สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2938 ม้าหัวคน ขอขี่หน่อย – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2938 ม้าหัวคน ขอขี่หน่อย ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2938 ม้าหัวคน ขอขี่หน่อย
เสียงปัง ปัง ปังดังสลับขึ้นมาไม่ขาดสาย ยอดฝีมือหลายร้อยคนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งเฉ่าพลันถูกหางของกระบือดำขนาดใหญ่ฟาดจนลอยไปสิ้น
แม้ว่ากว่านหวินเผิงจะมีกำลังความสามารถที่แข็งแกร่งมาก แต่ทว่า เมื่อได้เห็นภาพนี้ก็เกิดความหวาดเสียวขึ้นในใจ หันหลังวิ่งหนีไปทันที
“คิดจะหนีรึ สายไปแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่ร้องเสียงประหลาดขึ้นมาและไล่ตามไปทันที
เปิด…กว่านหวินเผิงรู้สึกหวาดผวา เสกเอาของวิเศษออกมา แต่ว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ ความแข็งแกร่งของกระบือดำขนาดใหญ่หาใช่สิ่งที่เขาสามารถต้านทานเอาไว้ได้อยู่แล้ว
ได้ยินเสียงปังดังสนั่น กระบือดำขนาดใหญ่ใช้หัวพุ่งชนเข้าไป พลันเล่นเอากว่านหวินเผิงตัวลอย ถูกชนจนกระอักเลือดออกมาอย่างแรง
กว่านหวินเผิงเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ปรากฏว่าถูกกีบเท้าของกระบือดำขนาดใหญ่ที่กระแทกเข้าไป ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น กว่านหวินเผิงถูกกีบกระแทกจนไปกองกับพื้น กระอักเลือดออกมาอย่างแรง มองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า
คุ้มครองนายน้อย…ในเวลานี้เอง ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะหลายคนนั่นลุกขึ้นมาได้ ร้องกล่าวเสียงดัง หมายจะเข้าไปช่วยเหลือกว่านหวินเผิง
ปัง…ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะหลายคนนั่นยังไม่ทันได้ลงมือ ก็ถูกหลี่ชิเย่ใช้เท้าเหยียบเข้าไป จัดการเหยียบพวกเขาเหล่านั้นจนลงไปนอนอยู่กับพื้นโดยตรง
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังคร๊ากกกขึ้น กระดูกซี่โครงบริเวณอกของพวกเขาพลันถูกเหยียบจนแตกละเอียด กระอักเลือดออกมาอย่างแรง
“นอนอยู่ตรงนั้นเสียดีๆ ”หลังจากที่หลี่ชิเย่ใช้เท้าเหยียบลงไปแล้ว บรรดาระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเหล่านั้นก็ได้แต่นอนอยู่กับพื้นแต่โดยดีไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อยู่แล้ว แค่เท้าข้างหนึ่งของหลี่ชิเย่ที่เหยียบลงไปบนตัวของพวกเขาตามอารมณ์ เสมือนหนึ่งภูเขานับล้านล้านลูกที่กดทับอยู่บนตัวของพวกเขาอย่างนั้น
ในเวลานี้ ไม่ง่ายนักกว่ากว่านหวินเผิงที่ถูกกระแทกเข้าจนกองกับพื้นจะลุกขึ้นมาได้ ในขณะนี้สภาพของเขาดูกระเซอะกระเซิงย่ำแย่สุดๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด
“พวก พวก พวกเจ้าตายแน่” ในเวลานี้กว่านหวินเผิงถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมา “ข้า ข้า ข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งตระกูล ไม่สิ สังหารพวกเจ้าเก้าชั่วโคตร”
กว่านหวินเผิงท่องมาทั่วหล้าเคยต้องเสียเปรียบใครมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เคยต้องกระเซอะกระเซิงดูย่ำแย่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ว่าจะก้าวเดินไปถึงไหนทุกคนล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพเขาอยู่สามส่วน อ่อนข้อให้เขาสามส่วน
เวลานี้ตนเองถึงกับถูกกระบือตัวหนึ่งเล่นงานจนกองอยู่กับพื้นต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า พลันทำให้เขาไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีอีกเลย
ฆ่าแม่งของเจ้า…กระบือดำขนาดใหญ่ยกเท้าขึ้น ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ฟาดใส่ศีรษะของกว่านหวินเผิงพร้อมกับร้องกล่าวเสียงดังว่า “ยืนให้มันดีๆ กระบือสุดหล่ออย่างข้าจะขี่เจ้าแล้ว”
ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น กว่านหวินเผิงพลันถูกเคาะจนมองเห็นดาวเต็มไปหมด ขณะที่เขายังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ก็ถูกกระบือดำขนาดใหญ่สยบเอาไว้แล้ว
ในเวลานี้ กว่านหวินเผิงไม่เป็นตัวของตัวเอง ตัวของเขาก้มโค้งลงโดยมือทั้งสองยันอยู่กับพื้น แขนขาทั้งสี่แตะพื้นเสมือนหนึ่งสัตว์ที่ยืนด้วยเท้าทั้งสี่อย่างนั้น
จังหวะที่กว่านหวินเผิงยังไม่ทันมีปฏิกิริยาใดๆ กระบือดำขนาดใหญ่ก็ได้เหยียบลงบนหลังของเขาแล้ว เท้าทั้งสี่ที่เหยียบลงบนตัวของเขา ด้วยน้ำหนักที่หนักอึ้งทำให้เขาถูกกดทับจนหายใจแทบไม่ออก กระดูกทั้งตัวดังกรอบแกรบ แต่ว่ากว่านหวินเผิงกลับไม่สามารถกระดิกตัวได้
“ช่า ช่า ช่าม้าหัวคนวิ่งเร็วเข้า วิ่งเร็วเข้า” ในเวลานี้เอง กระบือดำขนาดใหญ่ได้ยกเท้าขึ้นและถีบไปที่ก้นของกว่านหวินเผิงอย่างแรง
เสียงปังดังขึ้น ขณะที่เท้าของกระบือดำขนาดใหญ่ถีบไปที่ก้นของกว่านหวินเผิงนั้น กว่านหวินเผิงถึงกับไม่เป็นตัวของตัวเอง อาศัยมือและเท้าคลานอยู่กับพื้น
ภาพนี้ดูไปแล้วช่างไร้เหตุผลสิ้นดี และช่างตลกเหลือเกิน มองเห็นกระบือดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขี่บนหลังของชายหนุ่มคนหนึ่ง โดยที่ชายหนุ่มมีแขนขาทั้งสี่แตะพื้นคลานอยู่บนพื้นโดยใช้ทั้งมือและเท้า
นี่คือกระบือขี่คนโดยแท้จริง เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่พูดแล้วทำได้
“ช่า ช่า ช่าม้าหัวคนวิ่งเร็วเข้า วิ่งเร็วเข้า วิ่งเร็วๆ เข้า” เท้าของกระบือดำขนาดใหญ่ถีบไปที่ก้นของกว่านหวินเผิงครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่กระบือดำขนาดใหญ่ถีบเร็วขึ้นเรื่อยๆ กว่านหวินเผิงก็อาศัยมือและเท้าคลานได้เร็วยิ่งขึ้น
เพียงชั่วพริบตาเดียว กระบือดำขนาดใหญ่ก็ได้ขี่กว่านหวินเผิงวิ่งไปตามถนนไปมาหลายรอบ
ม้าหัวคน…ผู้คนจำนวนมากอยากจะหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินกระบือดำขนาดใหญ่ตั้งฉายาเช่นนี้ให้กับกว่านหวินเผิง แต่ว่า ไม่สะดวกที่จะหัวเราะออกมา
ข้า ข้า ข้าจะฆ่าเจ้า…กว่านหวินเผิงร้องเสียบแหลมขึ้นมา เขาเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ร้องเสียงแหลมขึ้นมาว่า “ข้าจะถลกหนังเจ้า ดื่มเลือดเจ้า กินเนื้อเจ้า…
ปัง…ปัง…ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น กว่านหวินเผิงพูดยังไม่ทันจบ เท้าของกระบือดำขนาดใหญ่ก็คล้ายดั่งเป็นลูกเห็บที่กระหน่ำลงบนศีรษะของเขาอย่างหนักหน่วง พลันทำให้ศีรษะของกว่านหวินเผิงถูกซัดจนปูดขึ้นมาเต็มศีรษะ ทำเอากว่านหวินเผิงรู้สึกปวดหัวอย่างยิ่ง และมองเห็นดวงดาวเต็มไปหมด
“ฆ่าแม่งเจ้าสิ! ” เวลานี้เจ้าคือพาหนะของกระบือสุดหล่อ ไม่มีสิทธิ์ในการขี่! ” กระบือดำขนาดใหญ่ร้องเสียงประหลาดขึ้นมา ท่าทางกำเริบเสิบสานอย่างยิ่ง
“ช่า ช่า ช่าม้าหัวคนวิ่งเร็วเข้า” กระบือดำขนาดใหญ่ขี่กว่านหวินเผิงไปพลาง ร้องเสียงดังไม่หยุด
ทุกคนต่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นภาพนี้ เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นภาพของกระบือขี่คน และคนที่ถูกขี่ยังเป็นถึงนายน้อยที่มีประวัติความเป็นมาที่สะเทือนเลื่อนลั่นอย่างกว่านหวินเผิงอีกด้วย
“ทำไมรึ? ” ยังคิดจะกลับมาล้างแค้นข้าอย่างนั้นรึ? ” หลี่ชิเย่ถึงกับหันหลังกลับ และจ้องมองพวกเขาทีหนึ่ง
“ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งเฉ่าของพวกเราใช่จะปล่อยให้ผู้อื่นรังเกได้ตามอำเภอใจ! ” เทพแท้จริงผู้นี้ถึงกับกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เรื่องนี้ข้าจะต้องรายงานต่อสำนัก รายงานต่อปฐมบรรพบุรุษ ขอให้ท่านตัดสินใจ! ”
พลันที่เทพแท้จริงผู้นี้พูดคำๆ นี้ออกมา บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่
ทุกคนต่างรู้ว่าปฐมบรรพบุรุษที่เทพแท้จริงผู้นี้เอ่ยถึงก็คือปราชญ์อัจฉริยะหลันซู ขณะที่ใครบ้างล่ะจะไม่เกรงกลัวอย่างยิ่งต่อปฐมบรรพบุรุษองค์หนึ่ง?
“เจ้าคนไร้สมอง” หลี่ชิเย่มองหน้าเขาได้ท่าทีน่าเกรงขาม หัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ถึงกับกล้ายกเอาชื่อของปราชญ์อัจฉริยะหลันซูมาข่มข้า รนหาที่ตาย” ขาดคำเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปทันที
ระวัง…เทพแท้จริงขั้นอมตะคนอื่นๆ รู้สึกตระหนก และร้องเสียงดังขึ้นมา
แต่ว่า สายไปเสียแล้ว ได้ยินเสียงปังดังขึ้น เทพแท้จริงผู้นี้ไม่ทันได้ร้องเสียงน่าเวทนาด้วยซ้ำ ถูกหลี่ชิเย่เหยียบจนกลายเป็นเนื้อบดทันที ภายใต้การบดขยี้จากเท้าของหลี่ชิเย่ ได้ยินเสียงปุดังขึ้นเสียงหนึ่ง ถูกบดขยี้จนกลายเป็นหมอกเลือด
หมอกเลือดลอยล่องกระจายไปตามลม เทพแท้จริงผู้นี้กลายเป็นหมอกเลือดไปเช่นนี้เอง
“ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูรู้ว่าถูกพวกเจ้าทำเสียชื่อเสียง เรียกได้ว่าอยากจะเหยียบพวกเจ้าให้ตายคาเท้าให้รู้แล้วรู้รอดไป” หลี่ชิเย่ มองดูพวกเขาด้วยท่าทีเย็นชาทีหนึ่ง เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเหยียบแมลงสาบไปตัวอนึ่ง
“โง่เขลา” กระบือดำขนาดใหญ่ก็หัวเราะเยาะทีหนึ่ง มองดูศิษย์ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจิ้งเฉ่าด้วยท่าทีเย็นชา พวกไร้สมองเหล่านี้ถึงกับยกเอาชื่อของปราชญ์อัจฉริยะหลันซูมาขู่หลี่ชิเย่ เป็นการรนหาที่ตาย
หลังจากที่เหยียบเทพแท้จริงขั้นอมตะตายไปคนหนึ่ง คนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าแม้แต่หอบหายใจ ได้แต่มองตาปริบๆ เห็นหลี่ชิเย่กับกระบือดำขนาดใหญ่เดินจากไป
“ดุร้ายเกินไปแล้วกระมัง” ครั้นหลี่ชิเย่จากไปไกลแล้ว มีผู้ที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ และกล่าวว่า “เจ้าหนูคนนี้เป็นใคร ถึงกับโหดร้ายทารุณขนาดนี้ ไม่กลัวถูกแก้แค้นรึ? ”
“ไม่ทราบ” ผู้คนจำนวนมากต่างมองตากันและกันทีหนึ่ง
คนโหดอันดับหนึ่ง…มีผู้ที่จดจำหลี่ชิเย่ได้ แต่ว่า ไม่กล้ากล่าวมากความ พูดออกมาเบาๆ แล้วหันหลังจากไปทันที
…………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...