เหยี่ยนฮ่าวควบม้าหนีออกไปด้วยความรวดเร็ว แต่เนื่องจากกองทัพแคว้นฉู่ได้ถอยทัพไปแล้ว ทำให้บริเวณรอบๆนี้เต็มไปด้วยทหารจากแค้วนจ้าวทั้งสิ้น เขาไม่รู้ว่าตนเองหมดสติไปนานแค่ไหน หากคิดหนีไปทางเส้นทางถอยทัพของแคว้นฉู่ อาจจะไปเจอกับกองทัพแคว้นจ้าวที่ยกทัพกลับมาก็ได้เช่นกัน
ดังนั้นเพื่อสลัดจากการติดตามของพวกหัวหน้าจ้าว เขาต้องล่อพวกมันไปที่ป่าแห่งความตายแดนต้องห้ามของคนมีชีวิต ผู้อาวุโสในตระกูลเคยเตือนไว้ว่าห้ามเข้าไปตรงป่าต้องห้ามที่รอยต่อชายแดนแคว้นฉู่กับแคว้นจ้าวเด็ดขาด แม้กระทั่งเวลาสองทัพทำศึกกัน ยังจงใจหลีกเลี่ยงบริเวณนั้นทุกครั้ง
มีเพียงสถานที่แบบนั้นเขาจึงสามารถหาทางรอดออกจากวงล้อมทหารแคว้นจ้าวได้ ท่านพ่อของเขาได้มอบของวิเศษที่ใช้ป้องกันพวกวิญญาณร้ายให้พกติดตัว คาดว่าเขาน่าจะเอาตัวรอดได้
สงครามครั้งนี้น่าจะสู้รบกันอีกหลายปีถึงรู้ผล หลังจากกองทัพฉู่พ่ายแพ้คงถอยกลับไปตั้งรับในเมืองชายแดน กองทัพแคว้นจ้าวก็น่าจะเริ่มสร้างป้อมปราการในเขตแดนแคว้นฉู่ คงอีกนานกว่าจะเริ่มการสู้รบครั้งใหม่ คงต้องหลบหนีเลาะไปทางชายป่าจนเข้าเขตเมืองชายแดนแคว้นฉู่ แล้วจึงค่อยหาทางกลับเข้ากองทัพ
“ ไอ้หนูยอมแพ้ซะ แกหนีไม่รอดหรอก” เสียงหัวหน้าจ้าวตระโกนไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด
!!
เหตุใดจึงไล่ตามมาไวนัก หรือว่า..
“ ขั้นรวมปราณ! ”
หลังจากที่หันไปเห็นม้าของหัวหน้าจ้าวขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ บนตัวม้ามีแสงสีฟ้าอ่อนจางๆของการใช้ปราณเข้าช่วยเพิ่มความเร็ว ยังโชคดีที่น่าจะเป็นเพียงรวมปราณขั้นต้น มิเช่นนั้นเขาคงถูกตามทันแล้ว
“ ข้าต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่งั้นโดนตามทันแน่ ” เขาบ่นออกมาเบาๆ
เหยี่ยนฮ่าวเอื้อมมือคว้าไปยังเกาทัณฑ์ข้างตัวม้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นของเจ้าของม้าคนเก่ามาถือไว้ในมือขวา แล้วจึงตั้งสมาธิคิดถึงความรู้สึกที่เคยฝึกฝนการใช้เกาทัณฑ์ในความฝัน จนค่อยๆเกิดความคุ้นชินทีละน้อย แม้ตั้งแต่เกิดมาตัวเขาจะไม่เคยสัมผัสเกาทัณฑ์มาก่อนก็ตาม
ควับ!
เขาใช้ขาทั้งสองข้างหนีบท้องม้าเอาไว้ แล้วจึงเอี้ยวตัวหันกลับไปด้านหลัง มือที่ถือเกาทัณฑ์เล็งตรงไปยังหัวหน้าทหารที่ตามมา แล้วปล่อยลูกศรออกไปทันทีสามดอกซ้อน
ฮึ่ม!
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง !
“ นี่มัน!” หัวหน้าทหารแค่นเสียงด้วยความตกใจ ลูกเกาทัณฑ์สามดอกนี้มารวดเร็วยิ่งนัก มีความแม่นยำและหนักหน่วงมาก
โชคดีที่เขาเป็นผู้ผึกยุทธขั้นรวมปราณ มีสัญชาตญาณสัมผัสถึงอันตรายล่วงหน้า ถึงสามารถใช้ดาบในมือป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็ทำให้เสียจังหวะในการไล่ตาม จนระยะห่างมากขึ้นกว่าเดิม
“ ด้วยอายุเพียงเท่านี้ ทั้งเชี่ยวชาญหอกและยังยิงเกาทัณฑ์บนหลังม้าได้ ”
“ สัตว์ประหลาดชัดๆ”
ต้องรู้ก่อนว่าการจะเชี่ยวชาญทั้งสองอย่างนี้นั้นยากมาก เคยมีคำเปรียบเปรยไว้ว่า
ฝึกดาบ 1 ปี ฝึกกระบี่ 10ปี ฝึกหอกชั่วชีวิต
นี่แสดงให้เห็นว่าหอกนั้นฝึกฝนได้ยากที่สุด แต่ถ้าเชี่ยวชาญแล้วก็จะเป็นจ้าวแห่งการฆ่าสังหารในสนามรบ เพราะหอกเป็นจักรพรรดิของอาวุธที่ใช้ในศึกสงคราม เหมาะกับการต่อสู้กับศัตรูหมู่มาก มีทั้งความอ่อนหยุ่นและดุดัน ว่องไวและแม่นยำเป็นอาวุธสังหารที่เด่นทั้งรุกและรับ
แต่หากอยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหอก จะต้องฝึกฝนในสนามรบโดยใช้การต่อสู้จริงขัดเกลาประสบการณ์ตนเอง แม่ทัพเก่งๆที่ใช้หอกได้อย่างเชี่ยวชาญมักจะฝึกฝนมานานสิบถึงยี่สิบปี
ซึ่งก็ทำให้เขาแปลกใจมาก ที่เห็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีที่พึ่งเข้าสนามรบเชี่ยวชาญหอกถึงเพียงนั้น แล้วนี่ยังสามารถยิงเกาทัณฑ์บนหลังม้าที่ต้องอาศัยการฝึกฝนนานนับสิบปีได้อีก
“ แต่ยิ่งเจ้าไม่ธรรมดาเท่าไหร่ ข้ายิ่งต้องจับเจ้าให้ได้ ”
หลังจากหนีการตามล่ามานับ100ลี้(1ลี้เท่ากับ500เมตร) ด้วยอาศัยการหันกลับไปยิงเกาทัณฑ์โจมตีก่อกวนเรื่อยๆ จนลูกเกาทัณฑ์หมด เหยี่ยนฮ่าวก็เริ่มมองเห็นเขตชายป่าต้องห้ามอยู่ไกลๆ มันมีบรรยากาศแปลกๆดูมืดมนน่าขนลุกกระจายออกมา
แม้เวลานี้ยังมีแสงแดดอ่อนๆในเวลายามเย็น แต่ก่อนถึงชายป่าประมาณหนึ่งลี้กลับมีหมอกสีข่าวขุ่นมัวปกคลุมไปทั่ว จนมีความรู้สึกหลอนของภาพลวงตาภูตผีปีศาจโผล่ออกมาเป็นระยะ
“ หยุด! อย่าไปทางนั้น ” หลังจากคาดเดาเส้นทางเหยี่ยนฮ่าวได้ หัวหน้าจ้าวร้องตระโกนออกมาทันที
“ บัดซบ นี่เจ้าอยากตายรึไง ”
เหยี่ยนฮ่าวเลือกที่จะเมินเฉยต่อเสียงด้านหลังโดยยังคงมุ่งหน้าต่อไปทางเดิมที่ตั้งใจไว้ เพราะตลอดเวลาที่หนีการไล่ล่ามามีกองทหารลาดตระเวนของแคว้นจ้าวอีกสองกลุ่มกำลังไล่ตามมาห่างๆเหมือนต้องการที่จะล้อมจับเขา ทางรอดทางเดียวของเขาจึงมีเพียงป่าด้านหน้าเท่านั้น
ขณะที่เข้าใกล้เขตหมอกมากขึ้นเรื่อยๆ เหยี่ยนฮ่าวก็เกิดรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งตัว เหมือนกับเส้นประสาทในสมองเขากรีดร้องบอกให้ถอยห่างจากป่าด้านหน้าห้ามเข้าไปเด็ดขาด
ในตอนที่ม้าของเขากำลังจะเข้าไปในเขตหมอก อยู่ดีๆมันก็สะดุ้งสุดตัว แล้วถีบตัวถอยหลังอย่างแรง จนขามันหักล้มนอนลงไปนอนบนพื้น ลำตัวของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แววตาที่มองไปทางหมอกนั้นมีแต่ความหวาดกลัว แล้วส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุด น้ำลายมันฟูมปากออกมาเป็นฟองแดงๆ มันพยามใช้ขาที่หักของมันลากตัวออกไปให้ห่างจากหมอกนั่นมากที่สุด
ก่อนที่ม้าเขาจะล้มลงเหยี่ยนฮ่าวก็กระโดดหลบออกมาก่อนแล้วโดยใช้หอกพยุงตัวไว้ โชคดีที่เขาไหวตัวทันเลยไม่ได้รับบาดเจ็บ
เมื่อมองเห็นอาการของม้า สายตาเขาก็มองผ่านเลยเข้าไปในหมอก ในนั้นเขาเห็นเงาคนรูปร่างผอมมีความสูงเกินสามเมตร แต่พอเขาละสายตาเพียงครู่เดียว เงานั้นก็มีขนาดเล็กลงจนเท่ากับคนปกติ
ตรงใบหน้าของมันนั้นเลือนลางและเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนที่เรารู้จักเรื่อยๆ จนมีความรู้สึกทั้งเหมือนคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย มันกำลังแสดงท่าทางแปลกๆ โดยมีแขนข้างหนึ่งที่ยาวมากจนผิดปกติ มันพยามจะยื่นมือมาคว้าตัวเขาเข้าไป
เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแหบพร่า กระซิบเรียกชื่อเขาข้างใบหู เหมือนมันจะพยายามดึงดูดให้เดินเข้าไปหา
โดยจำนวนของเงานั้นมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่เขากระพริบตา ตอนนี้หัวใจเขาเต้นช้าลงไปทุกที เหมือนมีสายลมอ่อนๆคอยดันตัวเขาให้ขยับเข้าไปใกล้เขตหมอกขึ้นทุกที
ในเวลาที่จิตใจเขาแทบจะพังทลาย ภาพเคล็ดวิชาจากแผ่นหินในความฝัน ก็จุดประกายเข้ามาในความคิดทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ