หลังจากเดินออกมาจนเกือบจะถึงทางเข้าห้องโถงค่ายกล เหยี่ยนฮ่าวก็เริ่มรู้สึกแปลกใจ เพราะเสียงการต่อสู้ด้านนอกนั้นมันเงียบมาก อีกทั้งตลอดเส้นทางที่ผ่านมาก็ไม่พบผู้คุ้มกันของตระกูลผู้พิทักษ์เลยแม้แต่คนเดียว
เขาจึงเดินไปหาที่ซ่อน แล้วหยิบเอาแผ่นหยกสื่อสารออกมาเพื่อติดต่อหาหลวงจีนมารฝาเซี่ยง
“ ไต้ซือข้าได้รับดวงวิญญาณของนางมาแล้ว ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง ”
“ ประสกไม่ทำให้อาตมาผิดหวังจริงๆ ตอนนี้ประสกเดินออกมาได้เลยทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ” หลวงจีนมารตอบกลับมาผ่านทางหยกสื่อสาร
เมื่อได้รับคำตอบ เหยี่ยนฮ่าวจึงรีบออกไปจากจุดที่ซ่อนอยู่ทันที เขาเดินออกไปจนถึงประตูทางเข้าโถงค่ายกล แล้วจึงลอบสังเกตการณ์สภาพเบื้องนอกด้วยความรอบคอบ
“ นี่มัน…” เหยี่ยนฮ่าวตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าที่ได้เห็น
ตอนนี้สนามรบที่ควรจะเต็มไปด้วยซากศพกลับสงบเรียบร้อยอย่างน่าประหลาด กองกำลังทั้งหมดของตระกูลผู้พิทักษ์ ได้ยืนเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ตรงลานกว้าง
ส่วนพวกสัตว์อสูรพิษนั้นตอนนี้ได้สูญหายไปหมดแล้ว ตอนนี้สายตาของเหยี่ยนฮ่าวนั้นได้ไปหยุดลงที่คนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกำลังนั่งสนทนากันอย่างถูกคอ
“ ประสกเหยี่ยนออกมาเถิด ” เสียงของหลวงจีนมารดังขึ้น ท่านกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างประมุขพรรคมารหมื่นพิษ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็มีผู้อาวุโสของตระกูลผู้พิทักษ์ไป่เซี่ยเอ๋อ กับชายชราในชุดคลุมสีขาวที่มีหนวดเครายาวถึงอก พวกเขาทั้งหมดกำลังมองมาทางเหยี่ยนฮ่าวด้วยสีหน้าสนใจ
ใครบอกข้าได้บ้าง สถานการณ์นี้คืออะไรกัน…
เหยี่ยนฮ่าวคิดขึ้นด้วยความสับสน แต่เขาก็รีบตรงเข้าไปหาหลวงจีนมารทันที
“ ประสกเหยี่ยนอาตมาขอแนะนำให้รู้จัก ท่านนี้คือผู้พิทักษ์วังมังกรแห่งแคว้นฉู่ ” หลวงจีนมารผายมือไปทางชายชราในชุดคลุมสีขาว
“ ผู้เยาว์กราบคารวะท่านผู้อาวุโส ” เหยี่ยนฮ่าวโค้งคำนับไปด้วยความนอบน้อม
“ เด็กน้อยเจ้าเป็นคนแคว้นไหนรึ ” ชายชราถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน
“ ข้ามาจากแคว้นฉู่ขอรับ ” เหยี่ยนฮ่าวตอบ “ ตระกูลเหยี่ยนแห่งเมืองวารีพิสุทธ์ ”
ชายชราใช้มือลูบเคราอย่างช้าๆแววตาของท่านเริ่มทอประกายขึ้น เวลานี้เหยี่ยนฮ่าวรู้สึกเหมือนถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ราวกับว่าไม่มีความลับใดที่จะหลบซ่อนจากสายตาของชายชราได้
“ น่าเสียดายดวงวิญญาณของเจ้าไม่สมบูรณ์ มิเช่นนั้นการสำเร็จเป็นเซียนคงใช่เรื่องยาก ” ชายชราเอ่ยขึ้น แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
!!
ผู้อาวุโสคนอื่นๆที่นั่งอยู่ ต่างหันกลับมามองเหยี่ยนฮ่าวเป็นสายตาเดียวกัน หลังจากที่ได้ยินการประเมินของชายชรา
“ ท่านผู้เฒ่าหมายถึง ” ไป่เซี่ยเอ๋อถามขึ้นด้วยท่าทีตกใจ เพราะในตระกูลนางตลอดสองหมื่นปีที่ผ่านมานอกจากบรรพชนเซียนรุ่นแรกแล้ว ก็ไม่เคยมีผู้ใดสำเร็จเป็นเซียนได้อีกเลย แม้แต่ไป่ซือเหยาที่เป็นผู้มีพรสวรรค์สูงที่สุด ท่านผู้เฒ่ายังประเมินไว้ว่ามีโอกาสเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ตอนนี้ตัวเหยี่ยนฮ่าวเองก็ยังอดตกตะลึงมิได้ เพียงแต่เป็นคนละเรื่องกับคนอื่น ตัวเขาตอนนี้สนใจเรื่องที่ว่าดวงวิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์มากกว่า มันหมายความว่าอย่างไรกัน
แต่หลังจากที่เห็นชายชราไม่ได้กล่าววาจาอะไรเพิ่มเติม ทุกคนจึงไม่สะดวกที่จะถามอะไรต่อ
“ สิงอี้ ” ชายชราพูดออกมาเบาๆ
พื้นที่ตรงด้านหลังเหยี่ยนฮ่าวสั่นไหวเล็กน้อย ชายชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า
เขาคุกเข่าหนึ่งข้างคำนับไปทางชายชรา “ ขอรับนายท่าน ”
“ เป็นอย่างไรบ้าง ” ชายชราถามขึ้น
“ เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ดูดซับพลังมารจากร่างเก้าหยินเลยแม้แต่น้อยขอรับ ” ชายคนนั้นตอบ
หลวงจีนมารมีสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที ส่วนไป่เซี่ยเอ๋อนางมีแววตาหมองลงเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ ประสกไป่งั้นตามที่เดิมพันไว้อาตมาต้องคงต้องขอตัวก่อน ” หลวงจีนมารพยักหน้าส่งสัญญาณให้เหยี่ยนฮ่าวเดินตามออกไปทันที
เมื่อเห็นเหยี่ยนฮ่าวเหมือนกำลังพูดบางอย่าง เขาจึงห้ามเอาไว้แล้วส่งสัญญาณว่าให้เงียบไว้แล้วค่อยหาที่สนทนากัน
หลังจากที่นำเหยี่ยนฮ่าวเหาะเหินมาไกลกว่าสามสิบลี้ หลวงจีนมารจึงหาสถานที่ปลอดภัยเพื่ออธิบายเรื่องราว
“ ไต้ซือมันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าเข้าไป ” เหยี่ยนฮ่าวถาม
“ หลังจากที่ประสกลอบเข้าห้องโถงไปได้ไม่นาน ขณะที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่อาตมาวางไว้ ตอนที่อาตมาจะขอให้ประมุขพรรคมารหมื่นพิษแพร่พิษไร้สภาพสยบคนในตระกูลผู้พิทักษ์ ”
“ ท่านผู้เฒ่าก็ปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือหลานของประมุขพรรคมารหมื่นพิษที่ถูกจับตัวไว้เสียก่อน ทำให้ข้อตกลงของอาตมากับประมุขพรรคมารหมื่นพิษกลายเป็นโมฆะ อาตมาไม่คาดคิดเลยว่าที่ท่านผู้เฒ่าหายสาบสูญไปสิบห้าปี จะเป็นเพราะรักษาตัวอยู่ในตระกูลผู้พิทักษ์”
“ ไต้ซือ…พลังฝีมือของท่านผู้เฒ่า” เหยี่ยนฮ่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ งั้นข้าต้องขอขอบคุณไต้ซือมาก หากวันข้างหน้าข้ามีโอกาสจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน ” เหยี่ยนฮ่าวโค้งคำนับไปทางหลวงจีนมารด้วยความเคารพ บุญคุณครั้งนี้เขาไม่มีทางลืม ยาเม็ดนี้มีความสำคัญกับเขามากถึงขึ้นเปลี่ยนชีวิตเขาได้เลย
“ ไต้ซือ..ข้าขอคืนสิ่งนี้ให้ท่าน ” เหยี่ยนฮ่าวยื่นกล่องหยกที่ใส่นิ้วที่ถูกตัดขาดกลับคืนไป
มองหลวงจีนมารที่รับเอากล่องหยกคืนไป แล้วรอซักครู่หนึ่งแต่ท่านก็ยังคงไม่กล่าวอะไรออกมา
...
เหยี่ยนฮ่าวก็เริ่มมีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามขึ้น
“ ไต้ซือท่านลืมอะไรบางอย่างไปรึป่าว ”
“ ลืมอะไรรึประสก ” หลวงจีนมารถามขึ้นด้วยแววตาขบขัน
เหยี่ยนฮ่าวก้มมองไปยังเงาของตนเองแล้วถามขึ้นเบาๆ “ ไต้ซือไม่นำนางกลับไปรึ.. ”
ครืนๆๆ
สิ้นเสียงของเหยี่ยนฮ่าวเงาของเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรงมันเปลี่ยนเป็นสีแดงทีละน้อย เหมือนไม่พอใจกับคำพูดของเหยี่ยนฮ่าว กลิ่นอายโลหิตอันเข้มข้นก็เริ่มกระจายออกมา รูปร่างของเงาเริ่มหดเล็กลงช้าๆจนเป็นรูปร่างของเด็กหญิงตัวเล็ก
“ เอ่อ..”
เหยี่ยนฮ่าวเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นมาโดยมิทราบสาเหตุ ความรู้สึกของเขาบอกว่าหากพูดอะไรออกไปอีก มันอาจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ
ความหวังสุดท้ายของเขาจึงอยู่ที่หลวงจีนมารที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
ท่ามกลางสีหน้าคาดหวังของเหยี่ยนฮ่าว หลวงจีนมารก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ อาตมาขอฝากนางไว้กับประสกซักพักนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ