ความเงียบได้ครอบงำจุดที่พวกเหยี่ยนฮ่าวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ทหารที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างตัวหัวหน้าจ้าวเริ่มขยับตัวเหมือนจะฟื้นคืนสติ ดึงดูดความสนใจจากเหยี่ยนฮ่าวได้ทันที
“ สหายของเจ้าฟื้นแล้ว…รีบนำยาในถุงนั่นไปรักษาเสีย ” เหยี่ยนฮ่าวพูดกับหัวหน้าจ้าวด้วยความหวังดี “ ข้าจะคอยคุ้มกันให้ หากผีสาวตอนนั้นเข้ามาใกล้ข้าจะเตือนเจ้าเอง ”
ใบหน้าของหัวหน้าจ้าวยังคงแข็งค้างมองไปยังทิศทางเดิม ไม่มีการตอบรับใดๆทั้งสิ้นจนเหยี่ยนฮ่าวเริ่มสงสัย เขาลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆตัวอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
‘ นี่หรือว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น แล้วเครื่องรางข้าตรวจสอบไม่ได้ ’ เหยี่ยนฮ่าวคิดขึ้นกับตนเอง เขาตัดสินใจนั่งหลับตาทำสมาธิ ทดลองใช้เคล็ดจิตอาชูร่าดู
ครืนๆ
พลังจิตวิญญาณเหยี่ยนฮ่าวเหมือนกระจายไปรอบๆบริเวณ ในความคิดเหยี่ยนฮ่าวปรากฎเป็นดวงแสงสีขาวสองดวงในความมืด แทนตำแหน่งของทหารสองคนตรงด้านหน้าเขา ดวงแสงที่สว่างกว่าน่าจะเป็นของหัวหน้าจ้าว ส่วนดวงแสงที่ขุ่นมัวจนแสงที่ส่องออกมาริบหรี่เหมือนจะดับลงไปได้ทุกเมื่อ คงจะเป็นของทหารคนที่ถูกสิง
‘ เคล็ดวิชานี้ใช้แบบนี้ได้ด้วยรึ ’ เขาคิดกับตัวเองเงียบๆ
“ หืม…นั่นคือ ” เหยี่ยนอุทานขึ้นมาเบาๆ หลังเพ่งความสนใจไปยังดวงแสงที่เป็นของหัวหน้าจ้าว เขามองเห็นเส้นด้ายสีดำเล็กๆที่กลืนกับความมืด แทงทะลุเข้าไปในดวงแสงเหมือนกำลังดูดกลืนอะไรบางอย่างอยู่
“ นี่มัน…ถูกผีสาวตนนั้นโจมตีอยู่เหรอ แต่ทำไมเครื่องรางข้าไม่แจ้งเตือนอะไรเลย ”
เหยี่ยนฮ่าวนำเครื่องรางออกมาถือไว้ในมือ พร้อมทั้งกระตุ้นเคล็ดจิตอาชูร่าขึ้นเต็มกำลัง เขาค่อยๆมองเห็นเส้นด้ายสีดำนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาไล่สายตาไปเรื่อยๆยังทิศทางที่เป็นต้นกำเนิดของเส้นด้ายสีดำ จนกระทั่งไปพบกับดวงแสงสีแดงสามดวง ที่กำลังขยับเข้ามาใกล้เขาอย่างช้าๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นสีแดงฉานดั่งโลหิต ทั้งมีขนาดใหญ่กว่าอีกสองดวงข้างๆหลายเท่าตัว เส้นด้ายสีดำมาจากดวงแสงขนาดใหญ่ดวงนั้นเอง
เฮือก!
เหยี่ยนฮ่าวสะดุ้งหลุดออกจากเคล็ดอาชูร่าทันที ใบหน้าเขาซีดขาว มือที่กุมเครื่องรางอยู่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้เขารู้แล้ว เหตุที่เครื่องรางเขาใช้ไม่ได้ผลเพราะสิ่งนั้นมันทรงพลังเกิดไป
“ มันคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในป่าต้องสาป…ปีศาจสีเลือด ” เหยี่ยนฮ่าวพูดกับตนเองด้วยความสิ้นหวัง แววตาเขาเปลี่ยนไปทันทีเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้
ตูม!
“ ตั้งสติ ” หอกของเหยี่ยนฮ่าวฟันกวาดไปยังพื้นดินเบื้องหน้าหัวหน้าจ้าวเต็มแรง ตรงตำแหน่งของเส้นด้ายสีดำที่เขามองเห็นจากเคล็ดจิตอาชูร่า แรงกระแทกจากหอกของเหยี่ยนฮ่าวทำให้หัวหน้าจ้าวเซล้มไปทางด้านหลังแล้วกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง แววตาเขากระจ่างใสหลุดจากมนต์สะกดทันที
“ ขอบ..คุณ ” หัวหน้าจ้าวเงยหน้ามองเหยี่ยนฮ่าวด้วยความสำนึกบุญคุณ คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าตอนเขาตกอยู่ในมนต์สะกดเมื่อครู่ เขาถูกปีศาจตนนั้นฆ่าเขาอย่างทรมานในภาพลวงตาไปหลายสิบรอบ จนจิตวิญญาณเขาแทบจะพังทลาย เขารีบรุกขึ้นยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมรับศึก
ตอนนี้เหยี่ยนฮ่าวได้เข้ามายืนอยู่ข้างๆหัวหน้าจ้าวแล้ว ทั้งคู่กุมอาวุธในมือไว้แน่น สายตาของทั้งสองคนมองตรงไปยังความมืดมิดเบื้องหน้า
คิก คิก
เสียงหัวเราะของเด็กหญิง ดังขึ้นในความมืด
“ เจ้าได้ยินไหม เสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิง ” เหยี่ยนฮ่าวถามขึ้นเบาๆไปทางหัวหน้าจ้าว แต่อีกฝ่ายเพียงมองกลับมาด้วยความสงสัยและส่ายหน้าให้ เขาจึงเลิกสนใจแล้วมองไปยังเงาร่างที่กำลังเดินเข้ามาแทน
เงาร่างสูงใหญ่ในชุดทหารที่ชุ่มไปด้วยเลือด ค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาใกล้จุดที่พวกเหยี่ยนฮ่าวยืนอยู่
คึก คึก!
ลูกบอลสีดำกลิ้งเข้ามาชนเข้ากับทหารที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น ซึ่งตอนนี้ก็ได้สติฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาได้ เนื่องจากถูกผีสาวดูดกลืนพลังชีวิตไปเกือบหมดสิ้นในตอนแรก จึงทำได้เพียงยกหัวขึ้นมามองดูด้วยความหวาดกลัว
ตุบ!
หัวหน้าจ้าวมองดูลูกบอลสีดำที่กระเด็นขึ้นมาตั้งบนลำตัวของน้องสามด้วยอาการขนลุก เพราะมันคือหัวคน หัวของบุรุษที่มีสีหน้าเย็นชาแววตาอันโกรธเกรี้ยวมองตรงมาทางเขาพอดี มุมปากค่อยๆฉีกยิ้มขึ้น มีเลือดมากมายไหลซึมออกมาจากหางตา
“ ข้า..จะตัดหัวเจ้าให้ตาย! ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงตระโกนอันดุร้ายของผีทหารหัวขาดดังขึ้น รังสีสังหารพุ่งเข้าใส่หัวหน้าจ้าวจนถอยเซถอยหลังไปสองก้าวอย่างควบคุมไม่ได้
เหยี่ยนฮ่าวมองผีทหารหัวขาด ที่เดินมาหยิบหัวของตัวเองขึ้นมาถือไว้ เท้าข้างหนึ่งยกเหยียบไปตรงใบหน้าของทหารที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น มืออีกข้างที่ถือดาบชี้ตรงมาที่เหยี่ยนฮ่าวจนเขาไม่กล้าขยับตัว ความต่างของขอบเขตพลังนั้นชั้นเจนมาก ผีทหารหัวขาดนี่แข็งแกร่งกว่าผีสาวตนแรกมาก จากความรู้สึกของเขาผีทหารหัวขาดสามารถฆ่าเขาได้โดยตรง ไม่ต้องอาศัยมนต์สะกดแบบผีสาว
ด้วยเคล็ดวิชาจิตอาชูร่าและเครื่องรางทำให้เขาต้านทานการโจมตีจากผีสาวได้ แต่กับผีทหารหัวขาดคงใช้ไม่ได้ผล น่าเสียดายถ้าหากเขามีเวลาได้เก็บตัวฝึกวิชาซักสองสามวัน เพื่อศึกษาประสบการณ์ที่เขาพบเจอในความฝัน เขาน่าจะมีพลังเพียงพอเอาตัวรอดได้ เพราะในหนึ่งวันที่ผ่านมานี้เขาต้องหนีการตามล่า ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอดทังวัน ไม่มีเวลาฝึกฝนวิชาเลย
ตุบ!
เสียงมีดสั้นสีดำตกลงที่พื้นทำลายความเงียบขึ้น ทำให้เหยี่ยนฮ่าวหันไปมองหัวหน้าจ้าวด้านข้าง ที่ตอนนี้ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มีสีหน้าเหม่อลอยแววตาแตกซ่าน บนบ่ามีผีสาวยืนก้มหน้าอยู่ ดวงตาที่ถลนออกมาจ้องดูเหยี่ยนฮ่าวด้วยความคลั่งแค้น ริมฝีปากฉีกยิ้มไปจนถึงใบหูจนบาดแผลบนใบหน้าฉีกขาดออกมา
‘ รอช้าไม่ได้ เขาต้องลงมือแล้ว ’
‘ ต้องโจมตีผีสาวก่อน แล้วค่อยร่วมมือกับหัวหน้าจ้าวหาทางหนีไปจากที่นี่ '
หลังจากคิดวางแผนในใจ เหยี่ยนฮ่าวก็กระโดดถอยหลังไปก้าวใหญ่ เพื่อหลบให้พ้นระยะดาบของผีทหารหัวขาด แล้วพลิกหอกเกร็งกำลังสิบส่วนแทงเข้าใส่ผีสาวทันที
หมับ!
มือเล็กๆที่ซีดขาวคว้าจับไปที่ขาเหยี่ยนฮ่าว เรี่ยวแรงเขาเหมือนถูกดูดจนสูญหายสลายไป ตัวเขาสั่นไหวไม่หยุด เครื่องรางที่ท่านพ่อเขาให้มาถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวหายไป
ซึบ!
หอกในมือของเหยี่ยนฮ่าวร่วงลงไปปักลงบนพื้น เคล็ดจิตอาชูร่าของเขาไม่สามรถต่อต้านได้เลย เรี่ยวแรงเขายังคงถูกดูดไปผ่านทางมือเล็กๆมือนั้น
สายตาของเหยี่ยนฮ่าวมองลงไปยังเด็กตัวเล็กๆในชุดสีแดงทั้งตัวที่ยืนจับขาเขาอยู่ ใบหน้ากลมๆที่มีหลุมลึกสีดำแทนดวงตากำลังมองจ้องมายังเขา ริมฝีปากเล็กๆที่ถูกด้ายสีแดงเย็บติดกันไว้ฉีกยิ้มจนเกิดเป็นแผลฉีกขาด
คิก คิก
เสียงหัวเราะของเด็กหญิงดังก้องเข้ามาในความคิดของเหยี่ยนฮ่าวอีกครั้ง เขาจ้องมองไปทางปากที่ถูกเย็บติดกันของเด็กหญิง ซึ่งไม่มีทางเปล่งเสียงออกมาได้แน่นอน เขาคิดย้อนถึงตอนที่ได้ยินเสียงนี่ครั้งแรก
บางทีนางคงเล็งข้าไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วซินะ..
“ เคล็ดวิชาอะไรหรือขอรับ ” เหยี่ยนฮ่าวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะถามออกมาเบาๆ
“ เคล็ดวิชาที่ประสกใช้ต้านทานการโจมตีจากพวกวิญญาณแค้น ไม่ต้องหวาดกลัวอาตมาไม่แย่งชิงจากประสกหรอก ” หลวงจีนชุดขาวตอบออกมา ท่านมีสีหน้าขบขันเล็กน้อย
เหยี่ยนฮ่าวมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้เคล็ดวิชาจิตอาชูร่าตามความต้องการของหลวงจีนชุดขาว
ดวงตาที่เต็มไปด้วยรัศมีแห่งปัญญาของหลวงจีนชุดขาวเปล่งประกายสีทอง จับจ้องไปเหยี่ยนฮ่าวที่กำลังใช้เคล็ดวิชาอยู่ ทันใดนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
วูป วูป
เม็ดลูกปัดสีแดงในมือของหลวงจีนชุดขาวทั้งสอง ได้สลายเป็นละอองแสงแล้วถูกดูดซับไปยังหน้าผากของเหยี่ยนฮ่าว ทำให้เขาชะงักไปในทันที
“ ประสกไม่ต้องสนใจ ” หลวงจีนพูดออกมาเบาๆ ท่านพยักหน้าให้เหยี่ยนฮ่าวบอกให้เขาใช้เคล็ดวิชาต่อไป ดวงตาท่านยังคงมองตรงไปที่ตำแหน่งหน้าผากของเหยี่ยนฮ่าว มองทะลุผ่านไปจิตวิญญาณข้ามผ่านม่านหมอกแห่งกาลเวลา จนมองเห็นวิหารขนาดใหญ่หลังหนึ่งและแผ่นหินสามแผ่นที่ลอยอยู่
แค่ก!
แสงสีทองจากดวงตาของหลวงจีนชุดขาวหายไปทันที ตัวท่านสั่นไหวเล็กน้อย มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก เป็นอาการของการได้รับบาดเจ็บภายใน เด็กหญิงที่ยืนตัวสั่นอยู่เหมือนพบโอกาสตั้งท่าจะหลบหนี แต่ก็ถูกเชือกสีทองจากมือของหลวงจีนจับกุมไว้ได้ทัน นางถูกมัดลงไปนอนสั่นสะท้านอยู่บนพื้น แม้แต่เหยี่ยนฮ่าวเองยังอดมองดูด้วยความสงสารไม่ได้
ตัวเหยี่ยนฮ่าวเองหลังจากที่ได้ดูดซึมลูกปัดสีแดงไปสองเม็ด เขาก็รู้สึกว่าเคล็ดวิชาจิตอาชูร่ามีความก้าวหน้าขึ้นมาก เหมือนจะสำเร็จขั้นแรกได้ถ้าสามารถได้รับลูกปัดอีกซักหลายเม็ด จนเขาอดครุ่นคิดหาวิธีได้รับลูกปัดสีแดงมาเพิ่มมิได้ แต่ตอนนี้หากให้เขาไปต่อสู้กับวิญญาณแค้นโดยตรง คงเหมือนเอาชีวิตไปทิ้ง
เขาหันไปมองเด็กหญิงตัวเล็ก ที่ถูกเชือกสีทองมัดไว้ด้วยความรู้สึกลังเลบางอย่าง
“ ประสกคงแปลกใจ ว่าเหตุใดอาตมาถึงไม่จัดการปีศาจสีเลือดตนนี้ใช่หรือไม่ ” หลวงจีนชุดขาวเช็ดเลือดตรงมุมปาก แล้วถามเหยี่ยนฮ่าวเหมือนรับรู้ถึงสิ่งที่คิดได้
“ ปีศาจเลือดตนนี้ นางน่าสงสารมาก ” หลวงจีนมองไปยังเด็กหญิงที่ถูกเชือกสีทองมัดไว้ด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“ แต่นางเป็นปีศาจ นางคงทำร้ายผู้คนไปมากมายถึงกำเนิดใหม่กลายเป็นปีศาจสีเลือดได้ เราต้องกำจัดนางไม่ให้ไปทำร้ายผู้อื่นอีก ” เหยี่ยนฮ่าวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
สายตาของหลวงจีนชุดขาวกลับมามองเหยี่ยนฮ่าวด้วยความสงบ ท่านมีรอยยิ้มเล็กน้อย
“ ปีศาจสีเลือดงั้นรึ ประสกหมายถึงแบบนี้รึเปล่า ” สิ้นเสียงของของหลวงจีน จีวรสีขาวที่ท่านสวมอยู่ก็เริ่มมีรอยเลือดซึมออกมา เลือดมากมายทะลักออกมาย้อมจีวรท่านจนเป็นเป็นสีแดงฉานทันที กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นที่สุดเท่าที่เหยี่ยนฮ่าวเคยพบได้ฟุ้งกระจายไปรอบๆ
ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนกลับเปลี่ยนเป็นดุร้าย ลวดลายอักขระสีดำปรากฏขึ้นทั่วผิวหนัง บรรยากาศรอบๆเหยี่ยนฮ่าวแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง จนตัวเขาถูกกดทับลงไปนอนกองกับพื้น ทำให้ไม่อาจขยับร่างกายได้แม้แต่น้อย
“ ท่าน…เป็นปีศาจ..สีเลือด ” เสียงสั่นสะท้านของเหยี่ยนฮ่าวดังขึ้น เขาพยายามเงยหน้าขึ้นมองหลวงจีนตรงหน้า
“ ไม่ใช่หรอกประสก ” หลวงจีนในชุดแดงตอบด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นท่านก็ลุกขึ้นยืนโดยมีมือทั้งสองข้างประสานไว้ด้านหลัง หันหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่งตรงใจกลางป่าต้องห้าม
“ อาตมาอยู่เหนือกว่าปีศาจสีเลือดมากนัก ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ