เหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์ที่นั่งบนเก้าอี้เดอะฟูลโบกมือและเสกไม้กางเขนเจิดจรัส
ไม้กางเขนทองแดงอมสีเขียวกำลังถูกประกบติดกับกระดุมธรรมดาๆ หนึ่งเม็ด บนพื้นผิวของกระดุมมีตะกอนถูกขับออกมาเป็นอนุภาคสีใสคล้ายผลึกแก้ว มอบความรู้สึกกดดันให้แก่ผู้พบเห็น
นี่คือกระดุม ‘ผู้พิพากษา’ ของเฮอร์มิท แคทลียาซึ่งถูกจองซื้อโดยมิสจัดจ์เมนต์ในราคาสามพันห้าร้อยปอนด์ ดังนั้น พลเรือเอกดวงดาวจึงต้องสังเวยให้มิสเตอร์ฟูลล่วงหน้า ตัวตนลึกลับรายนี้จะได้มีเวลาสั่งให้เทวทูตป่นตะกอนพลังและจัดระเบียบใหม่
และในชุมนุมทาโรต์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จัดจ์เมนต์ ซิลยังถามหาซื้อสูตรโอสถผู้พิพากษาในราคาสองพันปอนด์
จากข้อตกลงร่วมกัน ออเดรย์ไม่สามารถแบ่งปันสูตรโอสถทุกชนิดที่ได้รับจากการสำรวจ ‘การเดินทางของกรอซาย’ กับผู้อื่นได้ เพราะนี่คือ ‘ความช่วยเหลือฟรี’ หนึ่งครั้งที่เธอเคยติดค้างกับเดอะเวิร์ล แต่ในกรณีของเลียวนาร์ด มันสามารถขายสูตรโอสถและความรู้ทางประวัติศาสตร์จาก ‘การเดินทางของกรอซาย’ ได้อย่างอิสระ ทว่า ท้ายที่สุดแล้วจัดจ์เมนต์ ซิลก็ยังเชื่อใจเดอะเวิร์ลมากกว่า
ขั้นตอนการขับตะกอนพลังใกล้เสร็จแล้ว หลังจบงานนี้ เราสามารถนำไม้กางเขนเจิดจรัสไปแลกเปลี่ยนกับเดอะซันน้อยได้อย่างสบายใจ… ถ้าในอนาคตมีความต้องการที่คล้ายคลึงกัน สมาชิกคนอื่นคงพุ่งเป้าไปขอความช่วยเหลือจากเดอะซันมากกว่ามิสเตอร์ฟูล เพราะไม่มีใครอยากรบกวนตัวตนลึกลับบ่อยๆ ถ้าไม่จำเป็น…
ในอนาคต เมื่อเดอะซันน้อยใกล้จะเป็นครึ่งเทพ เราคงต้องหาวิธีป่นไม้กางเขนเจิดจรัสให้เป็นตะกอนพลัง… แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ถึงตอนนั้นเราคงกลายเป็นลำดับ 3 แล้ว สามารถระดมพลังของมิติลึกลับแห่งนี้ได้มากพอที่จะป่นสมบัติปิดผนึกให้แหลกละเอียด…
หลังจากผ่าน ‘การฆ่าเชื้อ’ ของมิติหมอก อาดัมไม่น่าจะใช้ไม้กางเขนเจิดจรัสเพื่อ ‘ล็อกเป้า’ เดอะซันน้อยได้… แต่ต่อให้หาพบ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะอามุนด์น้องชายอาดัมรู้มานานแล้วว่าเดอะซันน้อยเกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ฟูล…
อา… ดูเหมือนว่าอามุนด์สามารถเข้าออกดินแดนเทพทอดทิ้งได้อย่างอิสระ แต่ไม่รู้ว่าอาดัมทำได้เหมือนกันไหม… ไคลน์จับไม้กางเขนเจิดจรัสแยกออกจากกระดุมผู้พิพากษาซึ่งเริ่มสรรเสริญดวงอาทิตย์ ระหว่างที่รอให้เดอะซันน้อยประกอบพิธีกรรมสังเวย มันเฝ้ามองตะกอนพลังที่ถูกขับออกมาจับตัวกันเป็นก้อนอีกครั้ง
…
ภายในยอดหอคอยของเมืองเงินพิสุทธิ์
หลังจากจัดเตรียมแท่นบูชาเสร็จ เดอร์ริค·เบเกอร์ยืนจ้องตุ๊กตาดินเหนียวสีดำเดินเข้าไปใกล้แท่นบูชาโดยถือแท่งไม้ธรรมดาๆ ไว้ในมือ
หลังจากการสวดมนต์ที่สำรวจและดำเนินขั้นตอนที่จำเป็น ประตูแห่งการสังเวยและรับมองก็เปิดออก ไม้เท้าแห่งชีวิตถูกดูดเข้าไปและแทนที่ด้วยไม้กางเขนทองแดงอมเขียวซึ่งมีหนามแหลมล้อมรอบ
ขณะเดียวกัน ชื่อของไม้กางเขนดังขึ้นในหัวเด็กหนุ่มพร้อมกับวิธีการใช้และผลข้างเคียง
มันข่มความตื่นเต้นและรีบขอบคุณมิสเตอร์ฟูล จากนั้นก็สิ้นสุดพิธีกรรมและเดินไปทางด้านหน้าแท่นบูชา หยิบไม้กางเขนเจิดจรัสขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด
เก็บกวาดเสร็จ เดอร์ริคเดินออกจากห้อง ข้ามมายังห้องฝั่งตรงข้ามและเคาะประตู
“เข้ามา” โคลิน·อีเลียดส่งเสียงอนุญาต
เดอร์ริคบิดที่จับและดันประตูเปิด เดินเข้าไปพร้อมกับแสดงไม้กางเขนทองแดง
“ท่านเจ้าเมือง ตามที่เคยกล่าวไปแล้ว นี่คือสิ่งที่พระองค์เหลือทิ้งไว้… ชื่อของมันคือไม้กางเขนเจิดจรัส ใช้งานโดยการให้หนามที่พันรอบไม้กางเขนสัมผัสกับเลือดของผู้ถือ”
คราวนี้มันจงใจเลี่ยงคำว่า ‘มรดก’ และใช้ ‘สิ่งที่เหลือทิ้งไว้’ แทน
โคลินเจ้าของเส้นผมสีเทาหันมาจ้องตั้งแต่วินาทีที่เดอร์ริคถือไม้กางเขนเข้ามาในห้อง หลังจากฟังคำอธิบายจบ มันเดินไปเข้ามาใกล้ด้วยฝีเท้าหนักแน่น รับไปถือพร้อมกับตรวจสอบอย่างละเอียด
จนกระทั่งโคลิน·อีเลียดกดนิ้วโป้งลงบนหนามแหลม ปล่อยให้เลือดสีแดงไหลซึมออกมา
เมื่อคราบสีเขียวทองแดงลอกออก ไม้กางเขนเจิดจรัสก็เผยร่างจริงซึ่งเป็นแสงสว่างอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ส่งผลให้เงาดำทั้งหมดอันตรธานหายไปจากห้อง
จนกระทั่งบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์อันท่วมท้นปกคลุมทุกซอกมุม โคลินปล่อยนิ้วออกจากหนาม ถอนหายใจและกล่าว
“สิ่งนี่เป็นของพระองค์…”
แม้ว่ามันจะเกิดหลังจากเมืองเงินพิสุทธิ์ถูก ‘ทอดทิ้ง’ ถึงสองพันกว่าปีและไม่โอกาสได้สัมผัสถึงออร่าแห่งเทพโดยตรง แต่เมืองแห่งนี้ก็ยังเก็บรักษาวัตถุหลายชิ้นที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมสังเวยแด่พระผู้สร้าง และพวกมันจะถูกนำออกมาใช้ในยามสังเวยหญ้าผิวดำ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่โคลินจะสามารถระบุที่มาและต้นกำเนิดของไม้กางเขนในมือ
เดิมทีเดอร์ริคต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อได้ยินประโยคที่แฝงความหนักแน่นเมื่อครู่ มันกลับกล่าวสิ่งใดไม่ออก
โคลิน·อีเลียดมิได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม เพียงยืนถือไม้กางเขนเจิดจรัสอย่างเหม่อลอยเป็นเวลานาน
ผ่านไปหลายสิบวินาที ผู้นำสูงสุดแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ทำลายความเงียบด้วยการกล่าวเสียงต่ำ
“เป็นเรื่องดีที่สิ่งของของพระองค์กลับมาอยู่ในมือเราอีกครั้ง นี่คือลางสังหรณ์ว่ารุ่งอรุณกำลังจะมาเยือน… ผมขอยืมไม้กางเขนอันนี้สักครึ่งวันเพื่อแสดงต่อหน้าอาวุโสทุกคน… หึหึ… ถึงแม้จะเป็นผม แต่ก็ใช่ว่าจะแลกเปลี่ยนสมบัติวิเศษได้ตามใจชอบ… ในเมื่อผมทำไม้เท้าแห่งชีวิตสูญหาย อาวุโสคนอื่นก็ต้องได้ทราบเรื่องนี้และร่วมกันตัดสินบนลงโทษ… คุณต้องจำไว้ในดี ในฐานะหัวหน้า การตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวคือสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกันก็ต้องไม่กลัวที่จะรับผลกระทบที่ตามมา… ต่อให้ทำไปเพื่อเมืองเงินพิสุทธิ์ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณจะพ้นจากความผิด… บางทีการตัดสินใจในคราวนี้อาจถูกต้อง แต่คุณไม่มีทางเลือกถูกต้องได้ทุกครั้ง… สบายใจได้ ท้ายที่สุดแล้วไม้กางเขนเจิดจรัสอันนี้จะกลับสู่มือคุณ”
คำพูดของท่านเจ้าเมืองช่างซับซ้อน… คงต้องให้มิสเตอร์แฮงแมนช่วยอธิบายในการชุมนุมทาโรต์ครั้งหน้า… เดอร์ริคต้องการยกมือขวาขึ้นมาเกาท้ายทอยตามนิสัย แต่สุดท้ายก็หักห้ามใจตัวเองและเลือกที่จะอธิบายผลข้างเคียงด้านลบของไม้กางเขน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ