ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 3096

สรุปบท ตอนที่ 3096 เจ้าแบกรับได้รึ: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 3096 เจ้าแบกรับได้รึ จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 3096 เจ้าแบกรับได้รึ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 3096 เจ้าแบกรับได้รึ

มือขนาดใหญ่ได้กำฟ้าดินเอาไว้ทั้งหมด เพียงบีบเบาๆ ทุกสิ่งก็จะถูกบีบจนแหลกละเอียด แม้แต่แดนลัทธิเซียนทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้

ภายใต้มือขนาดยักษ์ข้างนี้ สรรพสัตว์นับล้านล้านต่างรู้สึกว่าตนเองนั้นเทียบไม่ได้แม้แต่มดปลวก

แม้แต่พวกของราชันแท้จริงหวงจุนที่เคยพบเห็นศึกระหว่างปฐมบรรพบุรุษมาแล้ว ก็รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อมองเห็นมือยักษ์ข้างนี้แล้ว ในสายตาของพวกเขามองว่า ต่อให้เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะปฐมบรรพบุรุษก็ไม่เห็นจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย เมื่ออยู่ภายใต้มือข้างนี้

กล่าวได้ว่าพลังของมือข้างนี้ได้เกินเลยกว่าจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว กระทั่งทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังอยู่บ้าง ทอดสายตามองออกไปทั่วทั้งแดนลัทธิเซียน พวกเขาในฐานะที่เป็นราชันแท้จริง ในฐานะที่เป็นคงความอมตะตลอดกาล พวกเขาถือว่าแข็งแกร่งเพียงพออยู่แล้ว พวกเขาถือว่าได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว

ทว่า พวกเขาก็รู้สึกว่าตนเองนั้นเปรียบเสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น เมื่ออยู่ภายใต้มือขนาดใหญ่ข้างนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนเช่นใด แซงล้ำหน้าอย่างไร ก็ไร้ประโยชน์

มือขนาดใหญ่ลักษณะเช่นนี้เพียงบีบเบาๆ เท่านั้น ก็สามารถบีบพวกเขาจนแหลกละเอียด กลายเป็นฝุ่นผงล่องลอยไปตามลม

มือยักษ์ที่น่าสยองขวัญเช่นนี้ ส่งผลให้บรรดาเหล่าบรรพบุรุษอดที่จะเป็นกังวลในตัวของหลี่ชิเย่ขึ้นมา

เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่กลับดูสบายๆ เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาเหล่าปฐมบรรพบุรุษที่เป็นกังวล เขายักไหล่ทีหนึ่ง และหัวเราะแหะแหะทีหนึ่ง ท่าทางดูเหมือนดีใจที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนอยู่บ้าง และพูดว่า “แหะแหะที่น่าห่วงควรจะเป็นสระเฟยตี้ฉือ”

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง นิ้วมือทั้งห้าของมือขนาดใหญ่พลันกระชับเข้า แม้ว่าทุกคนล้วนมองไม่เห็นสภาพภายในของฝ่ามือ แต่ว่า ในพริบตาเดียวนั่นเองทำให้ผู้คนรู้สึกว่าลูกอุกกาบาตยักษ์ลูกนั้นได้ถูกบีบจนแหลกละเอียดไปแล้ว

จังหวะที่นิ้วมือทั้งห้าของมือใหญ่กำแน่นในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนล้วนรู้สึกว่าอึดอัดหายใจไม่ออกขึ้นมาโดยพลัน พวกเขาต่างรู้สึกว่าตนเองถูกมือขนาดใหญ่นั้นบีบจนแหลกละเอียด ทุกคนรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว อยากจะร้องเสียงแหลมขึ้นมา แต่ว่า ต่อให้ปากอ้าจนกว้างแค่ไหนก็ตามก็ไม่สามารถร้องเสียงออกมาได้แม้เพียงนิดเดียว

นาทีนี้ ฟ้าดินเงียบสงัด สรรพสิ่งสิ้นเสียง ใช่ว่าทุกคนไม่ต้องการส่งเสียงใดๆ ขึ้นมา แต่เป็นเพราะผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อ้าปากกว้างมาก แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้แม้แต่น้อย

สภาพเช่นนี้ ไม่ทราบว่าได้ทำให้ระดับปราศจากผู้ต่อกรต้องตระหนกตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

ในขณะที่นิ้วทั้งห้ากระชับแน่นนั้น หลี่ชิเย่ก็ได้เข้าไปยืนอยู่ภายในสระเฟยตี้ฉือแล้ว ณ บริเวณที่ลึกที่สุดของสระน้ำมีแต่ความแวววาวไปทั่ว

ขณะนี้ หลี่ชิเย่ได้อยู่ท่ามกลางสระน้ำ โดยมีน้ำสระที่ท่วมหลี่ชิเย่จนมิดร่าง แต่ว่า น้ำในสระนี้มีความเป็นหนึ่งไม่มีสองยิ่งนัก แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้สำแดงพลังใดๆ ไม่ได้สำแดงเคล็ดวิชาป้องกันน้ำใดๆ แต่ทว่า น้ำสระที่ท่วมร่างของเขาจนจมมิดกลับไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกแม้แต่น้อย ไม่ได้ทำให้ร่างกายของเขาต้องเปียกน้ำแม้แต่น้อย

เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นเอง ด้านหน้าของหลี่ชิเย่มีแท่นทำพิธีอยู่ตัวหนึ่ง เป็นแท่นคริสตัลตัวหนึ่ง เป็นแท่นพิธีที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ผู้ที่เคยมาสระเฟยตี้ฉือแล้วต่างก็รู้ว่า แท่นพิธีนี้มีชื่อเรียกว่าแท่นบูชา

ผู้ใดที่ต้องการแลกเปลี่ยนกับสระเฟยตี้ฉือ เพียงนำเอาของที่ตนเองรักที่สุด สำคัญที่สุด และล้ำค่าที่สุดวางบนแท่นบูชาก็จะได้รับการแลกเปลี่ยน

สายตาของหลี่ชิเย่ตกไปอยู่บนแท่นบูชา มองดูแท่นบูชาที่พร่างพราวปราศจากสิ่งเจือปนใดๆ ถึงกับเผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา เหมือนกำลังมองดูสิ่งของที่น่าสนใจยิ่งชิ้นหนึ่ง

“กล้าแย่งชิงของกับข้า ความคิดนี้นับว่าไม่เลวนัก” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง

แต่ว่า สระเฟยตี้ฉือมีแต่ความเงียบสงบโดยปราศจากเสียงใดๆ เหมือนว่าสระเฟยตี้ฉือไม่เคยมีสิ่งที่มีชีวิตใดๆ อยู่แล้ว มีเพียงหลี่ชิเย่เพียงคนเดียวเท่านั้นเอง

“เจ้าคือผู้ที่เชี่ยวชาญในการทำการแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นมิใช่รึ?” หลี่ชิเย่มองดูแท่นคริสตัลนั่น เผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา และยิ้มกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ดี ถ้าเช่นนั้นเราก็มาทำข้อแลกเปลี่ยนกัน ถ้าหากเจ้าสามารถแบกรับสิ่งล้ำค่าที่สุดของข้าเอาไว้ได้ เช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะมอบก้อนหินก้อนนี้ให้กับเจ้า แต่หากว่าจะแบกรับเอาไว้ไม่ได้ ก็สมควรเป็นข้าที่ยื่นเงื่อนไขแล้วล่ะ”

สระเฟยตี้ฉือยังคงไม่ได้ส่งเสียงสัญญาณใดๆ ออกมา เหมือนว่าเป็นเพียงการพูดเองเออเองของหลี่ชิเย่คนเดียวเท่านั้น เพียงแต่ในขณะนี้แท่นบูชาคริสตัลพลันปรากฏแสงแวบวับขึ้นทีหนึ่ง

แสงที่แวบวับผ่านไปเหมือนมีอะไรไหลรินอยู่ภายในอย่างนั้น มันเหมือนเป็นแววตาที่แวบผ่านไป และเหมือนดาวตกที่แวบผ่านไปย่างนั้น

หลี่ชิเย่ไม่สนใจเพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง เอาฝ่ามือของตนวางลงบนแท่นบูชาที่ดั่งคริสตัลช้าๆ

เสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ขณะที่มือใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้วางลงบนแท่นบูชานั้น บริเวณอกของเขาได้แผ่ประกายจางๆ ขึ้นมา

เสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ดังขึ้น แต่ว่าจากเวลาที่เคลื่อนผ่านไป ประกายบริเวณอกของหลี่ชิเย่ดูสว่างไสวมากขึ้นเรื่อยๆ เจิดจ้าร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

จากการที่ประกายบริเวณอกของหลี่ชิเย่สว่างไสวมากขึ้นเรื่อยๆ นั้น ตามมาด้วยช่องว่างที่สั่นเทาขึ้นมา เหมือนว่าประกายบนได้อกของหลี่ชิเย่ได้ดันโลกทั้งโลกเปิดออก บุกเบิกยุคสมัยใหม่ที่ใหม่ทั้งหมดขึ้น

เมื่อประกายบริเวณอกของหลี่ชิเย่เจิดจ้าร้อนแรงจนถึงระดับหนึ่งแล้ว เสมือนหนึ่งกาลเวลาได้หยุดลงอย่างนั้น ช่องว่างเหมือนจับตัวแข็งขึ้นมาอย่างนั้น เนื่องจากในพริบตาเดียวนั่นเอง โลกทั้งโลกล้วนถูกประกายที่เปล่งออกมาจากบริเวณอกของหลี่ชิเย่ผนึกเอาไว้อย่างนั้น นาทีนี้ทุกอย่างล้วนหยุดนิ่งลง

ชั่วขณะนั้นเองเสียงตูมดังสนั่น พลันเหมือนว่าบริเวณอกของหลี่ชิเย่ได้เปิดโลกๆ หนึ่งขึ้นมา พลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลไม่มีสิ้นสุดได้พุ่งโจมตีขึ้นทันที

ในพริบตาเดียวนั่นเอง บริเวณอกของหลี่ชิเย่ปรากฏหัวใจที่ลอยขึ้นมา ที่ตรงนั้นเป็นโลกที่เจิดจ้าอย่างยิ่งโลกหนึ่ง เจิดจ้ากระทั่งสรรพผู้คนล้วนไม่สามารถยืมตาทั้งสองขึ้น ณ ที่ตรงนี้ มันสามารถสว่างเจิดจ้าจนดวงตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต้องบอดได้

“ยังคงแบกรับไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ

สระเฟยตี้ฉือสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ ขอเพียงนำเอาสิ่งที่ตนรักมากที่สุด สิ่งล้ำค่ามากที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดออกมา ก็สามารถแลกเปลี่ยนเอาสิ่งที่ต้องการ หรือพลังที่ตนต้องการได้

เมื่อครู่นี้เอง หลี่ชิเย่ได้นำเอาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนมาวางอยู่บนแท่นบูชาคริสตัล จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมนับแต่อดีตถึงปัจจุบันเช่นใด ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเช่นใด

ด้วยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเช่นนี้ ทางสระเฟยตี้ฉือก็ปราศจากสิ่งใดแลกเปลี่ยน สระเฟยตี้ฉือเองก็แบกรับกับจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรนี้ของหลี่ชิเย่ไม่ได้ เนื่องเพราะจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ปราศจากผู้เทียบเทียมเป็นนิรันดร์ของหลี่ชิเย่นี่เอง ทำให้แท่นบูชาคริสตัลของสระเฟยตี้ฉือถูกกดดันจนกลายเป็นรอยร้าวขึ้นมารอยหนึ่งดื้อๆ

ถ้าหากผู้คนในหล้ารู้เรื่องราวเรื่องนี้ จะต้องถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

“เอาล่ะ สมควรได้เวลาที่พวกเราจะคุยกันได้แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มทีหนึ่ง และกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ เสียงแว้งค์…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ปรากฏประกายรวมตัวกันที่แท่นบูชาคริสตัล พริบตาเดียวนั่นเองประกายที่รวมตัวกันขึ้นที่แท่นบูชาคริสตัลเสมือนดั่งเป็นการรวมตัวกันของดวงดาวอย่างนั้น และกลายเป็นวังวนประกายแสงขนาดยักษ์ขึ้น โดยที่วังวนประกายแสงเช่นนี้มองดูแล้วก็คล้ายกลุ่มเมฆหมอกของฝุ่น แก๊ส และพลาสมาในอวกาศ

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง ขณะมองดูวังวนประกายแสงที่หมุนวนไม่หยุดนิ่ง ก้าวเท้าเข้าไปโดยไม่ได้คิดมาก วังวนประกายแสงพลันดูดกลืนเอาร่างของหลี่ชิเย่เข้าไปทันที

เมื่อหลี่ชิเย่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนอีกครั้ง เขาก็ได้เข้าไปอยู่ในช่องว่างที่ลึกลับยิ่งแห่งหนึ่งแล้ว

ภายในช่องว่างที่ลึกลับนี้มีแสงที่แวบวับ มีประกายเซียนที่วับๆ แวมๆ มีร่างเงาเซียนกำลังโยกแยกไปมา…ทุกสิ่งล้วนลึกลับอะไรอย่างนั้น มีความงดงามที่เลือนรางเหมือนในความฝัน ทุกสิ่งที่อยู่ในนี้ล้วนไม่เหมือนจริง เหมือนอยู่ในความฝันอย่างนั้น

ไม่ว่าใครก็ตามหากมาอยู่ในช่องว่างลึกลับเช่นนี้ ล้วนอดที่จะสงสัยไม่ได้ สงสัยว่าตนเองกำลังอยู่ในความฝันใช่หรือไม่

หลี่ชิเย่เพียงพิจารณารอบๆ แวบหนึ่ง กล่าวท่าทีเรียบๆ ว่า “เป็นความจริงที่สถานที่แห่งนี้ดีจริงๆ สามารถหลบเลี่ยงทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ว่านะ การทำตัวเป็นเต่าหดหัวนั้น รสชาติไม่สบายแน่”

หากมีผู้อื่นอยู่ในเหตุการณ์ และรู้ว่านี่คือการสนทนาระหว่างหลี่ชิเย่กับสระเฟยตี้ฉือล่ะก็ ต้องถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแน่นอน

……………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล