ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2749

หลังจากที่โจวจือฉิงมาถึงแล้ว ขณะที่พวกของหลี่ชิเย่คนของนิกายหู้ซานจงยังคงล่าช้าไม่ได้ปรากฎตัว ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองไปที่บริเวณทางเขา รอคอยการมาถึงของศิษย์นิกายหู้ซานจง แน่นอนที่สุด ทุกคนไม่ได้คิดอยากจะดูว่านิกายหู้ซานจงจะมีบุคลากรที่โดดเด่นอะไรหรือไม่ ทุกคนเพียงต้องการเห็นมงกุฎปราชญ์เท่านั้นเอง

“คนของนิกายหู้ซานจงยังมาไม่ถึง ออกจะวางมาดเกินไปแล้วกระมัง” มีคนที่รอจนรู้สึกรำคาญ อดที่จะซุบซิบด้วยความกังขา เมื่อเห็นว่านิกายหู้ซานจงยังคงทำชักช้าไม่ปรากฎตัวสักที

“ฮึ เกรงว่าจะไม่ใช่มาดเยอะ” มียอดฝีมือที่ยิ้มเยาะและกล่าวว่า “ไม่แน่นักนิกายหู้ซานจงอาจจะหลบหนีไปแล้วก็ได้ นิกายหู้ซานจงรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่นางโจว ที่บอกว่าต่อสู้ชี้ขาดนั่นเป็นเพียงอุบายที่จะถ่วงเวลาเท่านั้นเอง ไม่แน่นักอาจจะเตลิดหนีกลับไปยังนิกายหู้ซานจงนานแล้ว”

ในเวลานี้ โจวจือฉิงได้ยิ้มเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ต่อให้หนีไปได้ชั่วขณะ ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับรู้สึกเย็นวาบในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของโจวจือฉิง และทุกคนก็รู้สึกเช่นนั้น ถ้าหากว่าศิษย์ของนิกายหู้ซานจงอาศัยอุบายถ่วงเวลาแล้วหนีออกจากเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมีข้ออ้างที่จะส่งกองทัพไปตีนิกายหู้ซานจงแล้ว

เมื่อถึงเวลานั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางแค่อาศัยข้ออ้างอะไรสักอย่างว่า “ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง” ก็สามารถนำทัพใหญ่ประชิดชายแดน และจัดการทำลายล้างนิกายหู้ซานจงได้อย่างมีเหตุผลพูดได้เต็มปากเต็มคำ ถึงตอนนั้น หลังจากที่ทำลายล้างนิกายหู้ซานจงไปแล้ว มงกุฎปราชญ์ยังคงเป็นหมูในอวยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางอยู่ดี

ดังนั้น ทุกคนในเวลานี้จึงมองหน้าซึ่งกันและกัน ไม่ว่านิกายหู้ซานจงจะรับคำท้าหรือว่าหลบหนีไป เกรงว่าคงจะพ่ายแพ้อย่างยับเยินตั้งแต่เริ่มแรกเสียแล้ว และมงกุฎปราชญ์ก็ถูกลิขิตให้ต้องเป็นของๆ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมานานแล้ว

“ดูท่านิกายหู้ซานจงได้หนีไปแล้วจริงๆ ต้องการเป็นเต่าหดหัวเสียแล้ว” ขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นกลางหาว มีผู้ที่มองไปรอบๆ แล้วปรากฏศิษย์ของนิกายหู้ซานจงยังคงไม่ได้ปรากฎตัว ถึงกับกล่าวด้วยท่าทีดีใจที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน

“ใครว่านิกายหู้ซานจงของข้าหนีไปแล้ว?” ในเวลานี้เอง เสียงทุ้มต่ำที่หนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้น

“มาแล้ว มาแล้ว นิกายหู้ซานจงมาแล้ว” มีผู้ที่จดจำเฉินเหวยเจิ้ง เจ้านิกายของนิกายหู้ซานจงที่ก้าวเข้ามาตรงทางเข้าได้ทันที ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา

ทุกคนต่างทยอยกันมองไปที่บริเวณทางเข้า เห็นนิกายหู้ซานจงที่เดินแถวเรียงหนึ่งเข้ามารวมเก้าคน และหนึ่งในนั้นยังมีคนหนึ่งที่พิการนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจากแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ แต่ละแห่งถึงกับมองตากันและกัน เมื่อเห็นขบวนลักษณะเช่นนี้ กำลังเช่นนี้ของนิกายหู้ซานจงนับว่าอ่อนแอถึงที่สุดแล้วจริงๆ มิน่าเล่าทุกคนต่างกล่าวกันว่านิกายหู้ซานจงเสื่อมลงแล้ว มาวันนี้ดูไปแล้วเป็นความจริงว่าข่าวเล่าลือกันนั้นไม่ได้เป็นเท็จ

สิ่งนี้จะโทษว่ายอดฝีมือจากแคว้นเจ้าลัทธิแต่ละแห่งดูแคลนนิกายหู้ซานจงขนาดนี้ก็ไม่ถูก เวลานี้มองไปแล้วกำลังความสามารถของพวกเฉินเหวยเจิ้งเรียกได้ว่าเห็นได้อย่างชัดเจน

ทุกคนต่างมองออกว่า ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้นที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็คือเจ้านิกายเฉินเหวยเจิ้งแล้ว ซึ่งเป็นผู้ที่ก้าวเข้าสู่ระดับเทพแท้จริงอย่างฝืนๆ เท่านั้นเอง

ขณะที่ระดับเทพแท้จริงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารแล้วไม่นับเป็นอะไรได้อยู่แล้ว แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากนั้นมีจำนวนเทพแท้จริงที่มีอยู่ในครอบครองมากมายเหลือเกิน หากพูดถึงรุ่นอาวุโสแล้ว ในแคว้นเจ้าลัทธิมีอยู่เป็นจำนวนมากที่สามารถบรรลุเป็นระดับเทพแท้จริงได้อยู่แล้ว

สำหรับพวกของกัวเจียหุ้ยที่เป็นศิษย์ทั้งเจ็ดกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น ในสายตาของยอดฝีมือแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากมองว่า สามารถบอกได้แต่เพียงว่าพอไปได้ และหรือไม่เลวนัก แต่ยังคงห่างไกลจากชั้นดีเลิศอีกมากเลยทีเดียว

ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร จำนวนศิษย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ลักษณะเช่นนี้มีจำนวนที่มากมาย

ดังนั้น ขณะที่มองเห็นศิษย์ทั้งเจ็ดอย่างกัวเจียหุ้ยแล้ว ทุกคนอดที่จะมองดูโจวจือฉิงอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าในบรรดาศิษย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ของแคว้นเจ้าลัทธินั้น โจวจือฉิงไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มของผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็นับว่าเป็นศิษย์ที่ดีเลิศ ไม่รู้ว่ายอดเยี่ยมกว่าพวกของกัวเจียหุ้ยอยู่เท่าใด

แม้ว่าพวกของกัวเจียหุ้ยทั้งเจ็ดคนจะมีจำนวนคนมากกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดนั้นโจวจือฉิงเหนือกว่าพวกเขาอยู่สองระดับเต็มๆ ซึ่งช่วงห่างดังกล่าวไม่สามารถอาศัยจำนวนคนมาชดเชยกันได้

สำหรับหลี่ชิเย่ที่นอนอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนนั้น ทุกคนเพียงมองดูแวบเดียวเท่านั้นโดยไม่ได้นำมาใส่ใจ แค่คนพิการคนหนึ่งเท่านั้น ไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึงอยู่แล้ว

ทุกคนยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้เห็นกำลังของพวกเฉินเหวยเจิ้ง มาคราวนี้นิกายหู้ซานจงต้องม้วยอย่างแน่นอน กำลังความสามารถเช่นนี้เมื่อมาอยู่ต่อหน้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น

“นิกายหู้ซานจงหาใช่นิกายหู้ซานจงในครั้งนั้นอีกแล้ว เวลานี้เป็นได้เพียงสำนักระดับสามเท่านั้นเอง” มียอดฝีมือเชิดใส่ เมื่อมองเห็นกำลังที่อ่อนแอเช่นนี้ของพวกเฉินเหวยเจิ้ง

ลองนึกดู ขณะนิกายหู้ซานจงยังแข็งแกร่งในครั้งนั้น ช่างมีชื่อเสียงโด่งดังเช่นใด แม้ว่าไม่ได้บัญชาการทั่วหล้า แต่ก็อยู่เหนือเหล่าชั้นฟ้า มีต้นทุนเพียงพอที่จะให้ทั่วหล้าต้องสยบ มาวันนี้นิกายหู้ซานจงตกต่ำลมาจนถึงขั้นนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ใส่ใจมันอีกต่อไป

“นั่นก็คือมงกุฎปราชญ์รึ?” ในเวลานี้ มีสายตาของยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยที่ตกอยู่บนมงกุฎปราชญ์ที่สวมอยู่บนศีรษะของกัวเจียหุ้ย มันทำให้ผู้คนสงสัยว่าเป็นมงกุฎปราชญ์จริงหรือไม่ เมื่อมองเห็นมงกุฎปราชญ์ดังกล่าวไม่ได้มีอะไรที่ดูมีความอัศจรรย์มากเป็นพิเศษ

“เป็นมงกุฎปราชญ์จริงๆ เหมือนกับที่อยู่ในตำนานทุกประการ” มีระดับบรรพบุรุษที่พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว กล่าวด้วยความมั่นใจ

กล่าวสำหรับระดับบรรพบุรุษบางคนแล้ว อดที่จะใจเต้นตูมตามไม่ได้เมื่อมองเห็นมงกุฎปราชญ์นี้แล้ว เพียงแต่ไม่กล้าลงมือเท่านั้น จะอย่างไรเสียคงมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าแย่งอาหารจากปากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง และแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล