ตอนที่ 2969 ตำรากาลเวลา
ท่ามกลางดวงดาวที่อยู่ในทางช้างเผือก ผู้หญิงคนหนึ่งนอนหลับใหลอยู่ตรงนั้น ร่างของผู้หญิงดังกล่าวดูวับๆ แวมๆ เหมือนว่านางอาจจะหายตัวไปได้ในพริบตาเดียวได้ทุกเวลาอย่างนั้น
แต่ว่า นางก็ดูเหมือนถูกทำให้ยึดติดอยู่ที่ตรงนั้น เนื่องจากท้องฟ้าที่อยู่เบื้องบนของนางนั้นที่สูงขึ้นไปนั้นมีสายฟ้าและฟ้าแลบอยู่ ซึ่งหาใช่เป็นสายฟ้าและฟ้าแลบโดยทั่วไป มันมาจากสวรรค์ลงทัณฑ์ ด้วยอำนาจของสวรรค์ เมื่อใดที่มันผ่าลงมา เหล่าเทพแลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ผู้หญิงที่นอนหลับใหลอยู่ท่ามกลางดวงดาวในทางช้างเผือกดังกล่าว นางได้ถูกพันธนาการเอาไว้โดยสวรรค์ลงทัณฑ์ เหมือนว่า ไม่ว่านางจะหนีไปที่ใดก็ตามก็ต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ฟาดใส่
แต่ว่า ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลานั้น สวรรค์ลงทัณฑ์กลับไม่สามารถฟาดลงมาได้ ภายใต้การห่อหุ้มของดวงดาวในทางช้างเผือกนับไม่ถ้วน ทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว
เมื่อสังเกตดูให้ละเอียดอีกครั้ง ดวงดาวทางช้างเผือกนับไม่ถ้วนดังกล่าวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ดวงดาวทางช้างเผือกที่แท้จริง มันเป็นการรวมตัวกันเข้ามาของกาลเวลาหมื่นพัน เหมือนว่ามันเป็นรวมตัวกันของกาลเวลาในยุคแล้วยุคเล่าจนกลายเป็นดวงดาวแต่ละดวง และรวมกันเป็นทางช้างเผือก ตัดขาดมิติกาลเลาเป็นพันล้านปี เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำสวรรค์ลงทัณฑ์ไม่ฟาดใส่ผู้หญิงที่ห้อยอยู่บนท้องฟ้าสูงเป็นเวลานาน
ในวันใดวันหนึ่งนี่แหละ สวรรค์ลงทัณฑ์ลักษณะเช่นนี้สามารถฟาดลงมาได้ แต่ว่า สวรรค์ลงทัณฑ์ต้องก้าวข้ามกาลเวลายุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า อานุภาพของมันก็ได้ถูกลดทอนให้อ่อนลงไปมากแล้ว
สายตาของหลี่ชิเย่หยุดอยู่บนตัวของผู้หญิงคนนี้อยู่ครู่ใหญ่ เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ได้เข้าสู่การหลับไหลในขั้นที่ลึกมาก ไม่รับรู้ถึงสภาพภายนอก
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้เลื่อนสายตาออกไป ยังคงไล่ย้อนเวลาขึ้นไป ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลานับล้านๆ ปี ก้าวข้ามต้นกำเนิดขึ้นไป มุ่งไปยังสุดปลายทางของกาลเวลาอย่างรวดเร็ว
ลองนึกภาพดู ก้าวข้ามล้านล้านปี ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่าเคลื่อนผ่านไป เพื่อเชื่อมต่อไปยังยุคสมัยที่เก่าแก่โบราณยิ่ง ณ ที่ตรงนั้นคือจุดเริ่มแรกของสรรพสิ่ง จุดเริ่มต้นสัจธรรมฟ้าดิน
ช่างเป็นการเดินทางไกลที่ยาวนานและไกลแสนไกล หนึ่งศตวรรษที่ก้าวข้ามไปตามอารมณ์นั้น เพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตใดๆ หายวับไปกับตาในพริบตา ท่ามกลางการก้าวข้ามนับล้านล้านปี ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ก็ยากที่จะรองรับกับการไหลเคลื่อนไปของกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นสัจธรรมที่ไร้เทียมทานเช่นใด ไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อที่แกร่งเท่าใด ภายใต้การไหลเคลื่อนไปของกาลเวลาเช่นนี้ ก็ต้องถูกบดขยี้ทำลายไป
ท่ามกลางการไล่ย้อนกาลเวลาขึ้นไปลักษณะเช่นนี้ มีเพียงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งยิ่งดวงหนึ่งเท่านั้นที่ไม่ถูกบดขยี้ทำลาย และมีเพียงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่สุดยอดยากจะหาใดเทียมในหล้า จึงสามารถรักษาความตั้งใจเดิมดวงนั้นให้คงอยู่ต่อไปท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาที่ไหลเคลื่อนไปเช่นนี้ มุ่งหน้าสู่ต้นกำเนิด
ท่ามกลางการไล่ย้อนกาลเวลากลับไปนั้น หลี่ชิเย่ได้พบเห็นร่างเงาของผู้ที่ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนร่างเงาแล้วร่างเงาเล่า และภายใต้เงาทมิฬของร่างเงาเช่นนี้ร่างเงาแล้วร่างเงาเล่าที่เบื้องหลังของร่างเงาแต่ละร่างเงาล้วนเคยเกิดเรื่องที่สะเทือนเลื่อนลั่นมาก่อน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เพียงพอที่จะเขียนเป็นเทพนิยายที่เป็นวรรณกรรมเรื่องแล้วเรื่องเล่า
สุดท้าย จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ที่ไม่ดับสูญ ไล่ย้อนต้นกำเนิดขึ้นไปจนสถึงแหล่งต้นกำเนิด
ณ ที่ตรงนั้นเสียงตูม ตูม ตูมดังขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย สัจธรรมที่เทราดลงมาดั่งน้ำตก ตัวอักขระยันต์ที่ไม่มีสิ้นสุดไหลแรงไม่มีหยุดนิ่ง กลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณ ณ ที่ตรงนี้เข้มข้นจนไม่สามารถแยกออกได้
ที่ตรงนี้มองเห็นแสงที่ระยิบระยับ ที่ตรงนี้ก็คือต้นกำเนิดของเวลา เป็นจุดเริ่มต้นของกาลเวลาทั้งหมด โดยเวลาได้เริ่มต้นไหลรินจากที่ตรงนี้ วันเวลาทุกๆ แห่งในโลกล้วนแล้วแต่หลั่งไหลออกมาจากตรงนี้
หลังจากที่มาถึงที่ตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าโลงศพเซียนมีลักษณะเปียกไปทั้งตัวแล้ว ในเวลานี้เขาอ่อนล้ายิ่งกว่าผ่านศึกสงครามมานับพันล้านสนามเสียอีก
นี่คือการท่องไปโดยก้าวข้ามกาลเวลาเป็นล้านล้านปี มีเพียงผู้ที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรสูงสุดจึงสามารถทำได้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ยังไม่ทันไล่ย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดก็หายวับไปกับตาในพริบตาเดียวแล้ว
ณ ต้นกำเนิดวันเวลา สัจธรรมที่ดังตูมตามไม่หยุด มองเห็นตัวอักขระยันต์ที่เก่าแก่โบราณยิ่งกำลังวิ่งด้วยความเบิกบานใจอย่างรวดเร็ว ทุกๆ อักขระยันต์ล้วนแล้วแต่มีความใสเป็นประกายสวยงาม ทุกๆ ตัวอักขระยันต์ล้วนแล้วแต่แปล่งประกายที่บริสุทธิ์อย่างยิ่งออกมา ทุก ๆ ตัวอักขระยันต์ก็คือต้นกำเนิดของวันเวลา เหมือนว่าแสงสว่างทั่วหล้าล้วนแล้วแต่แปล่งออกมาจากบนตัวของพวกมันทั้งสิ้น
ขณะที่ตัวอักขระยันต์ที่มีความประณีตงดงามโปร่งแสงแต่ละตัวกำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างช่างมีความสงบสุขอะไรอย่างนั้น และที่ตรงนี้ไม่มีวันเวลาและกาลเวลา เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหยุดลงอย่างนั้น พันล้านปีก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้นเอง พริบตาเดียวก็แค่พันล้านปีเท่านั้น
ในโลกที่มีลักษณะเช่นนี้ ทุกสิ่งสามารถกลับกลายเป็นช้าลง ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่ต้องเร่งรีบขนาดนั้น ทุกอย่างกลับกลายเป็นเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตน
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ข้างๆ ต้นกำเนิดลักษณะเช่นนี้ มองดูการกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจของอักขระยันต์แต่ละตัวที่เก่าแก่โบราณ มองดูพวกเขาที่ดั่งเอลฟ์ที่ร้องออกมาด้วยความดีใจ ที่ตรงนี้ ทุกอย่างดูกาลเวลาช่างสงบสุขเหลือเกิน ช่างไม่สะทกสะท้าน ทุกสิ่งล้วนมีความงดงามอะไรอย่างนั้น
หากมีผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากพอนั่งอยู่ที่ตรงนี้ และมองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าล่ะก็ พวกเขาจะต้องตระหนกตกใจยิ่งนัก แน่นอน ผู้ที่สามารถบรรลุภาพตรงหน้าที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมได้นั้น เรียกว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดอย่างแท้จริง
“ได้เวลาพลิกเปิดหน้าต่อไปแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมาขณะมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้า สงบสุขและไม่สะทกสะท้าน ทุกอย่างล้วนกลับกลายเป็นไม่ต้องเร่งรีบ ทุกอย่างล้วนกลับกลายเป็นงดงามอะไรอย่างนั้น เหมือนว่าการมานั่งอยู่ที่ตรงนี้ทำให้สามารถครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถครอบครองความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...