ตอนที่ 2801 ราชันแท้จริงเซิ่นซวง – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
ตอนนี้ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2801 ราชันแท้จริงเซิ่นซวง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 2801 ราชันแท้จริงเซิ่นซวง
ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้น แสงสว่างส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค กลิ่นอายราชันเซียนตลบอบอวล ทำให้ผู้คนต้องเคารพยำเกรงและเงยหน้ามอง
“ท่านอธิการบดี อยู่ที่นี่ด้วยเรื่องอะไรกันเล่า?” ผู้หญิงคนนี้เปิดปากพูดขึ้นมา น้ำเสียงนั้นไพเราะน่าฟังอย่างยิ่ง เสมือนดั่งเสียงธรรมชาติอย่างนั้น ทำให้ผู้คนหลงใหลในสิ่งนี้ ทำให้ผู้คนได้ยินแล้วรู้สึกสบายอกสบายใจ
ผู้หญิงคนนี้พูดกับชายวัยกลางคนที่หน้าผากกว้างและโหนกนูนคนนั้น
ฝ่าบาท…ชายวัยกลางคนรีบแสดงคารวะแบบจีน และตอบคำถามของผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนี้ส่ายหน้า และกล่าวตัดบทคำพูดของชายวัยกลางคน และกล่าวว่า “เมิ่งซิละอายกับการคารวะเช่นนี้จากท่านอธิการบดี ท่านอธิการบดีมีศักดิ์เสมอด้วยเหล่าผู้อาวุโสของเป่ยเยี่ยนอุดรพวกเรา เมิ่งซิเป็นเพียงนักศึกษาของเป่ยเยี่ยนอุดร หากว่ากันด้วยเรื่องอาวุโสแล้ว ท่านอธิการบดีคือผู้อาวุโสของเมิ่งซิ หากท่านอธิการบดีไม่รังเกียจเรียกชื่อของข้าก็ได้”
บรรดาชายหญิงกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ต่างชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้เข้ากับคนง่ายถึงเพียงนี้ นางที่แข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว ยังคงมีจิตใจที่กว้างเสมือนดั่งหุบเขา ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ ยิ่งทำให้เลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง นับว่าหาได้ยากยิ่งนัก
“น่าละอาย ข้ามีชีวิตอยู่มาถึงปูนนี้เสียเปล่า” ชายวัยกลางคนหัวเราะด้วยความรู้สึกละอาย และกล่าวว่า “เช่นนั้นเคารพมิสู้ปฏิบัติตาม แม่นางเมิ่ง ผู้อาวุโสเติ้งบอกว่า พี่น้องผู้นี้มีชาติกำเนิดมาจากชนเผ่าบาป พวกเราแค่ต้องการตรวจสอบนิดหนึ่ง”
‘ผู้อาวุโสเติ้ง’ ที่ชายวัยกลางคนพูดถึงก็คือผู้เฒ่าที่จ้องมองหลี่ชิเย่ตลอด และเป็นคนแรกที่เรียกหลี่ชิเย่ว่าเป็นพวก ‘ชนเผ่าบาป’
สายตาของผู้หญิงคนนี้พลันตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ ยามที่แววตาของนางครอบคลุมบนตัวของหลี่ชิเย่นั้น พลันทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงแสงสว่างที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค มีความรู้สึกของแผ่นดินกลับสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างนั้น เหมือนหนึ่งแช่ร่างกายไว้กับน้ำอุ่นอย่างนั้น รู้สึกสบายตัวเป็นพิเศษ และภายใต้แววตาเช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงตัวเองที่ด้อยกว่า
“คุณชายท่านนี้มีชาติกำเนิดมาจากชนเผ่าบาปรึ?” ในเวลานี้สายตาของผู้หญิงที่ตกอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ก็ดูไม่ออกถึงเส้นสนกลใน เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกแปลกก็คือ หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีเป็นปรกติภายใต้สายตาของนาง เหมือนไม่คิดว่านางมีอะไรดีนักหนาอย่างนั้น
“อ้อ เจ้าเป็นใครรึ?” หลี่ชิเย่มองดูผู้หญิงคนนี้แวบหนึ่ง และมองดูนางอย่างละเอียด สายตานั้นช่างตามอารมณ์ และไร้มารยาทอะไรอย่างนั้น แน่นอนที่สุด ในสายตาของชายหญิงกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ ท่าทีของหลี่ชิเย่นับว่าไร้มารยาทมากเหลือเกิน ไม่มีความเคารพเลยแม้แต่น้อย
“บังอาจ ถึงกับกล้าพูดจาไร้ยางอายต่อหน้าราชันแท้จริง ไม่รู้จักคำว่าตาย” ชายหนุ่มผู้ที่มีแสงสว่างปรากฏบนตัวจึงร้องกล่าวเสียงดังต่อหลี่ชิเย่ทันที เขามีความเลื่อมใสศรัทธายิ่งต่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างยิ่ง กล่าวสำหรับตัวเขาแล้ว สามารถมองเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของนางในระยะใกล้ถึงเพียงนี้ เรียกว่าพึงพอใจอย่างที่สุดแล้ว
เวลานี้หลี่ชิเย่เสียมารยาทขนาดนี้ เขาจึงกล่าวตำหนิเสียงดังไปทันที อยากจะลงมือสั่งสอนหลี่ชิเย่ทีหนึ่งให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ผู้หญิงคนนี้โบกมือเบาๆ ห้ามไม่ให้ชายหนุ่มผู้นี้ตำหนิเสียงดัง ยังคงมีแสงสว่างส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง แต่ก็เข้ากับคนง่ายอะไรอย่างนั้น
“ผู้คนมากมาย ท่านไม่รู้จักข้าก็สมควรแล้ว” ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ถือโทษอะไร
“ฮึคนโง่เขลาเช่นนี้ แม้แต่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงยังไม่รู้จัก กบในกะลา” มีชายหญิงกลุ่มคนรุ่นใหม่ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา
กล่าวได้ว่า ในบรรดาพวกเขาใครบ้างที่ไม่เลื่อมใสศรัทธาในตัวของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ากันเล่า แม้ว่านางจะมีอายุใกล้เคียงกับพวกเขา แต่ว่านางได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว เป็นราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกร และเป็นความภาคภูมิใจของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา
ชื่อเสียงของราชันแท้จริงเซิ่นซวงเรียกได้ว่าโด่งดังมากในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ และอยู่ในฐานะที่ชื่อเสียงโด่งดังมากในแดนลัทธิเซียนเช่นเดียวกัน ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่เรียกได้ว่าปราดเปรื่องน่าทึ่ง ถือได้ว่าสุดยอดในหล้ามีเพียงหนึ่งไม่มีสอง
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงมีชาติกำเนิดมาจากเป่ยเยี่ยนอุดรของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ อายุน้อยๆ ก็ได้เป็นราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ราชันแท้จริงเซิ่นซวงไม่เพียงมีชาติกำเนิดมาจากหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ เป็นราชันแท้จริงที่กำเนิดและเติบโตอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งนี้ และนางยังมีชาติกำเนิดมาจากเผ่าเซิ่นหลิงอีกด้วย
เผ่าเซิ่นหลิงนับเป็นชนเผ่าที่สูงส่ง คนของเผ่าดังกล่าวพลันที่ถือกำเนิดขึ้นมาก็จะมีปีกแสงคู่หนึ่งอยู่ด้านหลัง
ด้วยชาติกำเนิดเช่นนี้ ทั้งยังเป็นราชันแท้จริงที่ถือกำเนิดและเติบโตที่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ลองนึกภาพดูว่า ราชันแท้จริงเซิ่นซวงจะไม่ให้ผู้คนทั้งหมดในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ถือเอาเป็นความภาคภูมิใจได้อย่างไรกัน
“อ๋อ ที่แท้เป็นราชันแท้จริง” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งท่าทีตามอารมณ์ยิ่ง
ท่าทีลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ได้นำมาซึ่งความโกรธจากผู้คนจำนวนไม่น้อย ชายหญิงจำนวนไม่น้อยพลันจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งต่อท่าทางที่ไม่ให้ความเคารพของหลี่ชิเย่
“ท่านมีชาติกำเนิดมาจากชนเผ่าบาปใช่หรือไม่?” ประกายศักดิ์สิทธิ์ในสายตาที่เสมือนดั่งน้ำไหล ดูอ่อนโยนยิ่งนักขณะที่ราชันแท้จริงเซิ่นซวงจ้องมองที่หลี่ชิเย่ ผู้คนจำนวนมากภายใต้ประกายตาเช่นนี้ของนาง ล้วนแล้วแต่มีสภาพจิตที่ต้องการจะบวชอย่างนั้น
แต่ว่า หลี่ชิเย่ กลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย หัวเราะและยักไหล่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ชนเผ่าบาป ไม่บาปอะไรข้าไม่เคยได้ยิน ข้าแค่ออกมาจากป่าที่รกร้างผืนนี้เท่านั้น พวกเจ้าบอกว่าเป็นเผ่าบาปก็เผ่าบาปแล้วกัน”
“แม่นางเมิ่ง ที่ระหว่างคิ้วของชนเผ่าบาปจะมีรอยประทับสลักรอยหนึ่ง” คนที่ชื่อผู้อาวุโสเติ้ง และก็คือผู้เฒ่าที่คิดว่าหลี่ชิเย่คือชนเผ่าบาปผู้นั้น เขามีชื่อว่าเติ้งเหรินเซิน มีกำลังความสามารถที่สูงมาก เขากล่าวว่า “รอยประทับสลักบริเวณระหว่างคิ้วของเขาเหมือนกับรอยประทับสลักของชนเผ่าบาปทุกอย่าง”
ราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับจ้องมองดูรอยประทับสลักบริเวณระหว่างคิ้วของหลี่ชิเย่ เมื่อได้ยินคำพูดของเติ้งเหรินเซิน ในฐานะที่เป็นราชันแท้จริงอีกทั้งยังมีแสงสว่างส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ต่อให้มีการเก็บงำกลิ่นอายราชันแท้จริง ไม่อาศัยกลิ่นอายราชันแท้จริงมาสยบคนอื่น
แต่ว่า ภายใต้สายตาที่จ้องมองเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงยากที่จะรองรับได้นานแล้ว และหรือคุกเข่าก้มกราบกับพื้นไปนานแล้ว แต่ สิ่งนี้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อหลี่ชิเย่
“รอยประทับสลักชนเผ่าบาปอะไร ความรู้ตื้นเขิน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นี่มันเป็นเพียงบาดแผลจากอุบัติเหตุเท่านั้นเอง”
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจเขา เพียงมองไปที่ราชันแท้จริงเซิ่นซวง กล่าวสำหรับเขาแล้ว ราชันแท้จริงระดับราชันแท้จริงเซิ่นซวงนับว่าน่าสนใจอยู่บ้าง
“ท่านออกมาจากป่ารกร้างนั่นอย่างนั้นรึ?” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับมองไปยังบริเวณที่ลึกเข้าไปในป่ารกร้างนั่น
“เข้าไปหาอะไรนิดหน่อย ที่นั่นได้กลายเป็นแดนมารไปแล้ว” หลี่ชิเย่ยักไหล่นิดหนึ่ง เป็นท่าทางที่อย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิง
“ป่ารกร้างกลายเป็นพื้นที่อันตรายแล้ว” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงละสายตากลับมา มองดูหลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ถ้าหากท่านไม่มีเรื่องรีบร้อนอะไร อย่าได้ไปจากจะดีกว่า”
“อ่อ คิดจะรั้งข้าเอาไว้?” หลี่ชิเย่ยิ้มขณะมองดูราชันแท้จริงเซิ่นซวง
“หอจรัสศักดิ์สิทธิ์นอกเหนือจากเมืองล้างบาปแล้ว สถานที่อื่นๆ ล้วนแล้วแต่ แสงสว่างส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ทุกๆ ตารางนิ้วล้วนแล้วแต่ตลบอบอวลไปด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ พลังศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงกล่าวว่า “ท่านต้องสัมผัสกับความมืดในป่ารกร้างนั่นแน่นอน ถ้าหากท่านไปจากโดยพละการเกรงว่าจะต้องสยบโดยประกายศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงตอนนั้น กล่าวสำหรับท่านแล้วมันคือความทุกทรมานอย่างหนึ่ง หากท่านยินดี รั้งอยู่ที่เมืองล้างบาปก่อนก็ไม่เลวนัก”
“ฝ่าบามมีเมตตากรุณาโอบอ้อมอารี” บรรดาชายหญิงกลุ่มนี้ต่างทยอยกันเลื่อมใสและให้ความเคารพอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของราชันแท้จริงเซิ่นซวง
“เมืองล้างบาป” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา และกล่าวว่า “ไหนๆ ข้าก็ร่อนเร่พเนจรไปทั่ว อาศัยอยู่ที่เมืองล้างบาปแล้วจะเป็นไรไป”
แน่นอน กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เขาไม่รีบเร่งที่จะไปจาก จะรั้งอาศัยอยู่ที่ใดก็ไม่มีปัญหา ตรงกันข้าม กับเมืองล้างบาปเขากลับรู้สึกสนใจอย่างยิ่ง
“ใต้เท้าอธิการบดี สถาบันล้างบาปสามารถรับตัวเขาได้กระมัง” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงได้กล่าวต่อ “ชายวัยกลางคน เขาก็คืออธิการบดีของสถาบันล้างบาปนั่นเอง”
“ไม่มีปัญหา ภาคการศึกษาใหม่ของสถาบันล้างบาปก็เริ่มต้นขึ้น กำลังจะรับนักศึกษาใหม่พอดี” ชายวัยกลางคนรีบกล่าวตอบ
“ท่านก็อยู่ที่สถาบันล้างบาปก็แล้วกัน ในสถาบันล้างบาปก็มีพลังประกายศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่มันจะนุ่มนวลกว่า ท่านรั้งอยู่ที่สถาบันล้างบาปทั้งเป็นการทำให้กลิ่นอายความมืดบนตัวจางหายไป และยังสามารถทำความคุ้นเคยกับพลังของประกายศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ เทียบกับการเหยียบเข้าไปยังหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ทันทีจะดีกว่ากันมากทีเดียว” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงกล่าวต่อหลี่ชิเย่
“จะเป็นอะไรไป” หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “มีเวลาว่าง อย่าลืมแวะมาเยี่ยมข้าที่เมืองล้างบาปนะ”
“บังอาจ…” คำพูดที่เหลาะแหละของหลี่ชิเย่ พลันทำไห้ชายหญิงกลุ่มนี้รู้สึกโกรธมาก มีอยู่ไม่น้อยที่จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ
…………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...