หลังจากทริสซี่สวดวิงวอน อัญมณีรอบตัวหญิงสาวส่งเสียงปริแตก พวกมันแหลกเป็นผงและลอยขึ้น
ผงสีแดง น้ำเงิน เขียว และแสงสีสว่างระยิบระยับ บรรจบกันกลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก หลั่งไหลเข้าไปในแสงเทียนบนแท่นบูชา
พร้อมกันนั้น เส้นผมที่ไหม้เกรียมในหม้อต้มเริ่มลอยขึ้นมาผสมโรง
เปลวไฟขยายตัว ถักสานเรียงร้อยเข้าด้วยกัน ทวีความมืดมิด ดูคล้ายกับประตูมายาที่นำไปสู่โลกอื่น
ทริสซี่สัมผัสได้ทันทีว่า อุณหภูมิโดยรอบลดลงกะทันหัน คล้ายกับมีอันตรายนับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกจากเปลวไฟ
คำหนึ่งแล่นเข้าในหัวของเธอ เป็นคำเตือนจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“ห้ามประมาทมิสเตอร์ประตู”
สมแล้วที่มีผู้ส่งสารในระดับนั้น…ความเข้าใจเกี่ยวกับมิสเตอร์ประตู และความเข้าใจในแผนการของเรา อาจลึกซึ้งและแม่นยำกว่าที่เราคิด…ทริสซี่สูดลมหายใจแผ่ว รอคอยความคืบหน้าอย่างอดทน
เพียงพริบตา เธอรู้สึกว่าห้อง ‘แคบ’ ลงมาก หลายจุดถูกปกคลุมด้วยเงาดำ คล้ายกับมีสัตว์ประหลาดและสิ่งมีชีวิตแสนอันตรายซุกซ่อนอยู่
แสงไฟจากเทียนไขที่หรี่ลงจนสลัว แปรเปลี่ยนเป็นวังวนขนาดมหึมา
เมื่อวังวนเริ่มหมุน เสียงที่พร่ามัวแต่แหลมลึกดังมาจากด้านใน
“…ชีค?”
ทันทีที่ได้ยินเสียง เส้นเลือดบนหน้าผากทริสซี่พลันปูดโปน เจ็บปวดราวกับถูกเข็มหมุดจำนวนมากเจาะเข้าไปในศีรษะและคนกวน
ผมสีดำของเธอลอยขึ้นโดยปราศจากสายลม แต่ละเส้นหนาขึ้น ผิวหน้าเริ่มโปร่งใส หลอดเลือดใบหน้าทยอยปูดโปนจนดูคล้ายกับใยแมงมุม
หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดทริสซี่ก็ควบคุมสติได้ จากนั้น เธอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ อานุภาพของเสียงรุนแรงมากพอที่จะทำให้ผู้วิเศษส่วนมากคลุ้มคลั่งคาที่
“เป็นข้ารับใช้ของชีคสินะ…เมื่อก่อนเราเคยดูศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองด้วยกัน…และในภายหลังสามารถทะลวงผ่านมาถึงลำดับหนึ่ง…คนที่ยังรอดชีวิตจนถึงตอนนี้…คงเหลือแค่ ‘ช่างฝีมือ’ ‘ชีค’ และข้า…”
ทริสซี่ไม่แยแสคำตัดพ้อของมิสเตอร์ประตู กล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“เรียนมิสเตอร์ประตูที่เคารพ ฉันมีเรื่องอยากถาม”
“ว่ามา…ช่วงเวลาอันยาวนานที่ต้องหลงทางท่ามกลางความมืดและพายุช่างน่าเบื่อ…หายากนักที่จะมีคนคุยด้วย…” เสียงอันน่าสะพรึงกลัวตอบกลับผ่านวังวนที่หมุนรอบตัวเองอย่างเชื่องช้า เนื้อเสียงแทบไม่แปรเปลี่ยน
กล้ามเนื้อใบหน้าทริสซี่กระตุกสองสามหนอย่างมิอาจหักห้าม เธอยังไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินกับเสียงเพรียกของตัวตนที่ทัดเทียมเทพมาร
เธอเว้นวรรคสองสามวินาทีก่อนจะกล่าว
“…ฉันอยากทราบว่า มีวิธีการพิเศษแบบใดบ้างที่ช่วยให้เข้าไปในสุสานลับทั้งเก้าแห่งของจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเตรียมประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืด”
ผ่านไปสักพัก เสียงมิสเตอร์ประตูดังออกจากความว่างเปล่าอันไร้ก้นบึ้ง
“แบบนี้นี่เอง…ไม่ยาก…ข้าจะมอบสัญลักษณ์ให้…เพียงเจ้ารวบรวมเลือดของผู้วิเศษจากเส้นทางต่าง ๆ และนำมาผสมเข้าด้วยกัน…เมื่อไปถึงด้านหน้าสุสาน ให้ใช้พลังวิญญาณวาดสัญลักษณ์ด้วยเลือดดังกล่าว…เส้นทางลับสำหรับเข้าไปด้านในจะเปิดออก…”
ขณะที่ตัวตนลึกลับกำลังพูด ประกายไฟลอยออกจากวังวนความมืด เรียงตัวกันเป็นสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนกลางอากาศ
ดูคล้ายกับประตูที่เรียกจากบานใหญ่ไปเล็ก ซ้อนทับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
ทริสซี่กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดที่กำลังฉีกทำลายวิญญาณ พยายามจดจำสัญลักษณ์ จากนั้นก็ถามเพื่อยืนยัน
“ต้องรวบรวมเลือดจากยี่สิบสองเส้นทางผู้วิเศษ? ขอแค่เส้นทางละคน ไม่ต้องสนใจลำดับ? แต่ละเส้นทางต้องใช้เลือดมากแค่ไหน?”
มิสเตอร์ประตูยังตอบด้วยน้ำเสียงแบบเดิม
“ใช่แล้ว…ไม่ต้องมาก…เท่าหลอดแก้วใบเล็ก…แค่พอให้วาดสัญลักษณ์ได้จนจบ…”
แม้ทริสซี่จะมีใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด แต่เธออดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างหลังจากได้ฟังข้อมูลสำคัญ
เมื่อรวมสีหน้าทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันดูแปลกประหลาดราวกับเธอกำลังเสียสติ
หลังจากบรรลุจุดประสงค์หลัก ทริสซี่ตัดสินใจถามอีกหนึ่งข้อเพื่อรักษาน้ำใจเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมมือกันต่อไปในอนาคต
“ตระกูลอับราฮัมต้องการทราบวิธีขจัดคำสาปโบราณที่พวกเขากำลังเผชิญ”
วังวนอันมืดมิดเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะถอนหายใจยาวและกล่าว
“ประกอบพิธีกรรมด้วยการใช้ครึ่งเทพของเส้นทางนักทำนาย ผู้ฝึกหัด และนักจารกรรมอย่างละหนึ่งคนเป็นเครื่องสังเวย…เมื่อข้าหลบหนีออกจากพายุและทะลวงผ่านความมืดสำเร็จ…คำสาปจะถูกขจัดอย่างหมดจด…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ