สถานการณ์ทางด้านเหยี่ยนฮ่าว ดำเนินต่อไปในทิศทางที่ไม่ดีนักเขานำเครื่องรางป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่ท่านพ่อเขามอบให้มาห้อยไว้ที่คอ เขารู้สึกถึงพละกำลังที่หายไปสามส่วนเพราะถูกเครื่องรางดูดซับไป จนมันเริ่มร้อนขึ้น นี่คือสัญญาณว่าเครื่องรางได้ถูกใช้งาน
เพราะการเปิดใช้เครื่องรางนั้นจะดูดซึมพลังวิญญาณจากเจ้าของ จึงทำให้พละกำลังที่ใช้ต่อสู้ลดลงไป จึงเหมาะสมที่ใช้ยามจำเป็นเท่านั้น
แกร่ก แกร่ก!
เหยี่ยนฮ่าวตัดสินใจเดินออกมาจากที่ซ่อน จากที่เขาครุ่นคิดดู ตอนนี้ศัตรูเขามีสองฝ่าย หนึ่งคือฝ่ายทหารแค้วนจ้าวสองคน ซึ่งเหลือเพียงคนบาดเจ็บที่ขากับคนที่กำลังโดนผีสาวสะกดไว้ หากสู้กันจริงๆเขาก็ไม่เกรงกลัว แต่ปัญหาคือฝ่ายที่สองซึ่งก็คือวิญญาณร้ายตัวนั้นที่ส่งผลคุกคามต่อชีวิตเขาที่สุด
ตั้งแต่ที่เหยี่ยนฮ่าวมาถึงค่ายทหารแคว้นฉู่ตรงชายแดนนั้น ด้วยความรอบคอบเขาได้เลือกศึกษาข้อมูลต่างๆของสนามรบเอาไว้อย่างละเอียด จนเขาได้ไปเจอกับเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับภูตผีวิญญาณร้าย ที่สามารถพบเจอได้แถวบริเวณรอบๆป่าต้องห้าม เพื่อป้องกันเหล่าทหารใหม่แตกตื่นจึงไม่ได้ถูกบันทึกไว้เป็นตัวอักษร แต่หากถามผู้ที่ประจำการอยู่แถวนี้มาเกินสิบปีล้วนทราบดี
เหยี่ยนฮ่าวเองก็อาศัยเส้นสายจากทางตระกูล จนได้พบกับทหารเก่าที่เคยเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายโดยตรง ซึ่งสามารถจำแนกอันตรายได้เป็นสามระดับตามที่เคยมีผู้พบเห็น
ระดับแรกคือพวกวิญญาณหยิน พวกนี้เกิดจากวิญญาณคนที่ตายในสนามรบแล้วยังมีบ่วงผูกพันไม่สลายไป จนถูกป่าต้องห้ามดึงดูดเข้าไปกลายเป็นวิญญาณสวมชุดขาว ที่คอยล่อลวงคนมีชีวิตเข้าไปให้พวกมันสิงสู่ดูดกลืนพลังชีวิตจนตาย แต่พวกนี้จะอ่อนแอมากแค่เพียงผู้ฝึกยุทธตั้งแต่ขอบเขตรวมปราณขึ้นไปก็ต่อกรได้ไม่ยาก
ระดับที่สองคือวิญญาณแค้น พวกนี้เกิดจากคนที่ตายด้วยความทุกข์ทรมานแสนสาหัส จนสาปแช่งต่อสวรรค์ พวกนี้จะสวมใส่ชุดที่เปื้อนเลือด ยิ่งมันฆ่าคนมีชีวิตมากขึ้นเท่าไหร่มันจะยิ่งน่ากลัวขึ้นเท่านั้น ความแค้นของคนที่ถูกมันสังหารจะถูกดูดไปเพิ่มรอยเปื้อนบนชุดมันให้เพิ่มขึ้น พวกนี้ต้องอาศัยผู้ฝึกตนขอบเขตรวมปราณที่มีจิตเข้มแข็งสามถึงสี่คน รวมทั้งอาวุธที่ผ่านการเข่นฆ่ามามากมายจนมีพลังหยางแรงกล้าถึงจะต่อกรได้
ระดับสุดท้าย คือวิญญาณแค้นที่เข่นฆ่าผู้คนมากมายจนชุดที่สวมใส่ชุ่มไปด้วยเลือดทั้งตัว พวกนี้จะกำเนิดใหม่ด้วยคำสาปกลายเป็นปีศาจสีเลือด แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะพบเจอ ไม่ใช่วิญญาณแค้นทุกตนจะเกิดใหม่เป็นปิศาจสีเลือดได้ ซึ่งผู้ที่พบเห็นหากหนีไม่พ้นต้องเสียชีวิตทุกคน แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตปราณนภาก็ยังอาจถูกคำสาปมันสังหารได้
ซึ่งผีสาวตรงหน้าเหยี่ยนฮ่าวนี้ก็เป็นวิญญาณแค้นที่น่ากลัว ชุดที่สวมใส่ชุ่มไปด้วยเลือดเกือบครึ่งแล้ว เขาไม่มั่นใจว่าเครื่องรางจะป้องกันได้หรือไม่ หากมันเพ่งเล็งมนต์สะกดมาที่เขาเพียงผู้เดียว
ตุบ ตุบ!
เหยี่ยนฮ่าวเดินออกมา สบตากับหัวหน้าทหารจ้าวแล้วพยักหน้าให้ ส่งสัญญาณมือชี้ไปทางผีสาว พวกเขาทั้งสองต่างเป็นคนมีความคิดอ่าน ทำให้ต่างก็เข้าใจสถานการณ์โดยไม่ต้องเอ่ยวาจา
ตอนนี้ผีสาวตนนั้นก้าวเท้าข้างหนึ่งเหยียบ ลงบนบ่าของเหยื่อรายใหม่แล้ว ซึ่งกำลังยืนนิ่งตาลอยไม่รู้สึกตัว แม้ตอนที่เหยี่ยนฮ่าวเดินออกมาก็ไม่มีการตอบสนอง เหมือนมองไม่เห็นไม่รับรู้ใดๆ ส่วนทหารคนแรกที่ถูกสิงมาตอนนี้กลายเป็นเพียงซากศพที่แห้งกรัง ยืนตัวแข็งอยู่กับที่ อย่างกับว่ากับว่าหากผีตนนั้นเปลี่ยนที่สิงสู่ ก็จะกลายเป็นซากศพนี้จะผุพังลงไปกองกับพื้นทันที
“ โจมตีตอนนี้ ” เหยี่ยนฮ่าวตระโกนขึ้น พร้อมกับพุ่งหอกโจนทะยานเข้าใส่ผีสาวทันที หอกที่เขาใช้ได้รับสืบทอดมาจากบิดา ผ่านการใช้งานในสงครามมาหลายปีมีปราณหยางสังหารหนาแน่นใช้ทำร้ายพวกวิญญาณแค้นได้แน่นอน เสริมด้วยผลของเครื่องรางที่สวมอยู่ จึงทำให้เขาตัดสินเลือกกำจัดผีสาวก่อน
“ ปราณกระทิงอัคคี ” หัวหน้าทหารจ้าวก็ผสานการโจมตีกับเหยี่ยนฮ่าว เขาหยิบมีดสั้นสีดำซึ่งเป็นอาวุธเวทที่เขาพกไว้ติดตัว มันสามารถใช้โจมตีใส่วิญญาณแค้นได้เช่นกัน เขาใช้พลังปราณสิบส่วนถ่านทอดเข้าไปในมีดบินจนมีเปลวเพลิงลุกท่วม แล้วปาเข้าใส่ขาของผีสาวที่เหยียบอยู่บ่าพี่น้องของเขา
หากเขาเลือกได้ก็ขอตายจากการต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกัน ย่อมดีกว่าถูกผีร้ายสิงแล้วสูบพลังชีวิตจนตาย
การโจมจากทั้งสองทาง พุ่งเข้าใส่ผีสาวทันที ปลายหอกของเหยี่ยนฮ่าวถึงเป้าหมายก่อนเป็นอันดับแรก แต่โดนมือของทหารที่ถูกสิงจนแทบจะกลายเป็นศพแห้งยกขึ้นมาจับไว้ แววตากลวงโบ๋ของซากศพเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเหยี่ยนฮ่าว ความหนาวเย็นบางอย่างที่ทำให้ร่างกายแข็งทื่อแทรกซึมเข้ามาในร่างเหยี่ยนฮ่าวทันที แต่เมื่อเครื่องรางที่สวมอยู่เปล่งความร้อนขึ้นเล็กน้อย ความหนาวเย็นที่รู้สึกได้ก็ถูกขับออกไปทันที
ปลายหอกถูกดันเข้าไปเรื่อยๆจนนิ้วของทหารที่ถูกสิงขาดออกไปสองนิ้ว แต่มันก็ใช้มืออีกข้างมาจับหอกจนหยุดไว้ได้ ตอนนี้ผีสาวกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการเปลี่ยนภาชนะใหม่ นางกำลังครอบงำสติของเหยื่อรายใหม่ ทำให้ไม่สามารถแบ่งแยกพลังมารับมือกับเหยี่ยนฮ่าวได้มากนัก
ในป่าแห่งนี้ไม่มีทางหนี หากเยี่ยนฮ่าวและหัวหน้าจ้าวเลือกที่จะหนีทั้งคู่ สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีใครรอด เราเพราะต่างก็ถูกคำสาปของผีสาวไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ความสามารถของวิญญาณแค้นตนนี้คือ หากนางใช้คำสาปหมายหัวผู้ใดในป่าต้องห้าม ทุกครั้งที่กระพริบตาจะเห็นเงาร่างนางเข้ามาใกล้เรื่อยๆไม่มีทางหนีพ้น
ฟิ้วว!!
มีดสั้นที่มีลุกท่วมของหัวหน้าจ้าวถูกมือของผีสาวคว้าไว้ได้ มือนางถูกเผาไหม้ทันที
กรี้ดดด!!
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยลอยแผลเริ่มฉีกขาดอย่างน่ากลัว ลูกตาสีแดงที่ถลนออกจากเบ้าทอประกายสีเขียว มันมองตรงไปที่หัวหน้าจ้าวด้วยความคลั่งแค้น ริมฝีปากสีม่วงคล้ำพึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ
ครึ่กๆ
ร่างของหัวหน้ากองจ้าวสั่นสะท้านอย่างแรง เขามองเห็นตัวเขาเข้าไปอยู่ในตำแหน่งแทนที่น้องร่วมสาบาน ใบหน้าของผีสาวตนนั้นก้มมองลงมาจากเหนือศีรษะ บาดแผลบนใบหน้านั้นฉีกอ้าออกเลือดสีแดงของมันพุ่งกระจายใส่ใบหน้าของเขา ลิ้นสีดำยืดยาวออกมาเลียไปที่ใบหน้าเขาอย่างช้าๆ ความหวาดกลัวสุดขีดแทบทำให้เขาพังทลายลง
ถุงสัมภาระลอยผ่านหน้าหัวหน้าจ้าวไปตกลงที่พื้นข้างๆ โดยอีกฝ่ายไม่ยอมยื่นมือมารับไว้
“ ข้าไม่วางยาพิษหรอก นี่เป็นของทหารฝ่ายเจ้าที่ข้าเก็บมา ” เหยี่ยนฮ่าวพูดขึ้นพร้อมคิดในใจว่าอีกฝ่ายระแวงเกินไปแล้ว แต่เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติได้เสียก่อน สายตาของหัวหน้าจ้าวไม่ได้มองตรงมาที่ตัวเขา แต่มันกลับมองผ่านไปทางด้านหลังเขา
!!
ใบหน้าอันซีดขาวกับแววตาที่หวาดกลัวของหัวหน้าจ้าว ทำให้เยี่ยนฮ่าวเริ่มสัมผัสได้ถึงลางร้ายบางอย่าง แต่เขาก็ไม่กล้าหันไปดูทันที เพราะหากไปสบตากับผีสาวเข้าก็อาจโดนมนต์สะกดจากแววตาอาฆาตได้ เขาจึงอาศัยใบหอกสะท้อนแสงจากกองไฟเพื่อดูเงาสะท้อนทางด้านหลัง เงารางๆด้านหลังมีเพียงต้นไม้ใบหญ้าไม่พบอะไรผิดปกติ
“ เจ้าเห็นอะไร….บอกข้า ” เหยี่ยนฮ่าวถามขึ้น เพราะแม้แต่เครื่องรางของเขาเองก็ยังไม่แจ้งเตือนออกมา หรือทหารนายนี้อาจจะเห็นภาพหลอน เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงหันกลับไปดูด้านหลัง
ขวับ!
ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
เขาจึงหันกลับมามองหัวหน้าจ้าวอีกที แต่ก็เห็นทหารคนนั้นก็ยังนั่งนิ่งมองตรงไปทางทิศทางเดิม ด้วยสีหน้าซีดกว่าเดิม แต่มือที่ถือมีดส้นไว้กำแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน
อาจเพราะด้วยระยะห่างของตำแหน่งที่นั่งและแสงจากกองไฟที่สั่นไหว ทำให้เหยี่ยนฮ่าวไม่รู้เลย ว่าสิ่งที่หัวหน้าจ้าวเห็นนั้นอยู่ไกลออกไปทางด้านหลังของเหยี่ยนฮ่าวประมาณร้อยก้าว ที่นั่นมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่ลำต้นผุพังเป็นโพรงใหญ่ แต่ยังมีความสูงโดดเด่นเหนือต้นไม้อื่นรอบๆ บนต้นไม้ที่ใบไม้ร่วงแทบจะหมดต้นนั้น มีกิ่งไม้ใหญ่ที่มีเงาร่างจางๆยืนอยู่สามเงา
หนึ่งในนั้นคือผีสาวที่ถูกขับไล่ไปเมื่อครู่ ยืนอยู่กับชายหนุ่มในชุดทหารที่ชุ่มไปด้วยเลือดไร้ศีรษะ และเด็กหญิงอายุประมาณห้าขวบมัดผมแกะสองข้าง ที่บนใบหน้านั้นมีเพียงหลุมลึกสีดำอยู่แทนตำแหน่งดวงตาของข้าง ไม่มีจมูก แต่มีริมฝีปากถูกเย็บติดกันด้วยด้ายสีแดง
ด้วยขั้นรวมลมปราณ ทำให้สายตาของหัวหน้าจ้าวนั้นดีกว่าเหยี่ยนฮ่าวมาก เขาสามารถมองเห็นได้ไกลกว่าและชัดเจนยิ่งกว่า
เขาเห็นทั้งใบหน้าของผีหญิงตนนั้น ที่ฉีกยิ้มให้เขา
เขาเห็นเงาร่างของชายไร้ศีรษะชักดาบที่ข้างเอวออกมา ชี้ตรงมาทางเขา
และเขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยถือหัวคนไว้ในมือเหมือนลูกบอล เด็กคนนั้นสวมใส่ชุดสีแดงทั้งตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือด…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ