เมืองเงินพิสุทธิ์ ยอดหอคอยทรงกลม
หลังจากรอคอยเป็นเวลานาน เดอร์ริคเบเกอร์ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากเดอะฟูล
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้เด็กหนุ่มแตกตื่นเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่ามีความหมายเช่นไรและตนต้องทำอย่างไร
มิสเตอร์ฟูลอยู่ในสภาพที่มิอาจตอบสนอง? เมื่อสองวันก่อน พระองค์แจ้งว่าการชุมนุมในสัปดาห์หน้าอาจถูกยกเลิก นั่นคงเป็นสัญญาณ…เดอร์ริคที่นึกออกว่าเคยเกิดอะไรขึ้น พยายามข่มความกังวลอย่างยากลำบาก
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กหนุ่มจะออกอาการมากผิดปรกติ เพราะสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันเคยถูกบันทึกไว้ในตำนานเมืองเงินพิสุทธิ์
อยู่มาวันหนึ่งพระผู้สร้างที่คอยตอบสนองคำวิงวอนเป็นประจำ เลิกตอบสนองและทอดทิ้งดินแดนแห่งนี้!
หลังจากเงียบงันไปสักพัก เดอร์ริคลุกขึ้นยืน กลับไปที่ห้องเจ้าเมืองและพูดกับโคลิน
“เราคงต้องรออีกสองสามวัน”
“รอ?” นักล่าปีศาจโคลินทวนคำพลางขมวดคิ้ว
ตามความเห็นของมัน นี่เป็นเรื่องไม่ปกติ คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์ของพัฒนาการที่ไม่ดี
เดอร์ริคฝืนไม่ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย พยักหน้าเล็กน้อยอย่างยากลำบาก
“ใช่ครับ”
โคลินเจ้าของผมสีเทา จ้องเด็กหนุ่มสักพักก่อนจะผงกศีรษะรับ
“ตกลง คุณกลับไปก่อน”
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตตะวันออก ภายในบ้านเช่าสองห้องนอน
ฟอร์สซึ่งแต่งกายในเสื้อผ้าตัวหนา เดินวนเวียนไปมารอบเตาถ่านฟืน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความฉงน
ในที่สุดเธอตัดสินใจหันมองไปทางซิลบนเก้าอี้
“ทำไมมิสเตอร์เวิร์ลถึงยังไม่ตอบ?”
“บางทีเขาอาจกำลังยุ่งอยู่กับงานบางอย่าง” ซิลเล่าเหตุผลที่เธอคิดมาสักพัก “หรือบางที มิสเตอร์ฟูลอาจไม่สะดวกที่จะถ่ายทอดข้อความของเธอ เพราะท่านถึงกับยกเลิกการชุมนุม”
ฟอร์สพยักหน้าไตร่ตรอง
“มิสเตอร์ฟูลเปรยว่าการชุมนุมในสัปดาห์หน้าอาจยกเลิก จากนั้นท่านก็ตัดสินใจในช่วงกลางสัปดาห์…คิดว่าจะเกี่ยวกับจอร์จที่สามไหม?”
เมื่อนึกทบทวนการสืบสวนที่มิสเตอร์เวิร์ลดำเนินการมาเป็นเวลานาน ซิลอืมในลำคอ
“เป็นไปได้”
…
ดินแดนเทพทอดทิ้งภายในเมืองที่รกร้าง
อามุนด์ซึ่งแต่งกายในชุดคลุมจอมเวทสีดำ นำทางไคลน์เข้าไปในวิหารที่มีสภาพค่อนข้างดี
เสาหินของที่นี่เอียงและหักเล็กน้อย วัชพืชสีแดงเข้มงอกเงยตามซอกด้านบนและรัดพันรูปปั้นนก
ไคลน์ในสภาพถือตะเกียงหนัง มองไปรอบตัวพร้อมกับยืนยันว่าชาวเมืองยังไม่ตายทั้งหมด ชายหนุ่มไม่ทราบว่าอีกฝ่ายแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดและอาศัยในความมืดได้อย่างไร แต่พวกมันพยายามหลีกเลี่ยงแสงสีเหลืองจากตะเกียงและซุ่มรอโจมตีไคลน์กับอามุนด์
เหตุผลที่ไคลน์ยืนยันได้ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้เคยเป็นชาวเมือง เพราะด้ายวิญญาณของพวกมันเกิดการกลายพันธุ์ในระดับหนึ่ง มีสีเทาลักษณะบิดเบี้ยว แตกต่างจากสัตว์ประหลาดในจุดอื่น คล้ายคลึงกับศพในโลงหน้าบ้านมากกว่า
ต้องสิ้นหวังและเผชิญความล่มสลายมากเพียงใด มนุษย์ที่เหลือรอดถึงเลือกเดินบนเส้นทางแบบนี้…บางที ความสิ้นหวังจากก้นบึ้งหัวใจอาจก่อตัวขึ้นเมื่อตระหนักว่าชีวิตของตนไม่มีอนาคต แถมสภาพแวดล้อมก็ยังย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง…ไคลน์ครุ่นคิดด้วยอารมณ์ซับซ้อนจากนั้นก็รีบตั้งสติ
มันต้องการเห็นแสงแห่งความหวัง แต่กลับได้เห็นความหดหู่และสิ้นหวังยิ่งกว่าเก่า
อามุนด์ที่สวมแว่นตา เดินไปตามขอบแสงสว่างจนกระทั่งถึงส่วนลึกที่สุดของวิหาร
หลังจากไคลน์เดินตามเข้ามา มันเห็นประตูที่ส่องแสงสีซีด
“เมืองแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน แสงสว่างและความมืด พวกเขาใช้พลังของเส้นทางผู้ฝึกหัดเพื่อซุกซ่อนบางพื้นที่ โดยต้องใช้ประตูพิเศษในการผ่านเข้าออก” อามุนด์ชี้ไปข้างหน้า
พลังของจอมเวทลึกลับ? ไคลน์พยักหน้าหนักแน่น บ่งบอกว่ามันเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
อามุนด์กล่าวต่อไป
“เบื้องหลังประตูบ้านนี้เป็นส่วนความมืดของเมือง และข้าสามารถใช้มันเพื่อเดินทางไปยังจุดที่คล้ายคลึงกันซึ่งอยู่ห่างออกไป ช่วยให้การเดินทางของเราสั้นลงมาก”
สมแล้วที่เป็นร่างจุติของช่องโหว่…ไคลน์จ้องอามุนด์ที่กำลังเหยียดแขนซ้ายออกมากดประตูแสง
แสงสว่างเกิดการกระเพื่อมและแผ่ขยายไปยังบริเวณโดยรอบ
ทันใดนั้นร่างของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืด พลันสั่นกระตุกและกลายเป็นหุ่นเชิดไคลน์
ราวยี่สิบถึงสามสิบวินาทีก่อนไคลน์เข้าควบคุมเบื้องต้นรอไว้แล้ว และรอคอยโอกาสปัจจุบันเพื่อเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดอย่างสมบูรณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ