ในท่าถือไม้เท้าด้วยมือข้างหนึ่ง ไคลน์ใช้มืออีกข้างล้วงหยิบเหรียญทองออกจากความว่างเปล่าและดีดขึ้นฟ้า
วิวรณ์ผลการทำนายปรากฏขึ้นในใจขณะเหรียญทองกำลังหมุนรอบตัวเองกลางอากาศ
เป็นฉากของหุบเหวร่องลึก ด้านล่างเป็นอาคารกว้างที่ดูหนาซึ่งปกคลุมไปด้วยชั้นสีเทาอ่อน
ไคลน์ได้รับรายละเอียดของเชอร์โนบิลในยามที่เคยเห็นครั้งแรกอย่างครบถ้วน โดยสิ่งนี้มิได้มาจากโลกวิญญาณ หากแต่เป็นจิตใต้สำนึกของตัวไคลน์เอง
ชายหนุ่มสร้างฉากที่คมชัดขึ้นภายในใจด้วยความช่วยเหลือจากวิชาทำนายฝัน
อัญมณีสีดำบนหัวไม้เท้าส่องแสงทันทีที่ภาพสมบูรณ์ ภาพฉายของไคลน์หายตัวไปพร้อมไม้เท้าและโผล่เหนืออาคารสีเทาอ่อน
ไคลน์เดินทางจากสุดขอบตะวันออกของดินแดนเทพทอดทิ้งมายังเชอร์โนบิลภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที!
หนึ่งในพลังหลักของไม้เท้าดวงดาวก็คือ หากฉากในจินตนาการของผู้ถือยังมีอยู่จริงบนโลกนี้ ไม้เท้าดวงดาวจะช่วยให้ผู้ถือข้ามผ่านอุปสรรคทั้งหมดมาโผล่ในฉากดังกล่าวทันที
แต่มีเงื่อนไขสำคัญก็คือ ฉากในจินตนาการจะต้องสมบูรณ์เชิงโครงสร้าง ไม่มีจุดใดเลยที่แตกต่างจากต้นฉบับ
การที่ไคลน์เลือกลงมายังด้านล่างหุบเหวลึกซึ้งเป็นที่ตั้งของเชอร์โนบิลโดยตรง มิใช่หมอกสีเหลืองด้านบน เพราะทราบดีว่าบุตรชายคนสุดท้องของราชาคนยักษ์ เทพแห่งเกียรติยศบลาเดล ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์แล้วหลังเป็นอิสระจากคำสาป นั่นหมายความว่าบริเวณโดยรอบทั้งหมดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จุดเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบคือเชอร์โนบิลปริศนาซึ่งมีคุณค่าในสายตาเทพสุริยันบรรพกาลและอามุนด์
แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันว่าหุบเหวลึกและอาคารสีเทาจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเสียทีเดียว ไคลน์เองก็เตรียมตัวรับมือกับความล้มเหลวไว้แล้วทุกสิ่งล้วนเป็นของปลอมไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่ใช้งานไม้เท้าหรือตัวไม้เท้าเอง สูญหายไปก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดาย
ไคลน์ที่ลอยตัวกลางอากาศไม่มีเวลาแม้แต่จะได้สำรวจสถานการณ์รอบตัว ร่างกายทิ้งดิ่งลงเบื้องล่างในพริบตา
ชายหนุ่มมิได้สวมยุบพองหิวโหยหรือแปลงกายเป็นสัตว์ปีก ย่อมบินไม่ได้ในสถานะปัจจุบัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าครึ่งเทพเส้นทางนักทำนายจะแข็งแกร่งและพิสดารสักเพียงใด ก็ยังมีบางมุมที่เป็นมนุษย์ธรรมดา
ท่ามกลางกระแสความคิด พลังพิเศษชนิดหนึ่งผุดขึ้นในความทรงจำ
อัญมณีบนหัวไม้เท้าดวงดาวส่องแสงทันทีพร้อมกับสร้างสายลมห้อมล้อม
สายลมดังกล่าวทำให้เสื้อกันลมสีดำของไคลน์พัดกระพือ แต่ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ร่วงหล่นช้าลง
มือขวาไคลน์ขยับเล็กน้อยในระหว่างนั้น เป็นการส่งภาพฉายของไม้เท้าดวงดาวกลับไปยังตำแหน่งเดิม เพื่อมิให้เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากจินตนาการฉากใดในความคิดโดยไม่ตั้งใจ
ทันทีหลังจากนั้น มือซ้ายชายหนุ่มเลื่อนขึ้นมากดหมวกบนศีรษะ ตามด้วยการดึงภาพฉายของตะเกียงออกจากความว่างเปล่าก่อนที่สายฟ้าเส้นถัดไปจะผ่าลงมา
ฝ่าเท้าไคลน์ที่สวมรองเท้าหนังเหยียบลงบนพื้นก้นหุบเหวโดยอาศัยแสงสลัวจากตะเกียง และดูเหมือนว่าภายในความมืดมิดรอบตัวจะมีสัตว์ประหลาดจำนวนหนึ่งซุ่มซ่อนอยู่
เบื้องหน้าชายหนุ่มคือเชอร์โนบิลสีเทาอ่อนที่แบ่งออกเป็นหลายชั้น
แสงของสายฟ้าผสานเข้ากับแสงจากตะเกียง ช่วยให้ไคลน์มองเห็นสถานการณ์รอบตัวอย่างชัดเจน
อาคารสีเทาอ่อนที่หนาและกว้างหลังนี้ไม่มีประตูแม้แต่บานเดียว!
หืม…ทุกซอกมุมถูกผนึก…เราจำได้ว่าเทพสุริยันบรรพกาลเดินออกมาโดยการสร้างรอยแยกมายาบนผนังสีเทา…ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์นึกทบทวนฉากในความทรงจำพลางท่องพระนามเต็มของเดอะฟูล
ณ สุดขอบตะวันออกของดินแดนเทพทอดทิ้ง ด้านข้างม่านหมอกหนาทึบใกล้กับเมืองจันทรา ไคลน์ผู้ซ่อนตัวอยู่ในสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ถูกเข้าสู่ปราสาทต้นกำเนิดทันที จากนั้นก็มองเข้าไปในจุดแสงแห่งการสวดวิงวอนเพื่อตรวจสอบรายละเอียดด้วยตาทิพย์
ไม่มีอามุนด์แม้แต่ตัวเดียวไม่ว่าจะเป็นก้นหุบเหวหรือด้านบนที่ยังมีหมอกสีเหลืองเจือจาง
สำหรับเชอร์โนบิล แม้แต่ตาทิพย์ของไคลน์ก็มิอาจส่องเข้าไปตรวจสอบด้านในได้
คล้ายกับด้านหลังของชั้น ‘สีเทาอ่อน’ จะไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
คิดไว้แล้วว่าต้องไม่ธรรมดา…เป็นถึงสถานที่ที่เทพสุริยันบรรพกาลเดินออกมาครั้งแรก…หลังจากถอนหายใจยาว ไคลน์ออกจากปราสาทต้นกำเนิดและกลับไปยังช่วงก่อนยุคสมัยที่หนึ่งในสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์
‘ไคลน์’ ด้านนอกเชอร์โนบิลได้สติกลับคืนมา จากนั้นก็เหยียดแขนและดึงบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ออกจากความว่างเปล่า
มันพลิกไปยังหน้าหนึ่งและเตรียมใช้พลังเปิดประตูของผู้ฝึกหัดที่ถูกบันทึกไว้
พฤติกรรมดังกล่าวค่อนข้างบุ่มบ่ามสำหรับไคลน์ แต่นั่นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเมื่อพิจารณาว่าร่างนี้เป็นเพียงภาพฉาย
พลังของเส้นทางนักทำนายทำให้เรารอบคอบและประมาทในเวลาเดียวกัน…ต้องเตรียมการวางแผนอย่างรอบคอบก่อนลงมือ แต่เมื่อลงมือไปแล้วก็กลายเป็นคนประมาททันที…รำพันจิกกัดตัวเองเสร็จ ไคลน์เดินผ่านเข้าไปภายในเชอร์โนบิลอย่างเงียบงัน
ในที่สุดไคลน์ก็เดินผ่านชั้นสีเทาอ่อนหลังจาก ‘เปิดประตู’ อยู่หลายครั้ง เบื้องหน้าเป็นบานประตูโลหะขนาดใหญ่ที่เปิดค้างไว้
บานประตูโลหะมิได้สูงมาก แค่ราวสองเมตรครึ่งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ามีไว้ให้มนุษย์ใช้งาน
หน้าประตูมีคราบสีดำสองจุดและปืนกลสองกระบอกที่ล้ำสมัยกว่าอาวุธในยุคปัจจุบันไปไกล
ปืนกลสองกระบอกดังกล่าวดูคล้ายกับสิ่งที่ไคลน์เคยเห็นในนิตยสารจากโลกเก่า แต่ก็ไม่มั่นใจสักเท่าไรเพราะไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ด้านปืน
ไคลน์ไม่ได้หยิบพวกมันขึ้นมาตรวจสอบ เพราะสัมผัสวิญญาณแจ้งอย่างชัดเจนว่าปืนกลสองกระบอกนี้อยู่ในสภาพผุกร่อนโดยสมบูรณ์ หากมีสิ่งใดไปสัมผัสเข้าจะสลายตัวทันที
จ้องมองสักพัก ชายหนุ่มสลายบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ก่อนจะเดินถือตะเกียงผ่านคราบดำสองจุดและผ่านเข้าไปในประตู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ