ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2814

ตอนที่ 2814 การเปรียบเทียบที่น่าผิดหวัง

กล่าวสำหรับนักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปแล้ว การที่ได้เข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์คือเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง จะอย่างไรเสียปรกติแล้วสิ่งนี้กล่าวสำหรับนักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด เวลานี้มีโอกาสได้เข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาจะไม่ดีใจได้หรือ?

แม้ว่านักศึกษาที่เข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้จะต้องผ่านการคัดเลือก ต้องเป็นนักศึกษาที่มีความโดดเด่นมากที่สุดของสถาบันศึกษาจึงมีโอกาสได้ติดตามเข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่า นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปยังคงตื่นเต้นอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสได้รับการคัดเลือก เฉกเช่นในอดีตแม้แต่โอกาสที่จะเข้ารับการคัดเลือกก็ยังไม่มี

หลังจากนักศึกษาที่จะเข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ผ่านการคัดเลือกเสร็จสิ้นแล้ว จะมีอธิการบดีตู้เหวินรุ่ยนำขบวนไปด้วยตนเอง จะอย่างไรเสีย เขาเกรงว่าหากให้คนอื่นเป็นผู้นำขบวนไปจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ในวันนี้ บรรดานักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกต่างมารวมตัวกันแต่เช้า ตู้เหวินรุ่ยได้ควบคุมเรือลำหนึ่งด้วยตนเอง รับเอานักศึกษาขึ้นไปทั้งหมด

เวลานี้ หลี่ชิเย่จึงได้ก้าวเดินมาช้าๆ โดยสะพายกระบี่ล้างบาปไว้บนหลัง

ท่าทางที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก้าวเดินมาอย่างช้าๆ ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างมองดูด้วยความงงงัน เนื่องจากทุกคนล้วนแล้วแต่ตื่นเต้นกันมากที่ได้ยินว่าจะไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ตื่นนอนมารอคอยแต่เช้า ขณะที่หลี่ชิเย่เหมือนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่น้อย เหมือนว่าวงรัศมีเส้นประสาทของเขาจะกว้างกว่าคนอื่น จึงมีปฏิกิริยาช้ากว่าคนอื่นมากทีเดียว

“คนปัญญาอ่อนย่อมมีโชคของคนปัญญาอ่อนโดยแท้” มีผู้ที่มองเห็นหลี่ชิเย่ซึ่งสะพายกระบี่ล้างบาปที่หลังแล้ว อดที่จะกล่าวด้วยความอิจฉา

แน่นอน เรื่องอิจฉาก็เป็นเรื่องของความอิจฉา ทุกคนไม่สามารถคิดการอะไรได้ จะอย่างไรเสียเฉกเช่นกระบี่ล้างบาปที่เป็นของแบบนี้ แม้แต่ราชันแท้จิรงเซิ่นซวงก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ เวลานี้กลับยอมรับหลี่ชิเย่ให้เป็นนาย จึงพูดได้แต่เพียงโชคของเขาดีจนสุดจะบรรยาย

เมื่อหลี่ชิเย่ได้ขึ้นไปบนเรือแล้ว มองดูแวบหนึ่งและกล่าวว่า “เรือไม่เลวเลยนี่”

“ล้วนแล้วแต่เป็นทรัพย์สินนิดๆ หน่อยๆ ที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ให้” ตู้เหวินรุ่ยหัวเราะและกล่าวว่า “ทรัพย์สินที่สามารถเอาออกมาได้ก็มีอยู่เพียงเท่านี้แหละ เทียบกับสี่สถาบันศึกษาแล้ว เทียบกันไม่ได้ เทียบกันไม่ได้เลย”

แน่นอน บรรดานักศึกษาที่อยู่บนเรือไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก พวกเขาก็ดูไม่ออกว่าเรือลำนี้มีดีที่ตรงไหน

“เอาล่ะ นั่งกันให้ดีทุกคน พวกเราจะออกเดินทางไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว” เวลานี้ ตู้เหวินรุ่ยร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา ทำการคัดท้ายด้วยตัวเอง

“ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์กันแล้วนะ” นักศึกษาที่อยู่บนเรือทั้งหมดต่างตื่นเต้นจนร้องเสียงดังขึ้นมา ล้วนแล้วแต่ตื่นเต้นกันอย่างที่สุด มีผู้ที่อดจ้องมองไปข้างหน้าไม่ได้ เหมือนว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ตรงหน้าแล้วอย่างนั้น

ฟิววว…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง เรือพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าเสมือนดังธนู ความเร็วนั้นเรียกได้ว่าปราศจากผู้เทียบเทียม นักศึกษาจำนวนมากที่ไม่ได้นั่งอย่างมั่นคง ต่างกลิ้งไปร่วมตัวอยู่ด้วยกัน

เฉกเช่นหลี่ชิเย่พูดมาอย่างนั้น นี่คือเรือที่ดีลำหนึ่ง แน่นอน สามารถได้รับคำชื่นชมจากหลี่ชิเย่ได้นั้น เรือลำนี้ย่อมมีความยอดเยี่ยมยิ่งนัก เป็นเรือวิเศษที่ทรงพลังยิ่งลำหนึ่ง

หลังจากที่เรือลำนี้ได้พุ่งขึ้นท้องฟ้าแล้ว ก็อาศัยความเร็วที่ยากจะหาผู้ใดเทียมมุ่งหน้าทิศทางที่ตรงไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เสมือนดั่งสายฟ้าแลบอย่างนั้น

ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ บรรดานักศึกษาที่กลิ้งไปรวมตัวกันเป็นก้อนจึงได้สติกลับมา ในเวลานี้ พวกเขาจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองว่า นี่เป็นเรือที่ดีจริงๆ ลำหนึ่ง ชั่วชีวิตของพวกเขาเพิ่งจะได้นั่งเรือที่มีความเร็วถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก

เมืองล้างบาปมีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตนับสิบล้านลี้ นักศึกษาทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่เคยออกจากอาณาเขตของเมืองล้างบาปเลย รายละเอียดเกี่ยวกับผืนแผ่นดินของเมืองล้างบาปว่ากว้างขวางเพียงใดกันแน่

ขณะที่เรือลำนี้ได้วิ่งผ่านฟ้าดินผืนนี้อย่างรวดเร็ว นักศึกษาทั้งหมดจึงพบว่า พื้นที่ของเมืองล้างบาปมีความกว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก เพียงแต่ นอกเหนือจากผืนแผ่นดินบริเวณที่เป็นอาณาเขตเล็กๆ แล้ว พื้นที่อื่นๆ จำนวนมากล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่รกร้างปราศจากผู้คน มีแต่ความรกร้างว่างเปล่าไปทั่ว และสถานที่ตรงนี้ก็ปราศจากรัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคเช่นกัน

เรือที่ขับและควบคุมโดยตู้เหวินรุ่ยนั้นบินไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็บินออกจากพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของเมืองล้างบาปแล้ว

ขณะที่จากผืนแผ่นดินของเมืองล้างบาปเข้าสู่สถานที่อื่นๆ ของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์นั้น สภาพที่อยู่ตรงหน้าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนมากเหลือเกิน เนื่องจากท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหน้ารัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ขณะที่แสงตะวันสาดส่องลงมานั้น ความสว่างที่ศักดิ์สิทธิ์ได้โปรยปรายลงไปยังทุกซอกทุกมุมของผืนแผ่นดิน สาดส่องจนเมฆขาวแต่ละก้อนแลดูขาวสะอาดปราศจากมลทิน

ต่อให้เป็นยามค่ำคืน บนท้องฟ้าก็จะปรากฏประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยเคลื่อนไป เสมือนดั่งเป็นแสงจากขั้วโลกดูงดงามยิ่งนัก เป็นที่ประทับใจอย่างยิ่ง

หลังจากที่เข้าสู่เขตแดนของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์แล้ว ถ้าหากหันกลับไปมองดูแผ่นดินที่เป็นของเมืองล้างบาป เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ก็จะรู้สึกได้ว่าเมืองล้างบาปก็คือแผ่นดินที่แสงสว่างสาดส่องไปถึง

เนื่องจากสถานที่อื่นๆ ล้วนแล้วแต่ประกายศักดิ์สิทธิ์โปรยปราย ให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง เสมือนหนึ่งมีแสงจันทราที่นุ่มนวลโปรยปรายลงมายามค่ำคืนอย่างนั้น ขณะที่แผ่นดินของเมืองล้างบาปจะมองไม่เห็นประกายศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย ถ้าหากหันหลังกลับไปในยามค่ำคืน ก็จะพบว่าผืนแผ่นดินผืนใหญ่ของเมืองล้างบาปให้ความรู้สึกผู้คนถึงมืดตึดตื๋อ

เหมือนว่า ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ผืนนี้คือผืนแผ่นดินที่ถูกทอดทิ้ง แม้แต่รัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคก็สาดส่องไม่ถึง เหมือนว่ามันถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องตกต่ำ จะต้องเสื่อมโทรม

“ประกายศักดิ์สิทธิ์” หลังจากที่เข้าสู่เขตแดนไปแล้ว ประกายศักดิ์สิทธิ์ได้โปรยปรายลงมาตามแสงตะวัน ทุกคนล้วนแล้วแต่อาบเอิบอยู่ภายใต้ประกายศักดิ์สิทธิ์

ขณะที่นักศึกษาทุกคนของสถาบันศึกษาล้างบาปล้วนแล้วแต่เคยฝึกปรือเคล็ดวิชาจรัสมาแล้ว ดังนั้น เมื่อประกายศักดิ์สิทธิ์โปรยปรายลงมานั้น พวกเขาต่างรับรู้ได้ว่าผืนแผ่นดินนี้เปี่ยมด้วยพลัง และกลิ่นอายที่ใกล้ชิดและเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้พวกเขาเสมือนดั่งปลาได้น้ำอย่างนั้น ในเวลานี้นักศึกษาที่มีพรสวรรค์สูงปรากฎแสงสว่างที่ลอยขึ้นเบื้องบน ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น และสัจธรรมที่อยู่ภายในใจของพวกเขาถึงกับร้องประสานเสียงขึ้นมา

นาทีนี้ นักศึกษาทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงพลังจรัสที่ยิ่งใหญ่ไพศาลและไม่มีขอบเขตสิ้นสุด เสมือนดั่งทะเลที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุดอย่างนั้น ขณะที่พวกเขาก็คล้ายดั่งเป็นมัจฉาตัวหนึ่งท่ามกลางทะเล สามารถแหวกว่ายอยู่ที่นี่ได้อย่างเต็มที่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล