ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ นิยาย บท 11

เปรี้ยงง!   ตูม!

         ผืนป่าสั่นสะเทือน พายุแห่งการทำลายล้างพัดกวาดไปทั่วใจกลางป่าต้องห้าม เขตอาคมผนึกมารถูกเปิดใช้งานเต็มกำลัง  หากมองจากด้านนอกชายป่า จะเห็นเป็นโดมครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ปิดกั้นอาณาเขตนับล้านลี้  เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดหนีรอดออกไปได้

          “ อามิตตาพุธ  เหมือนทางนั้นจะเริ่มแล้ว ” แสงสีทองแห่งพุทธะระเบิดออกมาจากร่างหลวงจีน ขับไล่กลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายไปหมดสิ้น  ตอนนี้ท่านกลับมาอยู่ในรูปหลวงจีนหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนโยนเช่นเดิม  จีวรท่านก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีขาวบริสุทธิ์

          เฮือก!

          เมื่อความกดดันจากกลิ่นอายปีศาจหายไป เหยี่ยนฮ่าวก็ค่อยๆขยับร่างกายได้ เขาประคองตนเองลุกขึ้นมานั่งมองดูหลวงจีนเบื้องหน้าด้วยความสับสน

          “ อาตมารู้ว่าประสกมีคำถามมากมาย  ” หลวงจีนชุดขาวหยิบบางสิ่งออกมาจากแหวนมิติเก็บของ  เป็นถุงใบเล็กที่เต็มไปด้วยลูกปัดสีแดงที่ได้จากการผนึกวิญญาณแค้น

            “ อาตมาต้องการความช่วยเหลือจากประสก  ลูกปัดวิญญาณแค้นเหล่านี้ถือเป็นสิ่งตอบแทน ” ท่านยกมือขึ้นเบาๆ ถุงลูกปัดก็ลอยไปหยุดลงตรงหน้าเหยี่ยนฮ่าว

           

        แววตาของเหยี่ยนฮ่าวสั่นไหวเมื่อมองเห็นลูกปัดวิญญาณจำนวนมากในถุง  จำนวนมันมีประมาณสิบกว่าเม็ด ซึ่งมันมากเกินพอจะให้เขาใช้ฝึกฝนเคล็ดจิตอาชูร่าจนสำเร็จถึงขั้นแรก หากแต่ผลประโยชน์ที่สูงย่อมมาพร้อมกับอันตรายที่มากล้น  ทำให้เขาเกิดความลังเล

 

           ตุบ!  เขาโยนถุงลูกปัดกลับคืนไป แล้วลุกขึ้นคว้าหอกมาถือไว้ในมือ

         “ ข้าหวังว่า..ท่านจะตอบคำถามข้าก่อน ” เหยี่ยนฮ่าวพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขามองไปทางหลวงจีนชุดขาวสัมผัสได้ถึงรัศมีพุทธะที่ไม่ใช่สิ่งที่จะปลอมแปลงกันง่ายๆ มันเป็นของแท้แน่นอน

        “ ท่านเป็นคนหรือมารปีศาจ ? ” คำถามนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก  เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าปีศาจสีเลือดจะกลับกลายเป็นมนุษย์ได้  จากที่เขาแอบใช้เคล็ดวิชาจิตอาชูร่าตรวจสอบพลังวิญญาณหลวงจีนชุดขาวดู  เขาเห็นเป็นดวงแสงขนาดใหญ่มหึมาที่มีทั้งสีทองและสีดำรวมกันเป็นสัญลักษณ์ หยินหยาง  ซึ่งสีทองคงหมายถึงพลังแห่งพุทธะส่วนสีดำคงแทนพลังของมารร้าย   

         

        เขาไม่อยากร่วมมือกับพวกมารปีศาจ เพราะจากที่เขาเคยได้ฟังและพบเจอมา สุดท้ายแล้วผู้ที่ร่วมมือกับมารปีศาจมักไม่มีจุดจบที่ดี  ทั้งหากเรื่องแพร่กระจายออกไปยังจะสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวอีกด้วย  เพราะพวกมารปีศาจนั้นดูดกลืนพลังชีวิตมนุษย์เป็นอาหาร ตัวเหยี่ยนฮ่าวนั้นเป็นเพียงคนธรรมดาไม่ได้อยู่ในนิกาย โทษของการร่วมมือกับมารปีศาจที่เป็นศัตรูกับมนุษย์นั้นร้ายแรงมาก

         

        หลวงจีนชุดขาวมองดูเหยี่ยนฮ่าวด้วยสีหน้านิ่งสงบ ท่านไม่แปลกใจกับคำถามของเหยี่ยนฮ่าวเท่าใดนัก  ครั้งนี้ที่ท่านยอมร่วมมือกับจอมมารกลืนวิญญาณเจี่ยสือ ก็เพราะอีกฝ่ายค้นพบผู้ที่สามารถช่วยท่านแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตได้   ท่านจึงตกลงร่วมมือด้วย

        หลังจากตามกระแสปราณที่เจี่ยสือทิ้งไว้ในตัวเหยี่ยนฮ่าวมาจนได้พบ  ท่านก็ได้เฝ้าดูการต่อสู้ของเหยี่ยนฮ่าวและได้เห็นเคล็ดวิชานั้น ซึ่งมันคงช่วยให้ท่านทำภารกิจสำคัญได้สำเร็จ

        เคล็ดวิชานั้นของเหยี่ยนฮ่าวจำเป็นสำหรับภารกิจของท่านมาก  ทั้งยังไม่สามารถสืบหาต้นตอได้ คาดว่าคงมีเบื้องหลังอันใหญ่หลวง  แค่เพียงเหลือบมองแค่พริบตาเดียวเนตรแห่งปัญญาถึงกับเกือบถูกทำลาย ทั้งยังได้รับบาดเจ็บภายในอีกด้วย   

        แม้แต่ความสามารถพิเศษของเนตรแห่งปัญญายังไม่สามารถใช้คัดลอกเรียนรู้ได้  อักขระรูนโบราณเหล่านั้นเหมือนถูกจารึกลงในจิตวิญญาณของเจ้าของ มันสลับปรับเปลี่ยนตำแหน่งและเพิ่มลดจำนวนตลอดเวลา คงมีเพียงการได้รับสืบทอดด้วยวิธีพิเศษเท่านั้น  อาจจะเกี่ยวกับแผ่นหินที่เขาเห็นผ่านม่านหมอกแห่งกาลเวลา

        “ ประสกรู้หรือไม่…พระกับมารก็ดั่งเช่นเหรียญที่มีสองด้าน หากมารยอมกลับใจวางดาบประหารก็สำเร็จเป็นพระได้  ในทางกลับกันหากพระจับดาบสังหารขึ้นมาเล่า”

        “ ก่อนหน้านี้ตัวอาตมาศึกษาพระคัมภีร์ทุกเล่มจนบรรลุแตกฉาน แต่ก็ไม่สามารถบรรลุขอบเขตที่ตั้งใจไว้ได้  แม้จะได้รับการชี้แนะจากพระอาจารย์หรือเหล่าพระอาวุโส ก็ไม่เคยได้คำตอบที่อาตมาต้องการ ”

        “ เพราะมนุษย์เรามีพื้นฐานจิตวิญญาณต่างกันมีประสบการณ์ชีวิตแตกต่างกัน  เพราะฉะนั้นเส้นทางที่ผู้อื่นเคยใช้แล้วดี มันอาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับตัวเราก็ได้”

        “ จนเมื่อสิบห้าปีก่อนอาตมาถึงได้เข้าใจ พระกับมารเหตุใดต้องแบ่งแยก เหตุใดจึงไม่หลอมรวมเป็นหนึ่ง  หากใช้จิตแห่งพุทธะกลืนกินและควบคุมจิตมารแทนที่จะกำจัดทิ้ง หากเติมเต็มเหรียญทั้งสองด้านได้ อาตมาใช่จะบรรลุถึงขอบเขตที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ”

        ยามที่หลวงจีนชุดขาวกล่าววาจาออกมา ท่านไม่ได้มองมาทางเหยี่ยนฮ่าวเลย แต่กลับเหม่อมองไปยังจุดหนึ่งของป่าต้องห้ามแววตาท่านสั่นไหวเล็กน้อย

        หลังจากเหยี่ยนฮ่าวได้ฟังสิ่งที่หลวงจีนชุดขาวพูดออกมา เขาก็รู้สึกได้รับประโยชน์ไม่น้อยสำหรับเส้นทางฝึกตนในอนาคตและก็เหมือนเข้าใจคำตอบของสิ่งที่ถามไป

        เขามองไปทางเด็กหญิงปีศาจสีเลือดที่ถูกเชือกสีทองจับกุมเอาไว้แล้วเอ่ยถามขึ้น

        “ เรื่องที่ไต้ซือจะให้ข้าช่วยเกี่ยวข้องกับนางหรือไม่ ”

        หลวงจีนชุดขาวหันกลับมามองดูเหยี่ยนฮ่าวด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย  แววตาท่านเพิ่มความชื่นชมส่วนหนึ่ง

        “ ประสกยอมช่วยหรือไม่ ” ท่านถามออกมาด้วยสีหน้านิ่งสงบ

        “ สิ่งที่ท่านให้ข้าช่วยใช่เป็นภัยต่อมวลมนุษย์หรือไม่ ” เหยี่ยนฮ่าวถามหลวงจีนชุดขาวด้วยความไม่แน่ใจ เพราะจอมมารเจี่ยสือที่หลวงจีนร่วมมือด้วยนั้นเป็นภัยร้ายต่อผู้คนอย่างแท้จริง  แม้หลวงจีนชุดขาวจะมีบุญคุณช่วยชีวิต แต่หากต้องช่วยมารร้ายก่อกรรมทำเข็ญถึงตายเขาก็ไม่ยอม ต่อให้มีผลประโยชน์มากมายเท่าใดก็ตาม

         

        หลวงจีนชุดขาวเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนคาดเดาได้ถึงสิ่งที่เหยี่ยนฮ่าวกำลังคิด ท่านถอนหายใจเล็กน้อยแล้วยกมือขวาขึ้นโบกเบาๆ เชือกสีทองที่มัดตัวเด็กหญิงก็หายไป ตัวนางถูกพลังอันอ่อนโยนสายหนึ่งนำร่างมาอยู่ตรงเบื้องหน้าของเหยี่ยนฮ่าว 

        ตอนนี้เด็กหญิงปีศาจสีเลือดมีท่าทีเหม่อลอยสงบนิ่งเหมือนถูกสะกดไว้  หลวงจีนชุดขาวชี้นิ้วไปทางเด็กหญิง  ดวงแสงสีขาวเล็กๆขนาดเท่าเล็บมือลอยออกมาจากศีรษะของนาง

        “ อาตมาจะให้ประสกได้เห็นอดีตของนาง ” หลังพูดจบหลวงจีนชุดขาวก็ชี้นิ้วไปตรงเหยี่ยนฮ่าว ดวงแสงสีขาวเล็กๆก็จมหายเข้าไปในศีรษะเหยี่ยนฮ่าวทันที  โดยที่ตัวเหยี่ยนฮ่าวเองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

        ภาพตรงหน้าเหยี่ยนฮ่าวมีแสงสว่างจ้าขึ้น  ก่อนภาพบางอย่างจะปรากฏออกมา

        ตอนนี้เขาเหมือนกับอยู่ในห้องของหญิงสาวนางหนึ่ง  ภายในห้องตกแต่งอย่างเลิศหรูเหมือนเป็นของคุณหนูตระกูลใหญ่  เขาลองยกมือตนเองขึ้นมาดู  ตอนนี้ร่างกายเขาโปร่งใสเหมือนเป็นเพียงวิญญาณ  สามารถขยับร่างกายได้แต่ไม่สามารถเคลื่อนที่เองได้ ตัวเขาถูกผูกติดอยู่กับร่างหญิงสาวในชุดเจ้าสาวที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก 

บทที่9 อดีตของเด็กหญิง 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ