ตอนที่ 2930 มีเงินก็คือนาย
จะไปโทษว่าเถ้าแก่ร้านไม่เชื่อใจเช่นนี้ก็ไม่ถูก จะอย่างไรเสียสิ่งของที่มีมูลค่าเพียงสามแสน พุ่งพรวดขึ้นไปรวดเดียวถึงหนึ่งร้อยล้าน อีกทั้งช่วงสิบล้านถึงห้าสิบล้านและถึงหนึ่งร้อยล้านนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการเสนอราคาโดยหลี่ชิเย่เองทั้งสิ้น
ตนเองพลันทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้นกว่าสิบเท่า เกรงว่าคงมีแต่คนเสียสติเท่านั้นที่จะทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ มิฉะนั้นล่ะก็ ใครบ้างล่ะที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้
ด้วยสิ่งของชิ้นนี้แหละ ท่าทางของหลี่ชิเย่เหมือนเป็นการติว่าราคาสินค้ายังแพงไม่พออย่างนั้น จึงจัดการให้มันมีราคาเพิ่มขึ้นสิบเท่าด้วยตนเองคนเดียว เกรงว่าเรื่องโง่เขลาเช่นนี้คงไม่มีใครบนโลกใบนี้สามารถทำได้อีกแล้วนอกจากหลี่ชิเย่
“ถูกต้อง ข้าต้องการ มันนี่แหละ” หลี่ชิเย่พูดด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูตามอารมณ์ยิ่งนัก เหมือนที่เขาบอกว่าไม่ใช่ร้อยล้านศิลาแกร่งอมตะ แต่เป็นก้อนหินสามถึงห้าก้อน ท่าทางของเขาดูง่ายๆ ตามอารมณ์อย่างยิ่ง
ไป่จินหนิงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแล้ว นางอ้าปากจะพูด แต่ คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอของนาง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็พูดไม่ออก
นางรู้สึกว่าหลี่ชิเย่นั้นบ้าไปแล้ว นี่คือพระพุทธรูปไม้ที่มีค่าสามแสนเท่านั้น ต่อให้หลี่ชิเย่ต้องการซื้อเอาไว้จริงๆ ก็ไม่ถึงกับต้องให้มันมีค่าเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งร้อยล้าน วิธีการเช่นนี้ไม่สามารถนำคำว่าลูกที่ผลาญสมบัติพ่อแม่มาเปรียบเปรย กระทั่งนำคำว่าคนบ้ามาเปรียบเปรยก็ยังไม่เพียงพอที่จะเปรียบเทียบได้อีกแล้ว
เหอะ เหอะ เหอะเถ้าแก่ร้านหัวเราะแห้งๆ เอามือถูบนเสื้อ และกล่าวว่า “เรื่องนั้น เรื่องนั้น ท่านเซียนชำระด้วยเงินสด หรือ หรือว่าอาศัยวิธีการอื่นๆ ในการชำระเล่า? ” เถ้าแก่ร้านเองยังไม่ค่อยจะมั่นใจเป็นพิเศษ จะอย่างไรเสีย สิ่งของที่มีราคาสามแสนซื้อด้วยเงินหลักร้อยล้าน นี่เป็นเรื่องโง่ๆ ที่ไม่มีใครทำกัน เขาเกรงว่าหลี่ชิเย่แค่พูดไปอย่างนั้นเอง
“สาธุ สาธุ” เวลานี้กุมารขวาหมิงหวังประนมมือ และกล่าวว่า “คำพูดที่พูดออกมาก็คือน้ำที่สาดออกไป จะมาพูดโกหกหลอกลวงไม่ได้ ประสกควรทำตามสัญญากับราคาที่เสนอ”
กุมารขวาหมิงหวัง และกุมารซ้ายหมิงหวังต่างไม่ค่อยจะเชื่อเป็นพิเศษว่า หลี่ชิเย่สามารถหยิบเอาหนึ่งร้อยล้านศิลาแกร่งอมตะออกมาได้โดยง่ายดาย พวกเขาก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่หลี่ชิเย่เพียงแค่พูดออกมาตามอารมณ์เท่านั้น ดังนั้น พวกเขาจึงอาศัยคำพูดไปบีบให้หลี่ชิเย่ทำตามสัญญา
“แค่หนึ่งร้อยล้านเท่านั้นเอง โดยปกติแล้วจำนวนน้อยขนาดนี้ข้าไม่พกติดตัวอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวตามอารมณ์
“คำพูดลักษณะเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ตัวของเถ้าแก่ร้านเท่านั้น แม้แต่คนอื่นๆ ก็อดที่จะจ้องมองตากันและกัน หนึ่งร้อยล้านศิลาแกร่งอมตะเมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่ กลับเป็นเพียงเงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“ประสก นี่มันคือหนึ่งร้อยล้านนะ! ” กุมารซ้ายหมิงหวังประนมมือ และกล่าวว่า “ไม่ใช่สามแสน ยิ่งไม่ใช่หนึ่งหรือสองศิลาแกร่งอมตะเท่านั้น! ท่านอย่างได้พูดโกหกหลอกลวง” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนื้ เขายังลากเสียงให้สูงขึ้นเป็นพิเศษ
ในขณะนี้ พวกเขายังคาดหวังว่าหลี่ชิเย่ไม่สามารถเอาเงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านออกมาจริงๆ หากเป็นเช่นนี้พวกเขาไม่เพียงสามารถโจมตีและเยาะเย้ยหลี่ชิเย่ได้เท่านั้น พวกเขายังจะได้ครอบครองพระพุทธรูปไม้องค์นี้ในราคาสามแสนก็เป็นได้
“มีข้อแตกต่างกันรึ? ” หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาด้วยท่าทีเรียบเฉยทีหนึ่ง และกล่าวว่า “หนึ่งร้อยล้านกับหนึ่งหรือสองศิลาแกร่งอมตะมันก็เหมือนกันมิใช่รึ? ก็แค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
ท่าทางของหลี่ชิเย่พลันทำให้กุมารซ้ายหมิงหวัง กุมารขวาหมิงหวังอึ้งทันที พวกเขาทั้งสองถึงกับมีใบหน้าที่แดงก่ำในเวลานี้
ท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ทำให้ผู้คนต่อคำไม่ถูกเลยจริงๆ
เหมือนดั่งการที่กุมารซ้ายหมิงหวัง กุมารขวาหมิงหวังเสียเงินหนึ่งล้านเพื่อไปซื้อพระพุทธรูปไม้องค์นี้มา พวกเขาจะรู้สึกปวดใจไปครึ่งวัน มันเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ขณะที่ด้วยท่าทีเช่นนั้นของหลี่ชิเย่ เงินหนึ่งล้าน ไม่สิ เงินหนึ่งร้อยล้านของเขานั้น คล้ายกุมารซ้ายหมิงหวัง กุมารขวาหมิงหวังที่จ่ายเงินสามอีแปะไปซื้อปาท่องโก๋ชิ้นหนึ่งมากินแบบสบายๆ และง่ายดายอะไรอย่างนั้น
กล่าวสำหรับคนอื่นแล้วมันคือมูลค่ามหาศาล ขณะที่กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เหมือนว่ามันเป็นเพียงตัวเลขที่น้อยมากๆ เหมือนเป็นการซื้อปาท่องโก๋สักชิ้นหนึ่ง ทานมื้อเช้าสักมื้อหนึ่ง เหมือนเป็นจำนวนเล็กน้อยดุจเงินปลีกย่อยซึ่งมีไว้ใช้จ่ายทั่วไปที่มองข้ามไปได้อย่างนั้น ไม่สิ กระทั่งไม่ถือเป็นเงินปลีกย่อยเสียด้วยซ้ำ
ท่าทางเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ท่วงท่าลักษณะเช่นนี้ พลันทำให้กุมารซ้ายหมิงหวัง กุมารขวาหมิงหวังพูดไม่ออกเป็นเวลานาน สีหน้าแดงก่ำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับไป่จินหนิงนั้นเรียกว่ายืนเซ่ออยู่ตรงนั้น ในเวลานี้ในสมองของเขาเสมือนหนึ่งมีแต่ความว่างเปล่า เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอะเจอกับคนบ้าเช่นนี้
“ถ้าเช่นนั้น เช่นนั้น” เถ้าแก่ร้านเองก็ถูกท่าทีของหลี่ชิเย่ทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้สติกลับมา และกล่าวว่า “ท่านเซียน ถ้า ถ้าเช่นนั้นจะจ่ายชำระกันอย่างไรเล่า? ” หลี่ชิเย่เหลือบมองดูเถ้าแก่ร้านทีหนึ่ง และกล่าวว่า “อ้อดูเหมือนข้าจะมีไข่มุกอะไรนั่น มันไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย เอาไปเถอะ” กล่าวพลางได้ล้วงหยิบกล่องไม้เล็กๆ ออกมาใบหนึ่ง แล้วโยนไปให้กับเถ้าแก่ร้าน
เถ้าแก่ร้านรับกล่องไม้ใบนั้นมาและเปิดออกดู กล่องไม้พลันปรากฏประกายเจิดจ้าที่แผ่กระจายออกมา แทบจะทำให้ดวงตาของคนต้องบอดไปในพริบตา
ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง เถ้าแก่ร้านได้ปิดฝากล่องไม้ขนาดเล็กลง ขณะที่กุมารซ้ายหมิงหวัง กุมารขวาหมิงหวังยังไม่ทันมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคืออะไร
ในเวลานี้ เถ้าแก่ร้านถูกทำให้ตกใจไม่น้อยจนเห็นอกที่ขึ้นลง จากนั้น ได้เปิดกล่องไม้ขึ้นมาอีกครั้ง จ้องมองไปหลายที จากนั้นก็รีบปิดฝากล่องลงทันที ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ถูกไข่มุกที่อยู่ภายในกล่องทำให้ตกใจไม่น้อยทีเดียว
“พอมั้ย? ” หลี่ชิเย่เอามือทำท่าชั่งน้ำหนักพระพุทธรูปไม้ในมือ และกล่าวว่า “เจ้าประเมินค่าเท่าไร? ”
“พอ พอ พอ” มือทั้งสองของเถ้าแก่ร้านถึงกับสั่นเทา รีบพูดขึ้นทันทีว่า “เพียงพออย่างแน่นอน พอแล้ว ยังมีเหลือ ยังมีเหลือ”
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ เขาพลันพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “พวก พวก พวกเราจะรีบคิดเงินส่วนต่าง เงินส่วนต่างให้กับท่านเซียนทันที”
“ไม่เป็นไร” หลี่ชิเย่ตามอารมณ์ และกล่าวว่า “ถ้าหากไม่พอ ข้าจะเพิ่มให้กับพวกเจ้าอีกหน่อย”
ท่าทางของหลี่ชิเย่ในเวลานี้คล้ายเป็นคนโง่มาก มีเงินเยอะ รีบเข้ามากันเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...