ตอนที่ 2928 พระพุทธรูปไม้
คำพูดของไป่จินหนิงก็มีเหตุผล ถ้าหากถามผู้คนในยุคปัจจุบันว่า ใครคือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรที่สุดในยุคปัจจุบัน เกรงว่าผู้คนจำนวนมากก็ต้องตอบว่า ‘พระอาจารย์จินกวง’
พระอาจารย์จินกวงถูกผู้คนจำนวนมากยกย่องว่าเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกร ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผล จะอย่างไรเสียพระอาจารย์จินกวงคือผู้ที่บรรลุเป็นปฐมบรรพบุรุษคนแรกของยุคปัจจุบัน กำลังความสามารถลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ไร้ซึ่งผู้ต่อกรกับเขา
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นโดยไม่ได้กล่าวมากความ สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของไป่จินหนิง
“เจ้าหัวเราะอะไร” ไป่จินหนิงรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีของหลี่ชิเย่ อดที่จะบ่นซุบซิบขึ้นมา และมองตาขวางใส่หลี่ชิเย่ทีหนึ่ง
“กบในกะลาเท่านั้นเอง กล่าวสำหรับกบในกะลาแล้ว ท้องฟ้าก็มีขนาดเท่าๆ กับปากกะลา” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา
ไป่จินหนิงพลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ มองหลี่ชิเย่ตาขวาง และกล่าวว่า “เช่นนั้นท้องฟ้าของเจ้าใหญ่แค่ไหน”
“ไม่มีสิ้นสุด” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวเอ้อระเหยว่า “เจ้าสามารถไปจินตนาการได้ รับรองว่ามันอยู่เหนือความคาดคิดของเจ้าแน่นอน ดังนั้น เจ้าไม่สามารถจินตนาการได้”
เจ้า…ไป่จินหนิงจ้องหลี่ชิเย่ตาถมึง กล่าวด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร เจ้าว่าข้าโง่รึ? ”
“ข้าไม่ได้พูดเช่นนี้” หลี่ชิเย่ทำท่ายักไหล่เผยรอยยิ้มออกมา และกล่าวเอ้อระเหยว่า “แต่ว่า ในเมื่อเจ้าเองก็ยอมรับแล้วว่าตัวเองโง่แล้ว ข้าเชื่อว่าคงต่างกันไม่เท่าไร”
เจ้า…ไป่จินหนิงพลันถูกยั่วโมโหจนกระอักเลือดทันที จ้องมองหลี่ชิเย่เหมือนจะกินเลือดกินเหนือ ขณะที่หลี่ชิเย่เหมือนมองไม่เห็น ยังคงก้าวเดินไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
ไป่จินหนิงโมโหจนกัดฟันกรอด แต่ว่าก็จนด้วยเกล้า ภายใต้กลางวันเสกๆ นางย่อมไม่สามารถลงมือไปสั่งสอนหลี่ชิเย่อย่างสาสมสักครั้งกระมัง
“นายด่านของพวกเจ้าเหมือนจะชื่อไท่อิ๋นสี่กระมัง” ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปพลันถามขึ้นมาคำหนึ่งกะทันหัน
“ใช่ ทำไมรึ? ” ไป่จินหนิงพูดแบบไม่สบอารมณ์
“ไม่ทำไม” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “เจ้าช่วยไปรายงานให้ข้าที แจ้งว่าข้าต้องการพบเขาสักหน่อย”
ท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ไป่จินหนิงต้องอึ้ง ท่าทางของหลี่ชิเย่เหมือนว่านางคือคนรับใช้ของหลี่ชิเย่อย่างนั้น หลี่ชิเย่ใช้ให้นางไปทำอะไรนางก็ต้องไปทำอย่างนั้น
“อาศัยอะไรให้ข้าต้องเชื่อฟังเจ้า ข้าไม่ใช่คนของเจ้า ทำไมจะต้องไปรายงานให้กับเจ้า” ไป่จินหนิงพูดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
“อ๋อเช่นนั้นแล้วเจ้าไม่รายงานก็ไม่เป็นไรอย่างไรก็ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะท่าทางไม่แคร์โดยสิ้นเชิง และกล่าวว่า “ข้าไปพบเขาก็แล้วกัน”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นปฐมบรรพบุรุษอย่างนั้นรึ? ” ไป่จินหนิงมองค้อนหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ และกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าใครก็สามารถพบกับนายด่านของพวกเราอย่างนั้นรึ เจ้าคิดว่าเจ้าอยากพบก็ต้องได้พบรึ นายด่านพวกเราระยะนี้กำลังกักตนเพื่อบรรลุ น้อยคนนักที่สามารถพบกับเขาได้”
“ไม่เป็นไร” หลี่ชิเย่มีท่าทีที่ไม่แคร์อย่างสิ้นเชิง และกล่าวว่า “ข้าไปพบเขาก็แล้วกัน”
“เจ้าบ้าไปแล้ว” ไป่จินหนิงจ้องตาเขม็งหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ด่านเทียนสงกวานในเวลานี้ไม่เหมือนเช่นปรกติ ถ้าหากเจ้ากล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จะต้องถูกกองทัพเทียนเชี่ยนพวกเราล้อมปราบแน่ ถึงตอนนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้า เกรงว่าเจ้าคงได้เจอดีแน่”
“ข้ากลับต้องการทดสอบสักหน่อย” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยว่า “ได้ยินมานานว่ากองทัพเทียนเชี่ยนคือกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิเซียน ข้าอยากรู้นักว่าแข็งแกร่งแค่ไหน”
เจ้า…ไป่จินหนิงถูกยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา ถึงกับพูดอะไรไม่ออกในระยะเวลาอันสั้น
ไม่ง่ายนักกว่าไป่จินหนิงจะสะกดความโกรธในใจให้สงบลง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ จ้องมองหลี่ชิเย่แล้วกล่าวว่า “เหตุใดเจ้าต้องพบนายด่านของพวกเรา”
“ไม่มีอะไร จะพูดกับเขาไม่กี่คำเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวไปตามอารมณ์
ไป่จินหนิงถึงกับต้องพินิจพิเคราะห์หลี่ชิเย่ดู นางไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่บ้าไปแล้วหรืออย่างไร หรือว่าหลงตัวเองโดยแท้ นายด่านไท่อิ๋นสี่ของพวกเขาใช่ว่าใครก็เข้าพบได้ ยิ่งไปกว่านั้นใครบ้างที่กล้าท้าทายกองทัพเทียนเชี่ยนพวกเขาโดยง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของหลี่ชิเย่เหมือนไม่แคร์อย่างสิ้นเชิง เพียงเพราะต้องการพูดคุยสองสามคำกับนายด่านพวกเขา ก็กล่าววาจาสามหาวท้าทายกองทัพเทียนเชี่ยนพวกเรา คำพูดเช่นนี้อวดดีเกินไปแล้ว
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ? ” ไป่จินหนิงจ้องเขม็งเขาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ กละกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าด่านเทียนสงกวานเป็นสถานที่อะไร เจ้าคิดจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้นรึ? ” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งโดยไม่ได้ตอบโต้
“อีกไม่กี่วัน นายด่านของพวกเราจะปรากฏตัว” ไป่จินหนิงเองก็ไม่รู้ว่าเส้นประสาทเส้นไหนของตนเชื่อมต่อผิดพลาด ถึงกับไปช่วยออกความเห็นให้กับหลี่ชิเย่ว่า “นายด่านพวกเราจะมีงานเลี้ยงรับรองทั่วหล้า ถึงเวลานั้นจะมีแขกมาร่วมงานมากมาย ข้าจะช่วยดูว่าสามารถให้เจ้าได้ที่นั่งสักที่หรือไม่ ให้เจ้าได้เข้าไปพบกับนายด่านของพวกเรา”
แต่ว่า พลันที่พูดจบคำ ไป่จินหนิงรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา รู้สึกว่าตนเองได้กระทำเรื่องที่โง่เขลามากที่สุดขึ้นมา ถึงกับให้คนแปลกหน้าอย่างหลี่ชิเย่เข้าไปโดยพลการ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาล่ะก็ เกรงว่าต่อให้นางมีสิบหัวก็ไม่พอ!
เพียงแต่ว่า เวลานี้นางได้พูดออกไปแล้ว คิดจะเรียกคืนก็สายเกินไปแล้ว
ในขณะนี้ไป่จินหนิงเองก็รู้สึกสงสัย ตนเองถูกเวทมนต์เข้าให้แล้ว หรือว่าสมองลัดวงจรเพี้ยนไปแล้ว
“ตกลงตามนี้” หลี่ชิเย่พยักหน้า ถือว่าเป็นการตอบรับแล้ว
ไป่จินหนิงพลันถูกท่าทางของหลี่ชิเย่ยั่วโมโหอัดอั้นเต็มอก นี่มันอะไรกัน ท่าทางเหมือนยอมรับอย่างเสียไม่ได้ เหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมมากอย่างนั้น สมควรทราบว่า การที่นางเพิ่มชื่อของหลี่ชิเย่เข้าไปในรายชื่อ เท่ากับได้เอาศีรษะของตนวางเดิมพันเข้าไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...