ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2929

สรุปบท ตอนที่ 2929 ข้าให้หนึ่งร้อยล้าน: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปตอน ตอนที่ 2929 ข้าให้หนึ่งร้อยล้าน – จากเรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2929 ข้าให้หนึ่งร้อยล้าน ของนิยายActionเรื่องดัง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2929 ข้าให้หนึ่งร้อยล้าน

หลี่ชิเย่มองดูไป่จินหนิงทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “ทำไมถึงไม่ให้แย่งกับพวกเขา? หรือว่าพวกเขากินคนได้อย่างนั้นรึ? ” หลี่ชิเย่พูดเสียดัง ไป่จินหนิงรีบใช้ตาส่งสัญญาณ จากนั้นพูดเสียงแผ่วเบาว่า “พวกเขาคือกุมารที่อยู่ใต้หมิงหวังฝอ เกรงว่าเจ้าจะสู้พวกเขาไม่ได้”

กุมารใต้หมิงหวังฝอแล้วอย่างไร” หลี่ชิเย่ไม่คิดเช่นนั้น และกล่าวว่า “ต่อให้หมิงหวังฝอมาเอง ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจ”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำเอาไป่จินหนิงตกใจเป็นอันมาก พยายามส่งสายตาให้กับหลี่ชิเย่อย่างเต็มที่ ด้วยเกรงว่าจะนำมาซึ่งภัยถึงแก่ชีวิต

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้สามเณรสองรูปมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที

สามเณรสองรูปนี้คือสองกุมารที่อยู่ใต้หมิงหวังฝอ ได้รับการยกย่องจากผู้คนว่ากุมารหมิงหวังซ้าย และกุมารหมิงหวังขวา

คนที่มีแขนยาวกว่าก็คือกุมารหมิงหวังซ้าย ส่วนคนที่มีฝ่ามือใหญ่กว่าก็คือกุมารหมิงหวังขวา พวกเขาคอยรับใช้ปรนนิบัติอยู่ข้างกายซ้ายขวาของหมิงหวังฝอตลอดมา

ในแดนลัทธิเซียนยุคปัจจุบัน หมิงหวังฝอช่างมีลักษณะอันน่าเกรงขามเป็นที่ยำเกรงของผู้คนเช่นใด ทักษะของเขาลึกล้ำยากจะหยั่งถึง และมีผู้กล่าวว่าเขาดำรงอยู่ในฐานะอยู่บนจุดสูงสุด สรุปก็คือ กำลังความสามารถของเขาได้ทำให้ยอดฝีมือทั่วหล้าต้องหวั่นเกรง

หมิงหวังฝอไม่เพียงสมัครเข้าไปอยู่ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ เป็นศิษย์ที่แกร่งที่สุดของสถาบันศึกษาเซิ่นถัวประจิม เป็นอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นเจ้าอาวาสของวัดลังกาอีกด้วย

สมควรทราบว่า วัดลังกาคือวัดใหญ่อันดับหนึ่งของแดนลัทธิเซียน หมิงหวังฝอในฐานะเจ้าอาวาสวัดลังกา สถานะของเขาจึงเหนือกว่านักศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสถาบันศึกษาเซิ่นถัวประจิมไม่รู้เท่าไร

หมิงหวังฝอมีบารมีสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วหล้า มีฐานะที่สูงส่งอย่างยิ่ง ผู้คนและระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่ให้ความเคารพเขาสามส่วน

ขณะที่กุมารหมิงหวังซ้าย และกุมารหมิงหวังขวาในฐานะที่เป็นสามเณรที่อยู่ภายใต้หมิงหวังฝอ และคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ซ้ายขวาของหมิงหวังฝอ ก็ได้รับการเคารพยกย่องเป็นอันมากเช่นกัน ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใดก็ต้องได้รับการยกย่องจากผู้คน เรียกได้ว่ามีฐานะเป็นที่เครพของผู้คน

เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับกล่าวถ้อยคำไม่รู้จักยางอาย กล่าววาจาสามหาว ไม่เพียงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา แม้แต่หมิงหวังฝอของพวกเขาก็ไม่อยู่ในสายตา การใช้ถ้อยคำที่ไร้ยางอายมาทำให้หมิงหวังฝอต้องได้รับความอับอายเช่นนี้ จะไม่ให้สีหน้าของพวกเขาทั้งสองเปลี่ยนไปได้อย่างไรเล่า

“อมิตาพุทธ” กุมารหมิงหวังขวาประนมมือ กุมารหมิงหวังซ้ายก็ประนมมือและเอ่ยขึ้น “สาธุ สาธุ”

ในขณะนี้ กุมารหมิงหวังขวาและกุมารหมิงหวังซ้ายไม่ได้แสดงความโกรธขึ้นมาทันที กุมารหมิงหวังซ้ายประนมมือ และกล่าวว่า “ประสก พระพุทธรูปไม้องค์นี้คือรูปแกะสลักปฐมบรรพบุรุษของพวกเรา มีวาสนาต่อกันกับพวกเรา พวกเราจึงต้องการบิณฑบาตกลับไปที่วัดลังกา หวังว่าประสกจะส่งเสริม”

ในเวลานี้ไป่จินหนิงก็รีบส่งสายตาเป็นสัญญาณหลายครั้ง บอกใบ้ให้หลี่ชิเย่สละพระพุทธรูปไม้องค์นี้เสีย จะอย่างไรเสียพวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องเป็นศัตรูกับหมิงหวังฝอ ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเป็นศัตรูกับวัดลังกา

สมควรทราบว่า วัดลังกามีสาวกนับไม่ถ้วนในแดนลัทธิเซียน หมิงหวังฝอในฐานะเจ้าอาวาสของวัดลังกา แค่เขาเอ่ยออกมาคำหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ยินดีทำเพื่อวัดลังกาเล่า

“เกี่ยวอะไรกับข้า” หลี่ชิเย่ไม่เห็นสัญญาณตาของไป่จินหนิงอย่างสิ้นเชิง และกล่าวว่า “แค่การซื้อขายเท่านั้นเอง เอาวาสนาพุทธะอะไรมาอ้าง คำพูดที่หลอกลวงเหล่าศาสนิกชนไปพูดกับคนอื่นไป”

สีหน้าของกุมารหมิงหวังขวาและกุมารหมิงหวังซ้ายเปลี่ยนไปทันทีเมื่อถูกหลี่ชิเย่เชิดใส่เช่นนี้ นับแต่พวกเขาเข้าสู่ยุทธภพเป็นต้นมา ใครบ้างที่ไม่ให้เกียรติพวกเขาสามส่วน ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ล้วนต้องให้เกียรติแก่พวกเขา

“พนักงานขาย พระพุทธรูปนี้ราคาเท่าไร? ” เวลานี้กุมารหมิงหวังซ้ายได้พูดกับพนักงานร้าน

พนักงานร้านรีบตอบว่า “สามแสนศิลาแกร่งอมตะ แน่นอน แหะ แหะ แหะผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นผู้ได้ไป” พนักงานร้านผู้นี้ก็เป็นคนค้าขายเป็น พลันที่มองเห็นกุมารหมิงหวังขวาและกุมารหมิงหวังซ้ายและหลี่ชิเย่ต่างก็ต้องการครอบครองพระพุทธรูปไม้องค์นี้ให้ได้ เขาย่อมปล่อยให้พวกเขาทั้งสองแข่งขันด้วยราคา

“อาตมาให้สี่แสน”กุมารหมิงหวังขวาเอ่ยขึ้นทันที

“อันนี้ได้ ได้เลย” พนักงานร้านพลันรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที หัวเราะแห้งๆ เมื่อเห็นกุมารหมิงหวังขวาให้ราคาใจปล้ำขนาดนี้ มองดูพระพุทธรูปไม้ที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “นายท่าน ท่านดูซิ ดูซิใต้ซือท่านนี้ให้ราคาสี่แสน ไม่ทราบ ไม่ทราบว่านายท่านต้องการหรือไม่? ”

หนึ่งล้าน…หลี่ชิเย่ถือพระพุทธรูปในมือ ลูบคลำทีหนึ่ง กล่าวท่าทีเอ้อระเหยขึ้นมา

หลี่ชิเย่พลันปริปากก็คือหนึ่งล้าน ส่งผลให้กุมารหมิงหวังขวาและกุมารหมิงหวังซ้ายมีอารมณ์โกรธไม่น้อยทีเดียว สีหน้าของพวกเขาทั้งสองเปลี่ยนไป

หนึ่งล้านหนึ่งแสน…กุมารหมิงหวังขวากล่าวขึ้นทันที

แน่นอน พวกเขาย่อมไม่เหมือนเช่นหลี่ชิเย่ที่เปิดปากก็ขึ้นไปกว่าหนึ่งเท่าตัว แม้ว่าพวกเขาจะมีฐานะที่สูงส่ง และมือเติบไม่ย่อย แต่ว่า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว หนึ่งล้านศิลาแกร่งอมตะก็หาใช่เป็นจำนวนน้อยเลย

ห้าล้าน…หลี่ชิเย่ดูสงบเยือกเย็นมาก พูดตามอารมณ์ออกมาคำหนึ่ง

ห้าล้าน…ไป่จินหนิงตกใจเป็นอันมาก เหมือนแมวที่ถูกเหยียบหางอย่างนั้น

“ห้าล้าน! ” แม้แต่พนักงานขายในร้านก็ตกใจเป็นอันมาก เขาเคยพบเห็นลูกค้ามามากมาย แต่ว่า ไม่เคยพบเห็นลูกค้าที่มีการขึ้นราคาบ้าบิ่นขนาดนี้ ท่าทีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เท่ากับเป็นการประกาศให้ทุกคนทราบว่าเรื่อง ‘เงิน’ ไม่ใช่ปัญหา” !

ห้าสิบล้าน…อย่าว่าแต่ไป่จินหนิงเลย แม้แต่พนักงานประจำร้านก็ถูกทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อหลี่ชิเย่พูดขาดคำ น้ำเสียงถูกลากสูงขึ้นไปมากทีเดียว

แม้แต่เถ้าแก่ร้านก็เดินเข้ามาเมื่อพนักงานร้านถูกทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

เจ้า เจ้า เจ้า…ไป่จินหนิงยืนเซ่ออยู่ตรงนั้นโดยสิ้นเชิง ขาทั้งสองข้างถึงกับสั่นเทาทีหนึ่ง นางตกใจจนมึนไปหมด กระตุกแขนเสื้อของหลี่ชิเย่ พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “นี่ นี่ นี่ไม่ใช่เล่นเกมตัวเลขนะ! ”

“หนึ่งร้อยล้าน” จังหวะที่ไป่จินหนิงพูดยังไม่ทันจบ หลี่ชิเย่ก็ได้เสนอราคาขึ้นมาอย่างเอ้อระเหย

ข้า ข้า ข้า…เวลานี้ไป่จินหนิงพูดอะไรไม่รู้เรื่องเสียแล้ว ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

แม้แต่พนักงานร้านที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจจนยืนได้ไม่มั่นคง เถ้าแก่ร้านจึงรีบเข้ามารับช่วงสถานการณ์นี้ต่อไป

แม้แต่เถ้าแก่ร้านที่มีประสบการณ์มากยังรู้สึกงุนงง สินค้าที่มีราคาเพียงแค่สามแสน สุดท้าย หลี่ชิเย่เสนอราคาไปอยู่ที่สิบล้าน กุมารหมิงหวังขวาและกุมารหมิงหวังซ้ายทั้งสองยังไม่ทันได้เสนอราคา หลี่ชิเย่ก็จัดการเสนอราคาให้สูงขึ้นไปถึงห้าสิบล้าน ท้ายสุดสูงไปถึงหนึ่งร้อยล้าน

ไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนแล้วแต่ได้เห็นเป็นครั้งแรก กับการเสนอราคาแข่งกับตนเองเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลเหลือเกิน

ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่เสนอราคาแข่งกับตนเองได้ คำตอบคือไม่มี

มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่สามารถเสนอราคาแข่งกับตนเองได้ แต่ว่า วันนี้พวกเขากลับได้พบเจอคนโง่เช่นนี้เข้าให้แล้ว

สินค้าที่มีราคาสามแสนพุ่งสูงขึ้นไปถึงหนึ่งร้อยล้าน ไม่ว่าใครก็ตาม ย่อมจะต้องมีอาการขาสั่นทั้งสองข้างกับราคาที่ไร้เหตุผลเช่นนี้

สำหรับกุมารหมิงหวังซ้าย และกุมารหมิงหวังขวาทั้งสองคนนั้น พวกเขามีสีหน้าที่ดูไม่จืดถึงขีดสุด ราคาหนึ่งร้อยล้านนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาควักเงินจำนวนนี้ออกมาได้หรือไม่ ต่อให้พวกเขาสามารถควักออกมาได้จริง ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยอมอาศัยเงินศิลาแกร่งอมตะหนึ่งร้อยล้าน เพื่อซื้อพระพุทธรูปไม้องค์นี้ได้ สิ่งนี้หาใช่สุดยอดของวิเศษในหล้าแต่อย่างใด ก็แค่พระพุทธรูปไม้องค์นี้องค์หนึ่งเท่านั้นเอง

“อะแฮ่ม อะแฮ่ม นั่น นั่น” ในขณะนี้ เถ้าแก่ร้านทดลองเสียงนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “นั่น นายท่าน ท่าน ท่าน ท่านยืนยันว่าต้องการพระพุทธรูปไม้องค์นี้ใช่หรือไม่? ”

ในขณะนี้ แม้แต่เถ้าแก่ร้านก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

………………………………………………………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล