรุ่นใหม่หลายสิบคนที่ติดตามนางมาได้ส่งเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา พวกเขาต่างลงมือพร้อมกัน กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ดาบยาว เจดีย์วิเศษได้พุ่งโจมตีเข้าใส่หลี่ชิเย่
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น หลี่ชิเย่ไม่ได้ไปมองหน้าพวกเขามากมาย อาวุธต่างๆ ทยอยกันแตกละเอียด ชายหญิงทั้งหมดหลายสิบคนพลันถูกซัดจนปลิวออกไป
ในพริบตาเดียวนั่นเอง โจวจือฉิงและพวกของเขาทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกสยบอยู่บนพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อยู่แล้ว
ในเวลานี้เองหลี่ชิเย่จึงได้มองดูพวกเขาด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยเรียบเฉยขึ้นมาว่า “แค่มดปลวกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ฆ่าพวกเจ้าก็เปื้อนมือข้าเปล่าๆ”
“เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้า ข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ คุณหนูของข้าคือธิดาศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ฮองเฮาในอนาคตของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ เจ้า เจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่เส้นขน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางและแคว้นโบราณยันต์แปดทิศของข้าจะต้องสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”
ขณะที่โจวจือฉิงพูดยังไม่ทันจบ หลี่ชิเย่จัดการตบหน้านางอย่างแรงไปสิบกว่าที พลันทำให้ใบหน้าของโจวจือฉิงถูกตบจนเลือดสดๆ ไหลรินลงมาเป็นทาง โครงหน้าทั้งหน้าถูกตบจนผิดรูปไป
นี่คือการยั้งมือของหลี่ชิเย่เป็นพิเศษแล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ แค่นิ้วมือนิ้วเดียวของเขาก็สามารถบดขยี้โจวจือฉิงจนกลายเป็นหมอกเลือด
“ข้าไม่ฆ่าเจ้า ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่สามารถทำให้เจ้าตายทั้งเป็นได้” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ข้าจะถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกจนหมดแล้วแขวนเอาไว้บนกำแพงเมือง ดูสิว่าเจ้าจะหยิ่งผยองได้สักแค่ไหน!”
“ท่านปรมาจารย์ ห้าวัน หลังจากนี้ห้าวัน เกิดพวกของกัวเจียหุ้ยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจวจือฉิงแล้วจะทำอย่างไร?” ในเวลานี้ ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งอดที่จะกังวลขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือเสียว่าเขาฝึกมาไม่ดี” หลี่ชิเย่พูดเรียบเฉยจากนั้นหลับตาลงเหมือนนอนหลับไป
เฉินเหวยเจิ้งได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เวลานี้สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คืออธิฐานให้กับพวกของกัวเจียหุ้ย หวังว่าพวกเขาสามารถถูกขัดเกลาจนแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมในช่องว่างขั้นสูง หาไม่แล้ว หลังจากนี้อีกห้าวันก็คือเคราะห์กรรมครั้งหนึ่ง
เฉินเหวยเจิ้งยังเข้าใจว่าการต่อสู้ในอีกห้าวันให้หลังจะกระทำการแบบค่อมต่ำ และหรือทำกันอย่างเงียบๆ จะอย่างไรเสียมันเป็นเพียงบุญคุณความแค้นระหว่างผู้เยาว์ไม่กี่คนเท่านั้น ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ชี้ขาดสำคัญอะไร ยากจะเข้าตาของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ
“ข้านี่แหละจะต้องสังหารเด็กน้อยที่โง่เขลาทั้งเจ็ดของนิกายหู้ซานจง และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางข้าก็จะทำลายล้างนิกายหู้ซานจง!” ขณะที่โจวจือฉิงหลบหนีไปได้ไม่นาน ก็ได้ปล่อยคำพูดนักเลงออกมาที่เมืองวัฏสงสารเมื่องบนเขา
ถ้าหากว่าเป็นบุญคุณความแค้นระหว่างผู้เยาว์ไม่กี่คน และต่างฝ่ายต่างปล่อยคำพูดนักเลงขึ้นมา บางทียอดฝีมือหรือผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากก็เพียงแค่หัวเราะและไม่ให้ความสำคัญอยู่แล้ว
จะอย่างไรเสีย ระหว่างสำนักด้วยกันน้อยครั้งนักที่จะมีการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ และหรือระเบิดศึกสงครามขึ้นมาเพียงเพราะบุญคุณความแค้นระหว่างผู้เยาว์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
แต่ทว่า เมื่อเป็นโจวจือฉิงที่ปล่อยคำพูดเช่นนี้ออกมา มันย่อมแตกต่าง
เนื่องจากกำลังความสามารถระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางกับนิกายหู้ซานจงนั้นนับว่าเทียบกันไม่ได้จริงๆ นิกายหู้ซานจงที่เป็นสำนักที่ตกต่ำลงแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง เป็นได้เพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น พูดแบบไม่น่าฟังก็คือ แค่ระดับผู้อาวุโสคนหนึ่งคนใดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางลงมือก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำลายล้างนิกายหู้ซานจงจนสิ้น จัดการบดขยี้นิกายหู้ซานจงจนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นโจวจือฉิงคือสาวใช้ประจำตัวของธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง คำพูดที่นางพูดออกมาจึงมีน้ำหนักไม่น้อย มักจะเป็นตัวแทนของธิดาศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอๆ ฐานะเช่นนี้หาใช่ศิษย์ทั่วไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
“หลังจากนี้อีกห้าวัน ข้านี่แหละจะเอามงกุฎปราชญ์มาเป็นสินเดิมของคุณหนูให้ได้!” ในเวลานี้ โจวจือฉิงได้ปล่อยคำพูดนักเลงออกมา ยกตนข่มท่าน เหมือนว่าศีรษะของพวกกัวเจียหุ้ยเป็นสิ่งที่นางแค่เอื้อมมือไปก็สามารถหยิบฉวยมาได้
“มงกุฎปราชญ์…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตระหนกในใจ เมื่อได้ยินคำพูดของโจวจือฉิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...