ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ นิยาย บท 4

      เหยี่ยนฮ่าวควบม้าหนีออกไปด้วยความรวดเร็ว แต่เนื่องจากกองทัพแคว้นฉู่ได้ถอยทัพไปแล้ว ทำให้บริเวณรอบๆนี้เต็มไปด้วยทหารจากแค้วนจ้าวทั้งสิ้น  เขาไม่รู้ว่าตนเองหมดสติไปนานแค่ไหน  หากคิดหนีไปทางเส้นทางถอยทัพของแคว้นฉู่ อาจจะไปเจอกับกองทัพแคว้นจ้าวที่ยกทัพกลับมาก็ได้เช่นกัน 

         ดังนั้นเพื่อสลัดจากการติดตามของพวกหัวหน้าจ้าว เขาต้องล่อพวกมันไปที่ป่าแห่งความตายแดนต้องห้ามของคนมีชีวิต  ผู้อาวุโสในตระกูลเคยเตือนไว้ว่าห้ามเข้าไปตรงป่าต้องห้ามที่รอยต่อชายแดนแคว้นฉู่กับแคว้นจ้าวเด็ดขาด   แม้กระทั่งเวลาสองทัพทำศึกกัน ยังจงใจหลีกเลี่ยงบริเวณนั้นทุกครั้ง  

มีเพียงสถานที่แบบนั้นเขาจึงสามารถหาทางรอดออกจากวงล้อมทหารแคว้นจ้าวได้  ท่านพ่อของเขาได้มอบของวิเศษที่ใช้ป้องกันพวกวิญญาณร้ายให้พกติดตัว  คาดว่าเขาน่าจะเอาตัวรอดได้ 

 

         สงครามครั้งนี้น่าจะสู้รบกันอีกหลายปีถึงรู้ผล หลังจากกองทัพฉู่พ่ายแพ้คงถอยกลับไปตั้งรับในเมืองชายแดน กองทัพแคว้นจ้าวก็น่าจะเริ่มสร้างป้อมปราการในเขตแดนแคว้นฉู่  คงอีกนานกว่าจะเริ่มการสู้รบครั้งใหม่  คงต้องหลบหนีเลาะไปทางชายป่าจนเข้าเขตเมืองชายแดนแคว้นฉู่  แล้วจึงค่อยหาทางกลับเข้ากองทัพ

           “ ไอ้หนูยอมแพ้ซะ แกหนีไม่รอดหรอก” เสียงหัวหน้าจ้าวตระโกนไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด

            !!

          เหตุใดจึงไล่ตามมาไวนัก   หรือว่า..

        “ ขั้นรวมปราณ! ” 

 

        หลังจากที่หันไปเห็นม้าของหัวหน้าจ้าวขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ บนตัวม้ามีแสงสีฟ้าอ่อนจางๆของการใช้ปราณเข้าช่วยเพิ่มความเร็ว  ยังโชคดีที่น่าจะเป็นเพียงรวมปราณขั้นต้น มิเช่นนั้นเขาคงถูกตามทันแล้ว 

        “ ข้าต้องทำอะไรซักอย่าง  ไม่งั้นโดนตามทันแน่ ”  เขาบ่นออกมาเบาๆ

 

        เหยี่ยนฮ่าวเอื้อมมือคว้าไปยังเกาทัณฑ์ข้างตัวม้า  ซึ่งคาดว่าจะเป็นของเจ้าของม้าคนเก่ามาถือไว้ในมือขวา  แล้วจึงตั้งสมาธิคิดถึงความรู้สึกที่เคยฝึกฝนการใช้เกาทัณฑ์ในความฝัน จนค่อยๆเกิดความคุ้นชินทีละน้อย  แม้ตั้งแต่เกิดมาตัวเขาจะไม่เคยสัมผัสเกาทัณฑ์มาก่อนก็ตาม  

 

ควับ! 

        เขาใช้ขาทั้งสองข้างหนีบท้องม้าเอาไว้ แล้วจึงเอี้ยวตัวหันกลับไปด้านหลัง มือที่ถือเกาทัณฑ์เล็งตรงไปยังหัวหน้าทหารที่ตามมา  แล้วปล่อยลูกศรออกไปทันทีสามดอกซ้อน

        ฮึ่ม! 

        เปรี้ยง เปรี้ยง  เปรี้ยง !

        “ นี่มัน!” หัวหน้าทหารแค่นเสียงด้วยความตกใจ ลูกเกาทัณฑ์สามดอกนี้มารวดเร็วยิ่งนัก มีความแม่นยำและหนักหน่วงมาก  

        โชคดีที่เขาเป็นผู้ผึกยุทธขั้นรวมปราณ มีสัญชาตญาณสัมผัสถึงอันตรายล่วงหน้า ถึงสามารถใช้ดาบในมือป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็ทำให้เสียจังหวะในการไล่ตาม  จนระยะห่างมากขึ้นกว่าเดิม

        “ ด้วยอายุเพียงเท่านี้ ทั้งเชี่ยวชาญหอกและยังยิงเกาทัณฑ์บนหลังม้าได้ ”

        “ สัตว์ประหลาดชัดๆ”

        ต้องรู้ก่อนว่าการจะเชี่ยวชาญทั้งสองอย่างนี้นั้นยากมาก เคยมีคำเปรียบเปรยไว้ว่า

        ฝึกดาบ 1 ปี  ฝึกกระบี่ 10ปี  ฝึกหอกชั่วชีวิต  

        นี่แสดงให้เห็นว่าหอกนั้นฝึกฝนได้ยากที่สุด แต่ถ้าเชี่ยวชาญแล้วก็จะเป็นจ้าวแห่งการฆ่าสังหารในสนามรบ เพราะหอกเป็นจักรพรรดิของอาวุธที่ใช้ในศึกสงคราม เหมาะกับการต่อสู้กับศัตรูหมู่มาก  มีทั้งความอ่อนหยุ่นและดุดัน  ว่องไวและแม่นยำเป็นอาวุธสังหารที่เด่นทั้งรุกและรับ 

        แต่หากอยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหอก จะต้องฝึกฝนในสนามรบโดยใช้การต่อสู้จริงขัดเกลาประสบการณ์ตนเอง แม่ทัพเก่งๆที่ใช้หอกได้อย่างเชี่ยวชาญมักจะฝึกฝนมานานสิบถึงยี่สิบปี

        ซึ่งก็ทำให้เขาแปลกใจมาก ที่เห็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีที่พึ่งเข้าสนามรบเชี่ยวชาญหอกถึงเพียงนั้น แล้วนี่ยังสามารถยิงเกาทัณฑ์บนหลังม้าที่ต้องอาศัยการฝึกฝนนานนับสิบปีได้อีก

        “ แต่ยิ่งเจ้าไม่ธรรมดาเท่าไหร่  ข้ายิ่งต้องจับเจ้าให้ได้ ”

 

        หลังจากหนีการตามล่ามานับ100ลี้(1ลี้เท่ากับ500เมตร) ด้วยอาศัยการหันกลับไปยิงเกาทัณฑ์โจมตีก่อกวนเรื่อยๆ จนลูกเกาทัณฑ์หมด เหยี่ยนฮ่าวก็เริ่มมองเห็นเขตชายป่าต้องห้ามอยู่ไกลๆ  มันมีบรรยากาศแปลกๆดูมืดมนน่าขนลุกกระจายออกมา 

         แม้เวลานี้ยังมีแสงแดดอ่อนๆในเวลายามเย็น  แต่ก่อนถึงชายป่าประมาณหนึ่งลี้กลับมีหมอกสีข่าวขุ่นมัวปกคลุมไปทั่ว จนมีความรู้สึกหลอนของภาพลวงตาภูตผีปีศาจโผล่ออกมาเป็นระยะ

        “ หยุด! อย่าไปทางนั้น ”  หลังจากคาดเดาเส้นทางเหยี่ยนฮ่าวได้ หัวหน้าจ้าวร้องตระโกนออกมาทันที

        “ บัดซบ  นี่เจ้าอยากตายรึไง ” 

        เหยี่ยนฮ่าวเลือกที่จะเมินเฉยต่อเสียงด้านหลังโดยยังคงมุ่งหน้าต่อไปทางเดิมที่ตั้งใจไว้  เพราะตลอดเวลาที่หนีการไล่ล่ามามีกองทหารลาดตระเวนของแคว้นจ้าวอีกสองกลุ่มกำลังไล่ตามมาห่างๆเหมือนต้องการที่จะล้อมจับเขา ทางรอดทางเดียวของเขาจึงมีเพียงป่าด้านหน้าเท่านั้น

 

        ขณะที่เข้าใกล้เขตหมอกมากขึ้นเรื่อยๆ  เหยี่ยนฮ่าวก็เกิดรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งตัว เหมือนกับเส้นประสาทในสมองเขากรีดร้องบอกให้ถอยห่างจากป่าด้านหน้าห้ามเข้าไปเด็ดขาด 

 

        ในตอนที่ม้าของเขากำลังจะเข้าไปในเขตหมอก  อยู่ดีๆมันก็สะดุ้งสุดตัว แล้วถีบตัวถอยหลังอย่างแรง จนขามันหักล้มนอนลงไปนอนบนพื้น  ลำตัวของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แววตาที่มองไปทางหมอกนั้นมีแต่ความหวาดกลัว แล้วส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุด น้ำลายมันฟูมปากออกมาเป็นฟองแดงๆ มันพยามใช้ขาที่หักของมันลากตัวออกไปให้ห่างจากหมอกนั่นมากที่สุด

 

        ก่อนที่ม้าเขาจะล้มลงเหยี่ยนฮ่าวก็กระโดดหลบออกมาก่อนแล้วโดยใช้หอกพยุงตัวไว้ โชคดีที่เขาไหวตัวทันเลยไม่ได้รับบาดเจ็บ 

        เมื่อมองเห็นอาการของม้า สายตาเขาก็มองผ่านเลยเข้าไปในหมอก ในนั้นเขาเห็นเงาคนรูปร่างผอมมีความสูงเกินสามเมตร แต่พอเขาละสายตาเพียงครู่เดียว เงานั้นก็มีขนาดเล็กลงจนเท่ากับคนปกติ  

        ตรงใบหน้าของมันนั้นเลือนลางและเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนที่เรารู้จักเรื่อยๆ จนมีความรู้สึกทั้งเหมือนคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย  มันกำลังแสดงท่าทางแปลกๆ  โดยมีแขนข้างหนึ่งที่ยาวมากจนผิดปกติ มันพยามจะยื่นมือมาคว้าตัวเขาเข้าไป 

        เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแหบพร่า กระซิบเรียกชื่อเขาข้างใบหู เหมือนมันจะพยายามดึงดูดให้เดินเข้าไปหา 

       โดยจำนวนของเงานั้นมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่เขากระพริบตา  ตอนนี้หัวใจเขาเต้นช้าลงไปทุกที เหมือนมีสายลมอ่อนๆคอยดันตัวเขาให้ขยับเข้าไปใกล้เขตหมอกขึ้นทุกที 

        ในเวลาที่จิตใจเขาแทบจะพังทลาย  ภาพเคล็ดวิชาจากแผ่นหินในความฝัน ก็จุดประกายเข้ามาในความคิดทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ