เมื่อได้ยินคำตอบไคลน์ อามุนด์ยิ้มพลางส่ายหน้า และขณะกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตู มันถามอย่างเป็นกันเอง
“เจ้าคิดนามเต็มอันมีเกียรติเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“…จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับตัวเอง แต่ก็ต้องหลีกเลี่ยงการถูกระบุพิกัดโดยใช้การตอบสนองอัตโนมัติ จึงเหลือแค่ไม่กี่ชื่อที่เข้าข่าย” เมื่อตระหนักว่าตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดเผย ไคลน์ตัดสินใจไม่ปิดบัง พลางหวังว่าบทสนทนาจะช่วยให้พบโอกาสรอด
ขณะเดียวกันสมองชายหนุ่มกำลังประมวลผลอย่างหนัก
เราถูกปรสิตยึดร่างในเชิงลึก หากมีความคิดที่สร้างโทษ อามุนด์จะสัมผัสถึงทันที…
วันนี้เป็นวันเสาร์ใกล้จะถึงวันจันทร์อีกครั้ง หากเดอะฟูลยกเลิกการชุมนุมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า สมาชิกคงเกิดความตื่นตระหนก ประหม่า และสับสน ในบรรดาพวกเขาต้องมีใครสักคนที่พยายามอัญเชิญผู้ส่งสารเพื่อถามเหตุผล และเมื่อมิสผู้ส่งสารมาหาเรา เธอจะสังเกตเห็นอามุนด์และใช้ยันต์วันวานอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูพลังกลับไปยังจุดสูงสุด เมื่อเทวทูตได้รับพลังคืนมา ก็มีโอกาสที่จะเอาชนะร่างโคลนอามุนด์…
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้คือการอดทนและ ‘ยื้อชีวิต’ เป็นเวลาสองวัน!
หืม…ในเมื่ออามุนด์ยังขโมยชะตากรรมของเราไม่ได้ แล้วทำไมถึงพยายามเจรจาอย่างสันติ? เพราะไม่ว่ายังไง เจ้านี่ก็คงไม่อนุญาตให้เราเข้าสู่มิติหมอกเพื่อ ‘อนุญาต’ อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง เราจะหลุดพ้นจากการถูกยึดร่างและสามารถโต้กลับอีกฝ่ายได้ด้วยพลังของปราสาทต้นกำเนิด…
หรือเพราะ ‘คำสัญญา’ คือตัวกระตุ้น ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนหลังจากนั้น?
อามุนด์จงใจไม่พูดถึงมัน…
อย่างที่คิดหมอนั่นกำลังล่อลวงเรา!
ขณะไคลน์มองเห็นแสงสว่างและตัดสินใจจะยืดเวลาออกไปสองวัน อามุนด์ยังคงหมกมุ่นอยู่กับตามเต็มอันทรงเกียรติที่ไม่น่าจะมีมนุษย์หรือเทวทูตคนใดคิดออก
ขณะเดินนำออกจากห้อง มันเกาคางพลางกล่าว
“เจ้าเคยปกป้องละครและมายากลในเบ็คลันด์?”
เราเคยปกป้อง ‘นักตุกติก’ อยู่คนหนึ่ง…ไคลน์ที่มีแผนในใจ ยอมร่วมมือกับอีกฝ่ายมากขึ้น
“ผมเป็นนักมายากล และเคย ‘แสดงกล’ ในเบ็คลันด์หลายครั้ง”
อามุนด์ที่สวมแว่นพยักหน้ารับ
“ก็พอจะมีเหตุผล”
มันเดินออกจากห้องพักโรงแรมและลงบันไดออกไปยังถนน ไคลน์ตามไปไม่ห่างประหนึ่งคนรับใช้
เหลียวซ้ายแลขวาหนึ่งครั้ง อามุนด์จับกรอบแว่น ถอนหายใจพลางยิ้ม
“ช่างน่าเสียดาย”
“เสียดายอะไร?” ไคลน์ถามด้วยความสงสัย
ฉันโดนนายจับตัวแล้ว ยังมีอะไรให้ต้องเสียดาย?
อามุนด์กดหมวกผ้าไหมบนศีรษะ กล่าวโดยไม่หุบยิ้ม
“ลองเดาดูสิ…ถ้าเดาถูก ข้ายินดีช่วยให้เจ้ามีจุดจบที่ดีขึ้น”
ไคลน์ไม่เชื่อในคำสัญญาของอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้ถูกปั่นหัวจนเผลอคายความลับ ชายหนุ่มเพียงส่ายหน้าและกล่าว
“เดาไม่ถูก”
“น่าเบื่อชะมัด” อามุนด์ตอบห้วน กำมือขวาแผ่วเบาพลางสัมผัสกับกรอบแว่น
ไม่ว่าจะเป็นคนเดินถนน ต้นไม้ข้างทาง นกกระจอกบนหลังคา หนูในโคลนตม และจุลินทรีย์ในอากาศ หนอนแมลงมายาจำนวนมหาศาลลอยกลับมาหาอามุนด์ราวกับละอองดวงดาว
ร่างโคลนบุตรแห่งเทพรายนี้ยกระดับตัวตนกลายเป็นเทวทูตทันที
สำหรับไคลน์มันยกมือซ้ายขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนให้ถุงมือหนังมนุษย์โปร่งใส
นี่คือท่าเตรียมใช้เทเลพอร์ต
ในปัจจุบันจากบรรดาเครื่องแต่งกายทั้งหมดของไคลน์ มีเพียงยุบพองหิวโหยเท่านั้นที่เป็นของจริง ส่วนชิ้นอื่นถูกสร้างจากเลือดเนื้อด้วยพลังของผู้ไร้หน้า ไม่เว้นแม้แต่ถุงมืออีกข้าง
“…” เมื่อเห็นว่าเทเลพอร์ตเตรียมถูกใช้งาน ไคลน์ผงะก่อนจะโพล่งถาม
“ทำไมถึงไม่เทเลพอร์ตในห้อง?”
มันไม่ประหลาดใจเรื่องที่อามุนด์คิดจะพาตนออกจากเบ็คลันด์ เพราะมหานครแห่งนี้คือดินแดนที่แม้แต่ราชาเทวทูตก็ห้ามประมาท แต่ไคลน์ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องเปิดประตูห้อง เดินลงบันได และออกจากโรงแรมตามวิถีคนธรรมดา
ดวงตาหลังแว่นขาเดียวชำเลืองมาทางไคลน์ มุมปากขดขึ้นเล็กน้อย
“ข้าตอบไปแล้ว…น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากพาลีส”
แม้บนใบหน้าของเทวทูตกาลเวลาจะเผยรอยยิ้มอย่างชัดเจน แต่ไคลน์กลับมิอาจสัมผัสถึงอารมณ์ใดในดวงตาอีกฝ่าย และนั่นทำให้บรรยากาศเย็นเยียบเหนือคำบรรยาย
ม…หมอนี่มั่นใจว่าเราใกล้ชิดกับพาลีสโซโรอาสเตอร์…เพราะการร่วมมือกันครั้งล่าสุด? ไม่สิ หยุดคิดเดี๋ยวนี้! ไคลน์พยายามเข้าฌานเพื่อควบคุมมิให้ความคิดฟุ้งซ่าน อามุนด์จะได้ขโมยไปไม่ได้
อามุนด์ชำเลืองคนเดินถนนด้วยสายตาไม่แยแส จากนั้นก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีเทา
“ข้าคงต้องรอโอกาสถัดไป…สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการพาเจ้าไปที่นั่น”
ขณะกล่าว ร่างของไคลน์และอามุนด์โปร่งใสพร้อมกับเลือนหายไปจากทางเข้าโรงแรม แต่คนรอบข้างกลับไม่ตระหนักถึงความผิดปรกติ
หลังจากผ่านโลกวิญญาณที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ยากจะพรรณนาและสีสันอันฉูดฉาดซ้อนทับ ไคลน์กับอามุนด์ปรากฏตัวขึ้นกลางทะเล
ใต้ฝ่าเท้ามีรอยแยกขนาดมหึมา น้ำทะเลสีฟ้าครามถูกแยกออกจากกันและพรั่งพรูเข้าไปใน ‘ความมืด’ อันไร้ก้นบึ้งจนดูคล้ายกับน้ำตก แต่ไม่ว่าจะเติมเท่าไรก็ไม่มีทางเต็ม
ทางเข้าซากสมรภูมิแห่งเทพ
ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะถาม
“พวกเราจะไปดินแดนเทพทอดทิ้ง?”
‘น้ำตก’ อันงดงามสะท้อนอยู่บนกระจกแว่นของอามุนด์ มันพยักหน้าแผ่วเบาและตอบด้วยท่าทีเป็นกันเอง
“ถูกต้อง เมื่อพวกเราไปถึงที่นั่น แม้แต่ผู้ส่งสารของเจ้าก็คงมิอาจระบุตำแหน่งแม้จะมีการเชื่อมต่อทางพันธสัญญา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ