ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1134

หลังจากทริสซี่สวดวิงวอน อัญมณีรอบตัวหญิงสาวส่งเสียงปริแตก พวกมันแหลกเป็นผงและลอยขึ้น

ผงสีแดง น้ำเงิน เขียว และแสงสีสว่างระยิบระยับ บรรจบกันกลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก หลั่งไหลเข้าไปในแสงเทียนบนแท่นบูชา

พร้อมกันนั้น เส้นผมที่ไหม้เกรียมในหม้อต้มเริ่มลอยขึ้นมาผสมโรง

เปลวไฟขยายตัว ถักสานเรียงร้อยเข้าด้วยกัน ทวีความมืดมิด ดูคล้ายกับประตูมายาที่นำไปสู่โลกอื่น

ทริสซี่สัมผัสได้ทันทีว่า อุณหภูมิโดยรอบลดลงกะทันหัน คล้ายกับมีอันตรายนับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกจากเปลวไฟ

คำหนึ่งแล่นเข้าในหัวของเธอ เป็นคำเตือนจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“ห้ามประมาทมิสเตอร์ประตู”

สมแล้วที่มีผู้ส่งสารในระดับนั้น…ความเข้าใจเกี่ยวกับมิสเตอร์ประตู และความเข้าใจในแผนการของเรา อาจลึกซึ้งและแม่นยำกว่าที่เราคิด…ทริสซี่สูดลมหายใจแผ่ว รอคอยความคืบหน้าอย่างอดทน

เพียงพริบตา เธอรู้สึกว่าห้อง ‘แคบ’ ลงมาก หลายจุดถูกปกคลุมด้วยเงาดำ คล้ายกับมีสัตว์ประหลาดและสิ่งมีชีวิตแสนอันตรายซุกซ่อนอยู่

แสงไฟจากเทียนไขที่หรี่ลงจนสลัว แปรเปลี่ยนเป็นวังวนขนาดมหึมา

เมื่อวังวนเริ่มหมุน เสียงที่พร่ามัวแต่แหลมลึกดังมาจากด้านใน

“…ชีค?”

ทันทีที่ได้ยินเสียง เส้นเลือดบนหน้าผากทริสซี่พลันปูดโปน เจ็บปวดราวกับถูกเข็มหมุดจำนวนมากเจาะเข้าไปในศีรษะและคนกวน

ผมสีดำของเธอลอยขึ้นโดยปราศจากสายลม แต่ละเส้นหนาขึ้น ผิวหน้าเริ่มโปร่งใส หลอดเลือดใบหน้าทยอยปูดโปนจนดูคล้ายกับใยแมงมุม

หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดทริสซี่ก็ควบคุมสติได้ จากนั้น เธอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ อานุภาพของเสียงรุนแรงมากพอที่จะทำให้ผู้วิเศษส่วนมากคลุ้มคลั่งคาที่

“เป็นข้ารับใช้ของชีคสินะ…เมื่อก่อนเราเคยดูศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองด้วยกัน…และในภายหลังสามารถทะลวงผ่านมาถึงลำดับหนึ่ง…คนที่ยังรอดชีวิตจนถึงตอนนี้…คงเหลือแค่ ‘ช่างฝีมือ’ ‘ชีค’ และข้า…”

ทริสซี่ไม่แยแสคำตัดพ้อของมิสเตอร์ประตู กล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

“เรียนมิสเตอร์ประตูที่เคารพ ฉันมีเรื่องอยากถาม”

“ว่ามา…ช่วงเวลาอันยาวนานที่ต้องหลงทางท่ามกลางความมืดและพายุช่างน่าเบื่อ…หายากนักที่จะมีคนคุยด้วย…” เสียงอันน่าสะพรึงกลัวตอบกลับผ่านวังวนที่หมุนรอบตัวเองอย่างเชื่องช้า เนื้อเสียงแทบไม่แปรเปลี่ยน

กล้ามเนื้อใบหน้าทริสซี่กระตุกสองสามหนอย่างมิอาจหักห้าม เธอยังไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินกับเสียงเพรียกของตัวตนที่ทัดเทียมเทพมาร

เธอเว้นวรรคสองสามวินาทีก่อนจะกล่าว

“…ฉันอยากทราบว่า มีวิธีการพิเศษแบบใดบ้างที่ช่วยให้เข้าไปในสุสานลับทั้งเก้าแห่งของจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเตรียมประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืด”

ผ่านไปสักพัก เสียงมิสเตอร์ประตูดังออกจากความว่างเปล่าอันไร้ก้นบึ้ง

“แบบนี้นี่เอง…ไม่ยาก…ข้าจะมอบสัญลักษณ์ให้…เพียงเจ้ารวบรวมเลือดของผู้วิเศษจากเส้นทางต่าง ๆ และนำมาผสมเข้าด้วยกัน…เมื่อไปถึงด้านหน้าสุสาน ให้ใช้พลังวิญญาณวาดสัญลักษณ์ด้วยเลือดดังกล่าว…เส้นทางลับสำหรับเข้าไปด้านในจะเปิดออก…”

ขณะที่ตัวตนลึกลับกำลังพูด ประกายไฟลอยออกจากวังวนความมืด เรียงตัวกันเป็นสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนกลางอากาศ

ดูคล้ายกับประตูที่เรียกจากบานใหญ่ไปเล็ก ซ้อนทับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ

ทริสซี่กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดที่กำลังฉีกทำลายวิญญาณ พยายามจดจำสัญลักษณ์ จากนั้นก็ถามเพื่อยืนยัน

“ต้องรวบรวมเลือดจากยี่สิบสองเส้นทางผู้วิเศษ? ขอแค่เส้นทางละคน ไม่ต้องสนใจลำดับ? แต่ละเส้นทางต้องใช้เลือดมากแค่ไหน?”

มิสเตอร์ประตูยังตอบด้วยน้ำเสียงแบบเดิม

“ใช่แล้ว…ไม่ต้องมาก…เท่าหลอดแก้วใบเล็ก…แค่พอให้วาดสัญลักษณ์ได้จนจบ…”

แม้ทริสซี่จะมีใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด แต่เธออดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างหลังจากได้ฟังข้อมูลสำคัญ

เมื่อรวมสีหน้าทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันดูแปลกประหลาดราวกับเธอกำลังเสียสติ

หลังจากบรรลุจุดประสงค์หลัก ทริสซี่ตัดสินใจถามอีกหนึ่งข้อเพื่อรักษาน้ำใจเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมมือกันต่อไปในอนาคต

“ตระกูลอับราฮัมต้องการทราบวิธีขจัดคำสาปโบราณที่พวกเขากำลังเผชิญ”

วังวนอันมืดมิดเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะถอนหายใจยาวและกล่าว

“ประกอบพิธีกรรมด้วยการใช้ครึ่งเทพของเส้นทางนักทำนาย ผู้ฝึกหัด และนักจารกรรมอย่างละหนึ่งคนเป็นเครื่องสังเวย…เมื่อข้าหลบหนีออกจากพายุและทะลวงผ่านความมืดสำเร็จ…คำสาปจะถูกขจัดอย่างหมดจด…”

นักโทษ ใช้ของชารอนหรือไม่ก็มาริค…อาชญากร…ตอนนี้ยังนึกไม่ออก…

ผู้ส่องความลับ มาดามเฮอร์มิท…นักปราชญ์ ผู้ช่วยในการวิจัยของแฟรงค์…

สัตว์ประหลาด หุ่นเชิดเอ็นยูน…

เท่าที่นึกออก ส่วนใหญ่สามารถรวบรวมได้ในเวลาอันสั้น และทุกคนก็เชื่อใจเราพอสมควร ไม่กลัวว่าเราจะนำเลือดพวกเขาไปสาปแช่ง…สำหรับทริสซี่ หล่อนเป็นแม่มด คงมีวิธีตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเลือดกับร่างต้น…เหลือแค่ ‘ปีศาจ’ เท่านั้นที่ยังหายาก…แม้จะเคยเผชิญหน้ากับปีศาจมาบ้าง แต่ถ้าไม่ตายก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ปัจจุบันยังไม่มีตัวเลือกในใจ…

คงต้องถามเมืองเงินพิสุทธิ์ของเดอะซันน้อยว่า มีเลือดปีศาจเก็บไว้ในคลังบ้างไหม พวกเขาน่าจะเคยล่าปีศาจไม่มากก็น้อย…

ถ้าไม่มีประเด็นให้ฉุกคิด ไคลน์เองก็คงไม่ทราบว่า ผ่านไปเพียงไม่ถึงสองปีหลังจากเดินทางข้ามโลก มันสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งกับผู้วิเศษเกือบครบทุกเส้นทาง

ชายหนุ่มรวบรวมความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ไตร่ตรองเกี่ยวกับพิธีกรรมสำหรับช่วยเหลือมิสเตอร์ประตู

สังเวยครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม ผู้ฝึกหัด และนักทำนายอย่างละคน…ทั้งสามเส้นทางสามารถสับเปลี่ยนกันได้… หรือมิสเตอร์ประตูคิดจะนำทั้งสามเส้นทางมารวมกันชั่วคราว และใช้วิธีการที่ชาญฉลาดบางอย่างเพื่อเปิดเส้นทางหนี?

…ครึ่งเทพทั้งสามเส้นทางไม่ใช่เป้าหมายที่จะจับกุมได้ง่ายนัก กระทั่งตระกูลอับราฮัมในยุครุ่งเรืองก็อาจทำไม่สำเร็จ จึงไม่ต้องพูดถึงสมัยที่ผู้วิเศษลำดับสูงล้มตายไปเพราะคำสาปและสงครามสี่จักรพรรดิ…ฟังดูสิ้นหวังมาก…

หากมิสเตอร์ประตูอดทนและให้เวลาลูกหลานได้พัฒนาตัวเอง ก็ใช้ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว แต่ทำไมเขาถึงใจร้อนและเอาแต่ส่งเสียงเพรียกจนทำลายลูกหลานที่มีอนาคตไปทีละคน?

หรือว่าเสียสติไปแล้ว? คนบ้าที่พูดจาเหมือนคนปรกติ?

ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก เผากระดาษจดหมาย ส่งตัวเองเข้าไปในมิติหมอกเพื่อทำนายถามสองประเด็น

ผลลัพธ์การทำนายก็คือ วิธีลอบเข้าไปในสุสานเป็นของจริง และพิธีกรรมช่วยเหลือมิสเตอร์ประตูก็ถูกต้องเช่นกัน

จ้องมองลูกตุ้มวิญญาณในมือ ไคลน์นั่งนิ่งบนเก้าอี้พนักสูงเป็นเวลานาน

ผ่านไปอีกหลายนาที มันกำจี้บุษราคัมในมือซ้ายแน่นพลางพึมพำกับตัวเอง:

ตอนนี้แค่ต้องรอให้โอสถจอมเวทพิสดารถูกย่อยอย่างสมบูรณ์…จากนั้นก็ภาวนาให้จอร์จที่สามประกอบพิธีกรรม…

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ