เมืองจันทรา
มนุษย์จำนวนมากเดินออกจากอาคารที่ค่อนข้างมั่นคงแม้พื้นผิวจะเต็มไปด้วยร่องรอยโบราณ หลายคนพิการ และหลายคนเกิดการกลายพันธุ์เล็กน้อย
มนุษย์กลุ่มดังกล่าวมองหน้ากันเองด้วยความฉงน
ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนก่อนจะถึงพิธีกรรมสังเวยสุริยัน แล้วเหตุใดมหานักบวชถึงเรียกทุกคนมารวมตัวที่จัตุรัส?
เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น? เหล่าชาวเมืองจันทราที่เดินมารวมตัวในจัตุรัสเพียงแห่งเดียวของเมือง ต่างพากันหวาดกลัว กังวล และสับสน
เวทียังคงว่างเปล่า ดูเหมือนว่าผู้เรียกประชุมจะยังมาไม่ถึง
ชาวเมืองจันทรารวมตัวกันอย่างเป็นระเบียบโดยแบ่งตามเขตพักอาศัย ระหว่างกำลังรอก็กระซิบกระซาบคุยกัน
“ทำไมท่านมหานักบวชยังไม่มาอีก?”
“เขาเป็นพวกไม่ชอบให้คนอื่นรอไม่ใช่หรือ?”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงต้องเรียกรวมชาวเมืองทั้งหมดนอกจากเวรยาม?”
…
ท่ามกลางความวุ่นวาย บนยอดหอคอยใกล้กับจัตุรัส มหานักบวชนีมกำลังเอนตัวพิงกำแพงพลางมองออกไปนอกกระจกแก้วด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวราวกับกำลังอดทนบางสิ่ง
ผมสีเทาของมันกำลังตั้งชูชัน เส้นขนสั้นสีดำทยอยผุดขึ้นบนใบหน้า ตำแหน่งบริเวณซี่โครงและสะโพกบวมขึ้นในลักษณะยุบพองคล้ายกับมีบางสิ่งเตรียมงอกเงยออกมา
การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปรกติดังกล่าวเกิดขึ้นและหายไปอย่างต่อเนื่อง ราวกับนีมต้องป่วยหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบรรยากาศรอบตัวชั่วร้ายและน่าสะพรึง
จนในที่สุดก็สงบลงหลังจากผ่านไปราวหนึ่งนาที มันผ่อนลมหายใจพลางปาดเหงื่อบนหน้าผาก
เมื่อครู่มันกำลังเผชิญหน้ากับความบ้าคลั่งที่สั่งสมอยู่ในร่างกาย
และโดยพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นผู้วิเศษเส้นทางใด ยิ่งมีลำดับสูงก็ยิ่งเข้าใกล้ภาวะเสียสติและมีแนวโน้มสูงที่จะคลุ้มคลั่ง สิ่งนี้คือสัจธรรมของมนุษย์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง จำเป็นต้องพึ่งพาหลักยึดเหนี่ยวนอกร่างกายเพื่อคงสมดุลเอาไว้
ในกรณีทั่วไป อาการแบบนีมจะไม่ปรากฏในลำดับ 3 หรือ 4 แต่จะชัดเจนมากขึ้นเมื่อกลายเป็นเทวทูตลำดับ 2 อาการรุนแรงถึงขั้นที่ยังถลำลึกลงสู่ความมืดได้แม้จะมีหลักยึดเหนี่ยวคอยค้ำจุน เมื่อเผชิญกับภาวะความผิดปรกติดังกล่าว ผู้วิเศษต้องผ่านมันไปด้วยพลังใจอันเข้มแข็งจนกระทั่งสถานการณ์คลี่คลาย
ภายนอกอาจดูเหมือนตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์และสำรวม สามารถตอบสนองคำวิงวอน สวดมนต์ตามปรกติ รวมถึงการยิงมุกตลก แต่ในบางครั้งก็ต้องหลบซ่อนในมุมมืดและฉีกเนื้อเฉือนหนังตัวเอง เผยให้เห็นความชั่วร้ายและบ้าคลั่ง
เป็นเพราะนีมกินเนื้อสัตว์ประหลาดมายาวนาน ร่างกายจึงสะสมพิษ การกัดกร่อน และความบ้าคลั่งไว้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสตั้งแต่ลำดับสี่
แต่แน่นอน เหตุการณ์แบบเดียวกันจะเกิดขึ้นกับลำดับสามและสี่ ที่ไม่รู้จักเทคนิคสวมบทบาทหรือเลื่อนลำดับด้วยวาสนา
นีมหันหลังและเดินออกจากห้องเมื่อร่างกายกลับเป็นปรกติ จากนั้นก็อาศัยประตูมายามาโผล่บนเวทีใจกลางจัตุรัสในพริบตา
การกระซิบกระซาบทั้งหมดหยุดลงทันที ชาวเมืองจันทราต่างจ้องมองมหานักบวชด้วยสายตาฉงนเจือกระสับกระส่าย
นีมมองไปรอบตัวและพูด
“หน่วยล่าที่นำโดยอดาลได้พบกับคนนอก”
คนนอก! ดวงตาชาวเมืองจันทราพลันเบิกกว้างประหนึ่งถูกฟ้าผ่ากลางวันแสก
เป็นเวลากว่าสองพันปีแล้วที่เมืองจันทราไม่ได้พบกับคนนอก! แน่นอนว่าหมายถึงปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ มิใช่สัตว์ประหลาด
นีมถอนหายใจยาวและกล่าวต่อ
“เขาอ้างตัวว่าเป็นผู้เผยแผ่ศาสนาที่คอยนำพาแสงสว่างจากเทพ… เขาสามารถทำให้ม่านหมอกหนาทึบเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง นอกจากนั้นยังช่วยชำระล้างพิษและการกัดกร่อนที่สั่งสมในร่างกายอดาลและคนที่เหลือ แถมยังแก้ไขการกลายพันธุ์ได้บางส่วน”
กล่าวถึงตรงนี้ มันหันไปพยักหน้าในทิศทางด้านข้างเวที อดาลกับซินที่ยืนรอในเงามืดจึงเดินถือคบเพลิงขึ้นมายืนข้างนีมเพื่อใช้ร่างกายตัวเองเป็นหลักฐานยืนยันคำพูดมหานักบวช
“บ้าน่า…”
“พระเจ้า!”
“นี่คืออดาลกับซินจริงหรือ?”
“เป็นพวกเขาจริงๆ … ไม่ผิดแน่…”
เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจเจือตกตะลึงผสมผสานกันอย่างเข้มข้น
อดาลและซินมองหน้ากันก่อนจะก้าวขาออกมา ช่วยกันเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ที่หน่วยล่าได้พบเจอ
ชาวเมืองได้ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับจุดแสงที่สว่างขึ้นในความมืดอย่างกะทันหัน กางเขนที่สาดแสงเจิดจ้า ไม้เท้าที่สามารถรักษาการกลายพันธุ์และโรคภัย ได้ฟังเรื่องที่สายหมอกสีเทาแยกออกจากกัน รวมถึงประตูมายาที่ก่อตัวอย่างไม่สมบูรณ์ จนกระทั่งได้ยินคำอธิบายจากสมาชิกหน่วยล่าเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชาวเมืองจันทราต่างพากันปิดปากเงียบไปพักใหญ่
ใครบางคนหลั่งน้ำตาโดยไม่รู้ตัว เป็นเพราะพวกมันได้เห็นแสงสว่างหลังจากจมอยู่กับความหดหู่และเหน็ดเหนื่อยมานาน
หยาดน้ำตาแฝงความอบอุ่นปนเค็มไหลจากแก้มผ่านมุมปากจนกระทั่งหยดลงพื้น
คนที่ยังพอจะมีสติคิดวิเคราะห์ยกมือขึ้นเพื่อแสดงความเห็น
“ผู้เผยแผ่ศาสนาคนนั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาดชนิดพิเศษจากในความมืดแน่หรือ”
“อดาลและซินทำตัวเช่นนี้เพราะกำลังถูกครอบงำและบงการหรือไม่?”
หลังจากคำถามที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงบลง นีมกล่าวเสียงขรึม
“ผมตรวจสอบพวกเขาด้วยสมบัติปิดผนึกแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบความผิดปรกติใดเลย… ผมจะให้พวกเขาพักอาศัยในหอคอยมืดเพื่อกักตัวเป็นเวลาสิบห้าวัน”
มันกล่าวต่อหลังจากรับปากชาวเมือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ