ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2861

สรุปบท ตอนที่ 2861 กระบือดำขนาดใหญ่ที่ปลิ้นปล้อน: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 2861 กระบือดำขนาดใหญ่ที่ปลิ้นปล้อน จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2861 กระบือดำขนาดใหญ่ที่ปลิ้นปล้อน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2861 กระบือดำขนาดใหญ่ที่ปลิ้นปล้อน

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อทุกคนล้วนแล้วแต่ได้สติกลับมาแล้วนั้น กระบือดำขนาดใหญ่ได้เข้าไปใกล้และเอาตัวถูไถหลี่ชิเย่ ท่าทางเหมือนต้องการเอาอกเอาใจอย่างนั้น และกล่าวว่า “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แหะท่านรู้สึกว่ากระบือสุดหล่ออย่างข้ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลี่ชิเย่เหลือบมองเขาทีหนึ่ง หัวเราะ และกล่าวเรียบเฉยว่า “ไม่เลวนัก นับว่าไม่เลวจริงๆ”

“เยี่ยมมาก ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ย่อมเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ตาถึง แค่มองแวบเดียวก็ดูออกว่าข้าน่ะมีสายเลือดเซียน” กระบือดำขนาดใหญ่ยืนขึ้น และยกเท้าของตนขึ้นทำท่าเหมือนยกนิ้วหัวแม่มือต่อหลี่ชิเย่อย่างนั้น

สามารถจินตนาการได้ว่า การที่กระบือดำขนาดใหญ่ที่แข็งแรงบึกบึนสักตัว ลุกขึ้นยืนโดยมีเท้าหน้าอยู่ที่อก ถึงกับยกเท้าขึ้นทำท่าเหมือนยกนิ้วหัวแม่มืออย่างนั้น มันช่างเป็นท่าทางที่ตลกเช่นใด แปลกประหลาดเพียงใด

สภาพเช่นนี้เกือบจะทำให้นักศึกษาของสถาบันศึกษาล้างบาปหัวเราะก๊ากขึ้นมา

“ข้าหมายถึงร่างกายแข็งแรงปราดเปรียว มีกล้าม” หลี่ชิเย่ได้กล่าวคำพูดเอ้อระเหยคำหนึ่ง “จับเชือดเสีย แล้วนำมาปรุงเป็นซุปเนื้อวัวที่มีไอร้อนๆ ลอยขึ้นมาสักชามหนึ่ง รสชาติน่าจะไม่เลวนัก”

“นี่ นี่ไร้ความปราณีเกินไปแล้ว ชั่วดีอย่างไรข้าก็คือสายเลือดเซียนนะ” กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับกระโดดขึ้นมา ท่าทางโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ว่า จากนั้นเขาก็ยักไหล่ทีหนึ่ง ท่าทางเหมือนยอมรับความพ่ายแพ้

บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปต่างหัวเราะก๊ากขึ้นมา เมื่อมองเห็นท่าทางที่ตลกของกระบือดำขนาดใหญ่ แต่ก็ระงับอารมณ์เอาไว้ในทันที ไม่กล้าทำกำเริบเสิบสานมากเกินไป

หลังจากที่กระบือดำขนาดใหญ่ถูกหลี่ชิเย่กล่าวโจมตีแล้ว เขาถึงกับกรอกตาทีหนึ่งและก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ดวงตาที่มีขนาดใหญ่ดั่งกระดิ่งทองแดงทำกะพริบตาทีหนึ่ง กล่าวแหะแหะกับตู้เหวินรุ่ยว่า “เจ้าหนูเอ๊ย มีเรื่องๆ หนึ่งข้าลืมบอกเจ้าไป”

“ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องใด?” ตู้เหวินรุ่ยระมัดระวังตัวและหลีกเลี่ยงในกระบือดำขนาดใหญ่มากทีเดียว จะอย่างไรเสียขณะที่เขายังอยู่ในวัยหนุ่ม ไม่เพียงแต่ตัวเขาเท่านั้น เคยมีอัจฉริยะบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งจำนวนมากล้วนแล้วแต่เคยเสียท่าภายใต้เท้าของเขา

กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าหนูจินผู่นั้นนับว่ามีฝีมืออยู่บ้างนะเนี่ย ดูท่าได้รับการชี้แนะจากผู้สูงส่ง เหมือนมีสายโซ่อะไรถูกเขาเปิดออกมา ว้าวส่วนที่ว่าเขาต้องการทำอะไรนั้นเรื่องนี้ข้าไม่ค่อยจะชัดเจนนัก”

“เรื่องจริงหรือเท็จ?” ตู้เหวินรุ่ยถึงกับตกใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จะอย่างไรเสียพวกเขาเคยถูกเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่หลอกมาไม่น้อยทีเดียว

“คำพูดของข้าจริงยิ่งกว่าจริงอีก แน่นอน เจ้าไม่เชื่อก็แล้วกันไปเถอะ” กระบือดำขนาดใหญ่ทำท่ายักไหล่ เหมือนอย่างไรก็ได้อย่างนั้น

ท่าทีของตู้เหวินรุ่ยพลันดูหนักแน่นจริงจังขึ้น เขาได้แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ทันที และกล่าวว่า “คุณชายหลี่ พวกนักศึกษาต้องรบกวนท่านช่วยดูแลให้ที ข้าไปแล้วก็จะกลับมา”

“วางใจได้ ไปเถอะ มีข้ากระบือสุดหล่ออยู่ใครกล้าแตะต้องพวกเขา วางใจเถอะ ใครกล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่เส้นผม กระบือสุดหล่อจะเหยียบเขาให้เละเป็นเนื้อบด” เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ยกเท้าของมันขึ้น และเตะเป็นเสียงดังปังปังขึ้นมา

“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่พยักหน้า และยิ้มนิดหนึ่ง

กระบือดำขนาดใหญ่ไว้ใจไม่ได้ ตู้เหวินรุ่ยไหนเลยจะเชื่อเขาได้ แต่ว่า มีคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่ ตู้เหวินรุ่ยก็วางใจได้แล้ว

ตู้เหวินรุ่ยโค้งคำนับและหันหลังจากไปทันที เพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายไปในเส้นขอบฟ้า มีความเร็วที่รวดเร็วมาก ดูจากท่าทางแล้วเขาร้อนรนมาก

“แหะเจ้าหนูคนนี้ฝีมือนับว่าสูงส่ง ปราดเปรื่องน่าทึ่ง ครั้งนั้นดูโดดเด่นยิ่งนัก” กระบือดำขนาดใหญ่มองดูเงาหลังที่ไปไกลแล้วของตู้เหวินรุ่ย หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “เสียดาย เขากลับเลือกที่จะอยุ่ในเมืองล้างบาปที่ห่างไกลความเจริญ เสียดายความสามารถที่ยอดเยี่ยมของตน เสียดาย น่าทอดถอนใจ”

“ลางเนื้อชอบลางยา” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นแล้วเจ้ารั้งอยู่ที่สวนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทำอะไร? สถานมี่แห่งนี้เจ้าคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปมิใช่เรอะ”

“แหะเจ้าคิดว่ากระบือสุดหล่ออย่างข้ายินดีรั้งอยู่ที่นี่รึ ถ้ามิใช่เป็นเพราะปราชญ์ไกลกันดารเจ้าสารเลวนั่น” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม

“ปฐมบรรพบุรุษพวกเราทำไมรึ?” นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปเอ่ยถามขึ้น

เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ส่งเสียงฮึเย็นชาและกล่าวว่า “เจ้าปราชญ์ไกลกันดารเจ้าสารเลวได้ขโมยของของบ้านข้าไป ข้ากำลังคิดจะเอามันกลับไป!” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ท่าทางเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างนั้น

โกหก…นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปกย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว และกล่าวว่า “ปฐมบรรพบุรุษของพวกเราคือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า มีจิตใจที่เปิดเผยบริสุทธิ์ รัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค เขาจะไปขโมยของของบ้านท่านได้อย่างไร นี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีต่อปฐมบรรพบุรุษของพวกเรา!” ครั้นนักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วต่างรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จ้องมองตรงไปยังกระบือดำขนาดใหญ่

“แหะมีเพียงเด็กน้อยที่โง่เขลาเช่นพวกเจ้าจึงไปจินตนาการปราชญ์ไกลกันดารเสียดีขนาดนี้ นักปราชญ์ นักปราชญ์ล้วนแล้วแต่เสแสร้างแกล้งทำเท่านั้นเอง” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ถ้าหากเขาเป็นปราชญ์จริงๆ คงไม่ทอดทิ้งเมืองล้างบาปของพวกเจ้า จะไม่ปล่อยให้อาณาประชาราษฎร์ของเมืองล้างบาปต้องรับกรรมที่นี่ทุกชาติไป พวกเจ้าสมควรทราบว่า เมืองล้างบาป แหะนั่นเป็นเพียงสถานที่ที่ล้างบาปของปราชญ์ไกลกันดารเท่านั้นเอง นำเอาความชั่วร้ายของตนไปทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนรุ่นแล้วรุ่นเล่า” เมื่อกระบือดำขนาดใหญ่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้ลากเสียงของตนเองขึ้นไปสูงมากๆ

คำพูดของกระบือดำขนาดใหญ่พลันทำให้พวกนักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปพูดอะไรไม่ออ ก กล่าวสำหรับนักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปแล้ว พวกเขาให้ความนับถือเลื่อมใสศรัทธาในปราชญ์ไกลกันดารแต่เด็ก สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาพูดอะไรไม่ออกก็คือ การทอดทิ้งเมืองล้างบาปของพวกเขา

บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปไม่สามารถตอบโต้ได้ เมื่อถูกกระบือดำขนาดใหญ่ทิ่มโดนจุดตายเข้าให้

“แค่เดินเล่นไปตามอารมณ์ จะอย่างไรเสียที่ตรงนี้นับว่าเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย

“เรื่องนี้สามารถมีได้” กระบือดำขนาดใหญ่เห็นด้วย และกล่าว่า “แหะข้ารู้ว่ามีสถานที่แห่งหนึ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า ในที่ที่ห่างไกลของสวนดึกดำบรรพ์ ณ ที่ตรงนั้นคนอื่นไม่สามารถพบเจอได้ ข้าจะบอกท่าน ที่นั่นมีสมบัติวิเศษมากมาย แค่เอื้อมมือก็หยิบฉวยได้”

“มีสถานที่แบบนั้นจริงๆ รึ?” พวกของจ้าวชิวสือไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักเมื่อได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว “สามารถหยิบฉวยได้จริงๆ รึ?”

“แหะกระบือสุดหล่ออย่างข้าเป็นใคร เป็นเซียนแท้จริงที่ลงมาบนโลกมนุษย์ จำเป็นต้องไปโกหกพวกเจ้าที่เป็นเพียงเด็กไร้เดียงสารึ?” กระบือดำขนาดใหญ่เหลือบมองพวกจ้าวชิวสือทีหนึ่ง ท่าทางเปี่ยมด้วยความทะนงตน

บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปต่างหัวใจเต้นตูมตามเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ จะอย่างไรเสียพวกเขาก็หาใช่เป็นปราชญ์ หรือผู้สูงส่งอะไร เมื่อพวกเขาได้ยินว่าทีสมบัติวิเศษย่อมอยากจะเห็น เวลานี้พวกเขาต่างมองไปที่หลี่ชิเย่

“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องการไปเดินเล่นหรือไม่” กระบือดำขนาดใหญ่ก็ยุยงหลี่ชิเย่ในทันที

หลี่ชิเย่มองดูกระบือดำขนาดใหญ่ทีหนึ่ง และกล่าวเรียบเฉยว่า “เอาเถอะ ไปเดินดูสักหน่อยก็ดี”

“ไชโย” บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปต่างร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อได้วยินว่าจะไปยังสถานที่ที่สามารถหยิบฉวยสมบัติวิเศษได้

กระบือดำขนาดใหญ่เสนอตัวเป็นผู้นำทางเอง

ภายใต้การนำทางของกระบือดำขนาดใหญ่ พวกเขายิ่งเดินยิ่งไกล และกระบือดำขนาดใหญ่ดูจะคุ้นเคยกับสวนดึกดำบรรพ์จริงๆ รู้ทะลุปรุโปร่ง ระหว่างทางได้เล่าเรื่องสนุกๆ ไม่น้อยให้กับนักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาป เป็นต้นว่าภูเขาลูกนั้นเป็นเขาเดี่ยวของสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่ง บึงน้ำแห่งหนึ่งเป็นดวงตาของจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่ง

แต่ละเรื่องที่บอกเล่ามาเหมือนรู้ละเอียดดีเหลือเกิน และทำให้นักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปได้รับความรู้เพิ่มขึ้นไม่น้อยทีเดียว

เมื่อพวกของจ้าวชิวสือได้ฟังคำบอกเล่าเกี่ยวกับสวนดึกดำบรรพ์ที่ดูจะรู้ละเอียดดีมากทีเดียว ส่งผลให้พวกเขารู้สึกสงสัยอยู่ในใจ หรือว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นภูเขาเซียนในบ้านของกระบือดำขนาดใหญ่จริงๆ ? มิฉะนั้นล่ะก็เหตุใดเขาจึงมีความเข้าใจถึงเพียงนี้

ตูม ตูม ตูม…ทันใดนั้น ข้างหน้าปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอก ขณะที่กระบือดำขนาดใหญ่พาพวกเขาก้าวข้ามภูเขาลูกแล้วลูกเล่า

……………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล