ตอนที่ 3120 ยิ่งสูงยิ่งหนาว
ความเดียวดายของการปราศจากผู้ต่อกร ความอ้างว้างของการปราศจากผู้ต่อกร คำๆ นี้หากคนอื่นพูดออกมาจะเป็นที่ขบขันของผู้คน และทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นการดัดจริต แต่ว่า หากออกจากปากของพระอาจารย์จินกวงแล้ว ทุกอย่างย่อมแตกต่างโดยสิ้นเชิง
ตลอดเส้นทางที่ก้าวเดินมาของพระอาจารย์จินกวง เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่พ่ายแพ้ให้กับเขา กล่าวได้ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด มีพรสวรรค์เป็นเลิศที่สุดล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือของเขา แม้แต่ระดับคงความอมตะตลอดกาล ผู้ปราศจากผู้ต่อกรรุ่นอาวุโสก็พ่ายแพ้ให้กับเขาเป็นจำนวนมาก
นี่แหละคือพระอาจารย์จินกวง การยกย่องเขาให้เป็นอันดับหนึ่งแห่งยุคสมัยนี้ก็ไม่นับว่าเกินเลยไป
บางทีคนอื่นอาจไม่เข้าใจในความเดียวดายของพระอาจารย์จินกวง ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพระอาจารย์จินกวงกระหายให้ได้มาซึ่งศัตรูสักคน คู่ต่อสู้สักคน กระทั่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน
กล่าวสำหรับพระอาจารย์จินกวงในฐานะปฐมบรรพบุรุษผู้ปราศจากผู้ต่อกรแล้ว สามารถมีคู่ต่อสู้สักคน และหรือมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาที่อยู่ในรุ่นเดียวกันนั้น หาใช่เป็นความคุกคามอย่างหนึ่ง และหาใช่เป็นวิกฤตอย่างหนึ่ง ตรงกันข้าม หากจะมีคนเช่นนี้จริงๆ กลับจะยิ่งเป็นการลงแส้ให้เข้าก้าวเดินไปข้างน้า ทำให้เขามีพลังที่จะไปต่อสู้มากขึ้น ทำให้เขามีเป้าหมาย และยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นในอนาคต
นี่แหละคือสาเหตุที่พระอาจารย์จินกวงต้องการสู้กับหลี่ชิเย่ ในเวลานี้เขากระหายอยากคู่ต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ
สิ่งนี้ก็เป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรเขาสามารถละทิ้งสุดยอดของวิเศษเซียนได้ สามารถละทิ้งผืนแผ่นดินผืนนี้ได้ ขอเพียงได้ต่อสู้กับหลี่ชิเย่สักครั้ง
หลี่ชิเย่มองดูแววตาของพระอาจารย์จินกวงแล้วยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง เขามีความคุ้นเคยอย่างยิ่งกับแววตาลักษณะเช่นนี้ แววตาที่กระหายได้ต่อสู้สักครั้งเช่นนี้ ใช่เป็นเพราะพระอาจารย์จินกวงชื่นชอบการต่อสู้ แต่ มันคือความกระหายอยากมีคู่ต่อสู้สักคน
ราชันแท้จริงที่เขาได้บ่มฟักขึ้นมาในครั้งนั้น พวกเขาก็เคยมีจิตใจลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน แล้วหลี่ชิเย่จะไม่เข้าใจในสภาพจิตใจเช่นนี้ได้รึ?
“จะสู้กับข้าสักครั้งใช่ว่าจะไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถสำแดงพลังแฝงได้สูงสุดล่ะ?”
พระอาจารย์จินกวงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ทุ่มเทเต็มที่!” ท่าทางหนักแน่นจริงจัง และเข้มงวดอย่างยิ่ง
“เป็นความจริงที่การทุ่มเทเต็มที่สามารถระบายอารมณ์ได้อย่างถึงอกถึงใจกับการต่อสู้ในครั้งนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “เมื่อใดที่ข้าลงมือหนักไปก็จะพูดยาก เมื่อใดที่โจมตีลงมาล่ะก็ บางทีเจ้าอาจจะหายวับไปกับตาในพริบตา ตัวตายวิญญาณสลายไปโดยสิ้นเชิง”
พระอาจารย์จินกวงถึงกับหวั่นไหวในใจกับคำพูดที่สบายๆ เช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยจินตนาการถึงความเป็นไปได้เช่นนี้
ขณะเดียวกัน คำพูดที่สบายๆ ของหลี่ชิเย่ก็เป็นการเผยข้อมูลให้ได้ทราบว่า หลี่ชิเย่นั้นมีความมั่นใจอย่างยิ่งที่จะสังหารเขาได้
ในฐานะที่พวกเขายืนอยู่บนความสูงขนาดนี้ ล้วนหาใช่ผู้ที่มองตัวเองว่าเป็นประเภทไร้ค่า และหรืออวดดีหลงตัวเอง การที่หลี่ชิเย่พูดออกมาแบบสบายๆ เช่นนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ถึงกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่ได้แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่แข็งแกร่งเฉกเช่นพระอาจารย์จินกวงยิ่งสามารถจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ไปได้ไกล
แล้วจะไม่ให้ภายในใจของพระอาจารย์จินกวงต้องหวั่นไหวได้อย่างไรเล่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ กระทั่งตนเองอาจมีความเป็นไปได้ต้องตายและวิญญาณสลาย
มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้ที่สามารถไม่ยี่หระกับความตายได้ ไม่ก็คือวิปริตถึงขีดสุด ไม่ก็คือไร้ทางเลือก
พระอาจารย์จินกวงไม่ใช่ทั้งสองประเภท ดังนั้น เมื่อเขาหวั่นไหวในใจ ท่าทีพลันกลับกลายเป็นหนักแน่นขึ้นมา
ขณะที่ในใจของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางส่วนรู้สึกไม่พอใจ เมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่เข้าแล้ว โดยเฉพาะสาวกผู้มองพระอาจารย์เป็นแบบอย่างของตนก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น อดที่จะซุบซิบขึ้นมาว่า “ยังไม่ทันได้ประมือกล้าบอกว่าสามารถสังหารพระอาจารย์จินกวงเสียแล้ว ออกจะเป็นคำพูดที่ไร้ยางอายไปแล้ว คนโหดอันดับหนึ่งดูจะโอหังอวดดีอยู่บ้างแล้ว”
ความแข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่งเป็นสิ่งที่ทราบกันดีของผู้คนจำนวนมาก แม้แต่บรรดาคงความอมตะตลอดกาลก็ยอมรับในความแข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่ง ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่า หลี่ชิเย่นั้นมีกำลังความสามารถอยู่ในระดับปฐมบรรพบุรุษอย่างแน่นอน
แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับดูสบายๆ ยิ่งนัก ถึงกับบอกว่าจะสังหารพระอาจารย์จินกวง ด้วยท่าทีที่สงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนว่าการสังหารพระอาจารย์จินกวงเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน แม้แต่ระดับบรรพบุรุษคงความอมตะตลอดกาลก็จ้องมองตากันและกัน และกล่าวว่า “คนโหดอันดับหนึ่งแข็งแกร่งถึงขั้นนี้จริงๆ รึ? ไม่น่าเป็นไปได้กระมัง”
จะอย่างไรเสีย ความลึกซึ้งด้านธาตุแท้ภายในของพระอาจารย์จินกวงนั้นเป็นที่ทราบกับทั่วหล้า ความแข็งแกร่งของเขาก็เป็นที่ประจักษ์ทั่วหล้าเช่นกัน หากจะกล่าวว่าคนโหดอันดับหนึ่งสามารถสังหารพระอาจารย์จินกวงได้อย่างง่ายดาย คงยากที่ให้ให้ผู้คนเชื่อแล้ว
“มีชีวิตแล้วเจิดจ้า แม้สั้นจะเป็นเช่นไร?” สุดท้าย แววตาพระอาจารย์จินกวงเพ่งตรงไปข้างหน้า จ้องเขม็งที่หลี่ชิเย่ด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง เคร่งขรึม และกล่าวว่า “ต่อให้เป็นก้อนหินแกร่งนับพันนับหมื่นปี มันก็แค่หินแกร่งก้อนหนึ่งเท่านั้น จะไปมีความหมายใด”
“พูดได้ดีมาก” หลี่ชิเย่พยักหน้า และอดกล่าวชื่นชมทีหนึ่ง และกล่าวว่า “หินแกร่งไหนเลยจะเข้าใจถึงความเจิดจรัสของดอกไม้ไฟ ตกลง สู้สักครั้งจะเป็นไรไป”
“ขอบคุณพี่ท่าน” พระอาจารย์จินกวงแสดงคารวะแบบจีน ท่าทางดูจะตื่นเต้นดีใจ
ในเวลานี้ แม้ว่าพระอาจารย์จินกวงไม่ได้ปล่อยให้ปณิธานการต่อสู้ของตนเบ่งบานขึ้นมา ฟ้าดินก็เปี่ยมไปด้วยปณิธานการต่อสู้ของเขาแล้ว เหมือนว่าปณิธานการต่อสู้ของเขาไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นจากตัวเของเขา แต่ถือกำเนิดขึ้นระหว่างฟ้าดิน
แม้จะเป็นปณิธานการต่อสู้เหมือนกัน แต่ว่า ปณิธานการต่อสู้ระหว่างพระอาจารย์จินกวงกับเทพสงครามจินเปี้ยนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปณิธานการต่อสู้ของเทพสงครามจินเปี้ยนที่มีอยู่ทุกเวลาเหมือนต้องการบอกต่อผู้คนทั่วหล้าว่า ข้านี่แหละชื่นชอบการต่อสู้ ผู้ใดกล้าหาเรื่องข้า ข้าก็จะสังหารเจ้าทั้งตระกูล
ความจริงแล้วพระอาจารย์จินกวงก็ชื่นชอบการต่อสู้เช่นเดียวกัน ความเข้มแข็งด้านปณิธานการต่อสู้ของเขาหาใช่เทพสงครามจินเปี้ยนสามารถเทียบเคียงได้ แต่ว่า ปรกติแล้ว ปณิธานการต่อสู้ของพระอาจารย์จินกวงกลับเสมือนดั่งน้ำที่อยู่ในบ่อ เงียบสงบยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...