อ่านสรุป ตอนที่ 2748 โหมโรงก่อนต่อสู้ชี้ขาด จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2748 โหมโรงก่อนต่อสู้ชี้ขาด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2748 โหมโรงก่อนต่อสู้ชี้ขาด
“มงกุฎปราชญ์…” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เพิ่งจะทราบข่าวเกี่ยวกับมงกุฎปราชญ์ถึงกับรู้สึกหวั่นไหวในใจ มียอดฝีมือที่กล่าวด้วยความตระหนกว่า “มงกุฎปราชญ์ของนิกายหู้ซานจงกลับมาอีกแล้ว ต้องการแต่งตั้งปรัชญาเมธีอย่างนั้นรึ?”
นิกายหู้ซานจงได้เสื่อมและตกต่ำลงจนกลายเป็นสำนักระดับสามไปแล้ว แต่ว่า โดยภาพรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งหมดแล้ว ยังคงมีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากที่มีภาพแห่งความทรงจำที่ลึกซึ้งมากต่อปรัชญาเมธีของนิกายหู้ซานจง
จะอย่างไรเสีย ในยุคสมัยที่ผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษยังคงวัฏฏะและกลับชาติเกิดใหม่นั้น มีเพียงปรัชญาเมธีของนิกายหู้ซานจงเท่านั้นที่มีสิทธิ์ไปให้การต้อนรับการกลับชาติมาเกิดของผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษ กล่าวได้ว่า มีฐานะที่สูงส่งยิ่งนักในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งหมด
สามารถให้การต้อนรับการกลับชาติมาเกิดใหม่ของผู้เฒ่าอมตะ มันบ่งบอกว่าสามารถเป็นโฆษกของปฐมบรรพบุรุษ ลองนึกภาพดู ผู้ที่อยู่ในฐานะเช่นนี้จะมีฐานะที่สูงส่งเพียงใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งหมด
เพียงแต่ ต่อมาภายหลังจากการที่ผู้เฒ่าอมตะไม่มีการวัฏฏะและกลับชาติเกิดใหม่อีกต่อไป นิกายหู้ซานจงก็เสื่อมลงตาม สุดท้าย นิกายหู้ซานจงไม่ได้ให้กำเนิดปรัชญาเมธีอีกต่อไปแล้ว
มาวันนี้ มงกุฎปราชญ์ที่เป็นสิ่งแทนปรัชญาเมธีได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจะไม่ทำให้ก่อเกิดคลื่นยักษ์ขึ้นมาได้อย่างไรเล่า?
“หรือจะกล่าวว่าปฐมบรรพบุรุษจะมีการวัฏฏะและกลับชาติเกิดใหม่อีกครั้งแล้ว?” มียอดฝีมือที่อดมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในใจไม่ขาดสายขึ้นในใจอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากที่ทราบข่าวเกี่ยวกับมงกุฎปราชญ์แล้ว จะอย่างไรเสียปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารของพวกเขาเคยกลับชาติมาเกิดใหม่นั้นเป็นเรื่องจริง และประสบผลสำเร็จมากอย่างแท้จริง
ต่อมาภายหลัง แม้ว่าทุกคนจะไม่ทราบถึงเหตุผลที่ปฐมบรรพบุรุษไม่มีการวัฏฏะและกลับชาติเกิดใหม่อีกต่อไปแล้ว แต่ สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าจากนี้ต่อไปผู้เฒ่าอมตะจะไม่มีการกลับชาติเกิดใหม่อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง การปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งของมงกุฎปราชญ์ในครั้งนี้ เป็นความจริงที่ได้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายกับสิ่งนี้
“มงกุฎปราชญ์คือสัญลักษณ์แทนความเป็นสายตรง” และมีบรรพบุรุษของแคว้นเจ้าลัทธิถึงกับใจเต้นตูมตามขึ้นมาเสียแล้ว
ลองถามดูว่า มีใครบ้างที่ไม่รู้สึกใจเต้นตูมตามกับของเฉกเช่นมงกุฎปราชญ์อย่างนี้กันเล่า? สิ่งนี้ใช่เป็นเพราะมงกุฎปราชญ์เป็นเพียงของวิเศษชิ้นหนึ่งเท่านั้น ขณะเดียวกันมันก็คือสัญลักษณ์แทนความเป็นสายตรงมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร การมีมงกุฎปราชญ์ในครอบครอง เป็นการบ่งบอกว่าเป็นสำนักที่มีความเป็นสายตรงของปฐมบรรพบุรุษในระดับหนึ่ง
กล่าวสำหรับนิกายหู้ซานจงในวันนี้แล้ว แค่มงกุฎปราชญ์องค์หนึ่งไม่มีความหมายอะไรมากนัก กระทั่งอาจจะนำมาซึ่งภัยถูกทำลายล้างสำนักได้
แต่ว่า มันมีความหมายอย่างยิ่งกล่าวสำหรับบรรดาแคว้นเจ้าลัทธิที่เพิ่งจะผงาดขึ้นมาในยุคหลังเหล่านั้น โดยที่บรรดาสำนักต่างๆ ที่ผงาดขึ้นมาภายหลังนั้น พูดได้แต่เพียงว่าเป็นสำนักสืบทอดที่เป็นสายแยกของสายแยกของปฐมบรรพบุรุษ ซึ่งห่างจากสำนักที่เป็นสายตรงราวหนึ่งแสนแปดพันลี้
แต่ว่า เมื่อไหร่ที่แคว้นเจ้าลัทธิที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ครอบครองมงกุฎปราชญ์ และมีสิทธิ์แต่งตั้งปรัชญาเมธีล่ะก็ แล้วจะไม่ทำให้ฐานะสำนักของตนเลื่อนชั้นขึ้นไปหลายชั้นได้อย่างไรเล่า? สามารถกลายเป็นสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ไม่แน่นักอนาคตอาจมีโอกาสได้ควบคุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร บัญชาการทั่วหล้า
ความจริงแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะแคว้นโบราณยันต์แปดทิศก็คิดอยากจะได้ครอบครองมงกุฎปราชญ์สิ่งนี้ตลอดมา
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็ดี แคว้นโบราณยันต์แปดทิศก็ช่าง ล้วนแล้วแต่มีแผนการในใจ” ผู้อาวุโสรุ่นอาวุโสอดที่จะทอดถอนใจออกมา เมื่อได้ยินคำพูดที่นักเลงของโจวจือฉิง
ทุกคนต่างรู้ดีว่า แม้ว่านิกายหู้ซานจงจะตกต่ำลงแล้ว และเป็นความจริงที่ว่า หากคิดจะชิงเอามงกุฎปราชญ์ไปจากนิกายหู้ซานจงนั้นหาใช่เป็นเรื่องยาก แต่ว่า การช่วงชิงโดยอาศัยกำลังดื้อๆ จะอย่างไรเสียก็ไม่ชอบด้วยเหตุผลอะไรนัก
แต่ทว่า หากเป็นการต่อสู้ชี้ขาดระหว่างผู้เยาว์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางกับนิกายหู้ซานจงกรณีบุญคุณความแค้นส่วนตัว แล้วชิงเอามงกุฎปราชญ์จากมือของผู้เยาว์นิกายหู้ซานจง ก็จะดูเป็นการมีเหตุผลที่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำ และถูกหลักธรรมนองคลองธรรมมากกว่ามากทีเดียว และคนอื่นๆ ก็จะไม่มีความเห็นเป็นอื่น
“บางที นี่อาจเป็นการส่งสัญญาณของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ แคว้นโบราณยันต์แปดทิศคือแคว้นที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารแล้ว พวกเขาต้องการสิ่งของอย่างมงกุฎปราชญ์มาแสดงถึงฐานะความเป็นสายตรงของพวกเขา” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
โจวจือฉิงคือสาวใช้ประจำตัวของธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ถ้าหากนางสามารถชิงเอามงกุฎปราชญ์มา และนำไปเป็นสินเดิมของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางแต่งเข้าไปยังแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ เมื่อเป็นเช่นนั้น แคว้นโบราณยันต์แปดทิศก็จะได้ครอบครองมงกุฎปราชญ์อย่างถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรมแล้ว และแคว้นโบราณยันต์แปดทิศก็จะได้ทำการแต่งตั้งปรัชญาเมธีได้ถูกต้องตามจังหวะขั้นตอนแล้ว
ไม่รู้ว่ามีผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเสียใจภายหลัง เมื่อได้ยินเรื่องราวการต่อสู้ชี้ขาดของโจวจือฉิงกับกัวเจียหุ้ยแล้ว ทำไมพวกเขาจึงนึกไม่ถึงวิธีการเช่นนี้เล่า
ถ้าหากพวกเขาใช้วิธีการนี้ตั้งแต่เริ่มแรก ไม่แน่นักอาจได้ครอบครองมงกุฎปราชญ์มานานแล้ว
“แคว้นโบราณยันต์แปดทิศอยากได้มงกุฎปราชญ์มาครอบครอง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่แน่นอนไปแล้ว” หลังจากยอดฝีมือได้ฟังคำลักษณะเช่นนี้จากโจวจือฉิงแล้ว รู้ว่าสถานการณ์ถูกกำหนดเป็นที่แน่นอนไว้แล้ว
แม้จะกล่าวว่ากำลังความสามารถของโจวจือฉิงในกลุ่มคนรุ่นใหม่หาใช่โดดเด่นมากเป็นพิเศษ ไม่ได้แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ และหาใช่ประเภทยอดฝีมือที่ยอดเยี่ยมในหล้าอะไร แต่ว่า รับมือกับศิษย์ธรรมดาๆ เจ็ดคนของนิกายหู้ซานจง มิใช่เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างนั้นรึ? ต่อให้ศิษย์ทั้งเจ็ดของนิกายหู้ซานจงคือศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของนิกายหู้ซานจงแล้วก็ตาม การร่วมมือของพวกเขายังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจวจือฉิงเช่นเดิม
แน่นอน หลังจากที่โจวจือฉิงได้ประกาศเรื่องนี้ออกมาแล้ว ต่อให้มีผู้ที่คิดไม่ซื่อต่อมงกุฎปราชญ์ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้แล้ว จะอย่างไรเสีย คำพูดของโจวจือฉิงก็เป็นการส่งสัญญาณลับๆ ว่ามงกุฎปราชญ์เป็นสิ่งที่ทางแคว้นโบราณยันต์แปดทิศต้องการครอบครองให้จงได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเช่นใดก็ตาม แคว้นโบราณยันต์แปดทิศของพวกเขาต้องนำเอามงกุฎปราชญ์มาให้ได้ แคว้นเจ้าลัทธิอื่นๆ อย่าได้แย่งชิงกับพวกเขาแล้ว
หลังจากที่โจวจือฉิงได้เป่าประกาศเรื่องการต่อสู้ชี้ขาดกับศิษย์ทั้งเจ็ดของนิกายหู้ซานจงแล้ว ในบางแง่มุมก็เป็นถือเป็นตัวแทนของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้อย่างชาญฉลาดในระดับหนึ่ง และเป็นการเตือนคนบางคนที่มีความคิดเกี่ยวกับมงกุฎปราชญ์
“แม่นางโจวมาแล้ว” บรรดาศิษย์กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันทักทายต่อนาง แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสยางคนก็ส่งความปรารถนาดีต่อโจวจือฉิง
หากจะกล่าวว่าโจวจือฉิงเป็นเพียงศิษย์คนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ต่อให้เป็นศิษย์ที่มีความโดดเด่นคนหนึ่ง เกรงว่าคงไม่ได้มีฐานะเช่นนี้ในวันนี้
แต่ว่า นางอยู่ในฐานะสาวใช้ประจำตัวของธิดาศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางย่อมแตกต่าง นางไม่เพียงเป็นคนสนิทของธิดาศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเท่านั้น ขณะเดียวกันก็จะเป็นสาวใช้ที่แต่งงานตามไปด้วย วันหน้าต้องได้เป็นภรรยาน้อยขององค์ชายแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ กระทั่งยังอาจจะได้เป็นพระชายารองก็เป็นได้
สมควรทราบว่า แคว้นโบราณยันต์แปดทิศคือแคว้นที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารในยุคปัจจุบัน จะช้าหรือเร็วสักวันหนึ่งก็ต้องได้ควบคุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ขณะที่ในวันหน้าองค์ชายแคว้นโบราณยันต์แปดทิศก็ต้องได้ขึ้นครองราชย์ และกลายเป็นฮ่องเต้ของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็คือผู้กุมอำนาจในมือ ปกครองใต้หล้า
ลองนึกภาพดู เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้ไม่สามารถประจบสอพลอฮ่องเต้ของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้ แต่ว่า สามารถประจบพระชายาของฮ่องเต้ได้ สามารถให้นางช่วยพูดให้กับตนก็เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มาให้กำลังใจนะเนี่ย” มีผู้ที่เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้น เมื่อเห็นการมาของโจวจือฉิง แต่ไม่เห็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง
ความจริงแล้วก็มีผู้คนจำนวนมากต้องการเห็นท่วงทีที่มีความงดงามของธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง จะอย่างไรเสีย ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางนั้นคือสุดยอดโฉมตรูในหล้าที่มีชื่อเสียงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ได้ยินมาว่างามที่สุดในหล้า ทำไห้ผู้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหล
“แค่*นิกายหู้ซานจงเท่านั้น จำเป็นต้องให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์มาด้วยตนเองรึ? ธิดาศักดิ์สิทธิ์คือระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เพียงคำพูดคำเดียวของนางก็ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือจำนวนเท่าไรลงมือ” มียอดฝีมือส่ายหน้า และกล่าวว่า “กล่าวคำที่ไม่น่าฟังคำหนึ่ง ขอเพียงธิดาศักดิ์สิทธิ์สั่งการมาคำหนึ่ง การที่จะทำลายล้างนิกายหู้ซานจงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”
แม้ว่าคำพูดนี้จะไม่น่าฟัง แต่ มันก็เป็นความจริง เล่าลือกันว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางคือระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่แปดคนหนึ่งแล้ว กระทั่งอาจจะขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่เก้าแล้วก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะที่นางเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ฮองเฮาของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศในอนาคต เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีฐานะสูงส่งมากด้วยอำนาจ เพียงนางสั่งการคำหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์จำนวนเท่าไรที่ยินดีลงมือไปทำลายล้างนิกายหู้ซานจง
เรียกได้ว่า เฉกเช่นโจวจือฉิงที่เป็นถึงสาวใช้ประจำตัวไปต่อสู้ชี้ขาดกับศิษย์ที่เป็นเพียงผู้เยาว์หลายคนของนิกายหู้ซานจง ก็นับว่าเป็นการลดฐานะทีสูงส่งลงแล้ว
หากไม่เป็นเพราะเรื่องของมงกุฎปราชญ์ เกรงว่าโจวจือฉิงยังรังเกียจที่จะลงมือด้วยตัวเอง เพียงนางสั่งการคำหนึ่ง ก็จะมียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยยินดีไปสังหารศิษย์ของนิกายหู้ซานจงอยู่แล้ว
…………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...