ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1242

เกาะโบราณที่จักรพรรดิค้นพบโดยบังเอิญ… สัตว์บนเกาะกราบไหว้บูชาพลังลึกลับจากอวกาศ… หากยังไปไม่ถึงระดับเทวทูต ลำพังการเข้าใจเกี่ยวกับอวกาศก็มากพอจะทำให้ถูกกัดกร่อน… พยายามอย่าขอพรจากเทพแห่งตะเกียงหรือพาไปยังเกาะโบราณนั่น… แคทลียาซึ่งในที่สุดก็ได้รับการตอบสนองจากเดอะฟูล ถึงคราวถอนหายใจโล่งอก

หญิงสาวชำเลืองไปทางตะเกียงวิเศษประทานพรที่ไม่มีการตอบสนองก่อนจะรีบนำไปเก็บ จากนั้นเธอคลี่กระดาษเปล่า นำปากกาออกมาเขียนจดหมายเตือนไปถึงราชินีเงื่อนงำแบร์นาแดตโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะให้ความสนใจ

กรุงเบ็คลันด์ ภายในหอพักทรุดโทรม

ชายเคราดกคนหนึ่งกำลังนั่งบนเก้าอี้โดยถูกใส่กุญแจมือในท่าไพล่หลัง

ซิลที่ไต่เต้าจนกลายเป็นสมาชิกระดับกลางของ MI9 ด้วยฝีมือตัวเอง กำลังยืนประจันหน้าชายคนดังกล่าวพลางถือมีดสามคมโดยมีลูกน้องสองคนขนาบข้าง จากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

“พวกเรามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันว่าคุณคือหนึ่งในแกนนำการประท้วง หากต้องการให้โทษเบาลง กรุณาร่วมมือโดยการตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา”

ชายเคราดกสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลก่อนที่ซิลจะเปิดปากพูดเสียอีก และในยามที่เธอพูดจบ จิตใจของมันพลันสั่นสะท้านรุนแรงราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างกายเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซ่านประหนึ่งพร้อมปะทุทุกเวลา

ชายเคราดกพยายามข่มความกลัวและอ่อนแอภายในใจ:

“ไม่มีใครยุยงทั้งนั้น ฉันทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ… พวกเธอไม่รู้หรือว่าตอนนี้กรุงเบ็คลันด์กลายเป็นถังดินระเบิดไปเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงมีประกายไฟเล็กน้อย ระเบิดก็จะลุกลามไปทั้งเมือง… ในหมู่ประชาชนยังมีประกายไฟที่กล้าเสี่ยงแบบฉันอยู่อีกมาก! ไอ้พวกขุนนางชั่วและพ่อค้ากล้าดียังไงถึงกักตุนอาหารในช่วงที่ชาวเขตตะวันออกอดตายกันทุกวัน! เธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ฉันไม่ขอเชื่อคำสัญญาอะไรทั้งนั้น… พวกเราหยุดการประท้วงเพียงเพราะทุกคนได้รับอาหารกลับไปมากมาย”

ขณะซิลเตรียมสอบปากคำเพิ่ม เธอรีบหันหน้าไปยังทิศทางที่มีเสียงประหลาดดังมาจากด้านนอก

เสียงทื่อๆ ทุ่มต่ำที่ซ้อนทับกันดังก้องมาจากระยะไกล

กองทัพของฟุซัค อินทิส หรือไม่ก็เฟเนพ็อตสามารถตีฝ่าแนวรบเข้ามาประชิดกรุงเบ็คลันด์ได้แล้ว? สีหน้าซิลพลันเคร่งเครียด

เมื่อกลับถึงดินแดนเทพทอดทิ้ง ไคลน์ที่อยู่บนโลกความจริงพยายามเหยียดมือขวาออกไปเพื่อตรวจสอบว่าตนสามารถอัญเชิญตะเกียงวิเศษประทานพรออกจากสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ได้หรือไม่

เพียงไม่นานก็ยืนยันได้ว่าตนคงมิอาจอัญเชิญ 0-05

อย่างที่คิด สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเอกลักษณ์ของเส้นทาง… หรือเราควรเรียกว่า ‘แก่นต้นกำเนิด’ ดี? สรุปได้ว่าเทพแห่งตะเกียงเป็นตัวตนระดับสูงที่กำลังถูกผนึก อย่างน้อยก็ระดับทัดเทียมราชาเทวทูต… ไม่มีทางใช้ประโยชน์จากมันได้… ไคลน์ถอนหายใจยาวก่อนจะเพ่งสมาธิเพื่อวางแผนล่าหมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์

มันเตรียมความพร้อมอย่างละเอียดและรัดกุม แถมยังมีการทำนายยืนยันบนมิติหมอกอีกหลายครั้ง

แต่ชายหนุ่มยังไม่รีบร้อนลงมือ ยังคงอาศัยช่วงเวลาถัดมาเพื่อตรวจสอบความไม่สมบูรณ์และอุดรอยรั่ว

ไม่กี่วันถัดมา ท่ามกลางดินแดนอันรกร้างและมืดมิด ไคลน์ที่แต่งกายด้วยเสื้อกันลมสีดำพลางถือตะเกียงส่องแสงสีเหลือง เหยียดแขนขวาออกไปคว้าบางสิ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ทันใดนั้นเอง สายฟ้าผ่าลงมาจากเบื้องบนและมอบแสงสว่าง

ไคลน์ดึงร่างหนึ่งออกจากความว่างเปล่า ไม่ใช่ใครนอกจากตัวมันเองที่กำลังถือไม้เท้าดวงดาวมายาและตะเกียง

ทันทีหลังจากนั้น ร่างต้นของชายหนุ่มเข้าไปหลบในสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ช่วงก่อนยุคสมัยที่หนึ่ง เป็นการซ่อนตัวภายในซากเมืองโบราณที่ซ้อนทับหลายชั้น

ภาพฉายของไคลน์มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที จากนั้นก็จินตนาการถึงหนึ่งในสถานที่ที่เพิ่งไปสำรวจมาเพื่อให้ไม้เท้าดวงดาวพาไปส่ง

จุดดังกล่าวอยู่ไกลจากตำแหน่งของร่างต้นมากโข ชนิดที่ต่อให้เกิดความผิดปรกติกับภาพฉาย แต่อีกฝ่ายก็จะไม่มีทางระบุพิกัดของร่างต้นไคลน์บนโลกความจริงได้แม่นยำ

สำรวจสภาพแวดล้อมสักพัก ไคลน์ได้พบกับท้องลำธารที่เหือดแห้งและหินก้อนใหญ่ซึ่งเด่นตระหง่านในความมืดราวกับสัตว์ประหลาด จากนั้นก็รีบสลายไม้เท้าดวงดาวทิ้งด้วยการสะบัดมือแผ่วเบา

ถัดมามันเดินไปทางหินใหญ่ วางตะเกียงลงและเริ่มเปล่งพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์เป็นภาษาคนยักษ์

“เจ้าแห่งความมืดที่อาศัยอยู่ในประวัติศาสตร์”

“ร่างอวตารของมหาปาฏิหาริย์”

“เทพผู้ถือครองพลังแห่งความปรารถนา…”

นี่คือพระนามเต็มอันทรงเกียรติของหมาป่าอสูรทมิฬที่ไคลน์ทราบมาจากเทพธิดารัตติกาล แม้ว่าสัตว์ในตำนานชนิดนี้อาจเลิกใช้ชื่อดังกล่าวไปนานแล้วหรือไม่ก็เปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางจุด แต่ในเชิงศาสตร์เร้นลับก็ยังคง ‘พุ่งเป้า’ ไปถึงโคทาร์เช่นเคย

ภายในปราสาทโบราณที่อยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขา

คนยักษ์ เอลฟ์ มนุษย์ และแวมไพร์กำลังทำหน้าที่เป็นคนสวน พ่อครัว คนรับใช้ สาวใช้ และองครักษ์ พวกมันสามารถแสดงสีหน้าซับซ้อนและมักกระซิบคุยกันในยามที่เดินสวน ทำให้ดูเหมือนยังมีชีวิตประสติปัญญา

แต่พวกมันจะเฉื่อยชาลงทันทีที่กลับถึงห้อง ดวงตาหยุดกลอกไปมา ร่างกายถูกแขวนห้อยลงมาจากเพดาน

ณ ส่วนลึกของปราสาท ภายในห้องโถงที่แหล่งแสงสว่างเดียวคือสายฟ้าจากด้านนอก ร่างขนาดมหึมากำลังนอนภายในความมืด

ร่างกายของมันดูคล้ายกับเนินเขาขนาดเล็กที่ปกคลุมไปด้วยขนสั้นสีดำ รูม่านตาสีดำสนิทกินพื้นที่มากถึงหนึ่งในสามของดวงตา บริเวณหน้าผากมีกระจุกขนสีเทาอ่อน รูปทรงศีรษะเหมือนหมาป่าดุร้ายตัวใหญ่

ไม่ใช่ใครนอกจากเทพแห่งความปรารถนา หมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์

ทันใดนั้น หมาป่าอสูรซึ่งตัวใหญ่กว่าคนยักษ์ทั่วไปพลันเงยหน้าขึ้น ขนสั้นสีดำทุกเส้นของมันเริ่มขยับไปมาพร้อมกับการกลับมาทำงานอีกครั้งของบรรดาคนรับใช้ภายในปราสาท

โคทาร์เอียงคอพลางกลอกตาเล็กน้อยประหนึ่งกำลังเงี่ยหูฟังบางสิ่ง

ในวินาทีถัดมา มันอ้าปากคำรามเงียบเพื่ออัญเชิญ ‘ตัวเอง’ อีกร่างหนึ่งออกมา

ทันทีที่หมาป่าอสูรทมิฬปรากฏกาย ร่างต้นของโคทาร์กระโจนเข้าไปในสายหมอกและรีบวิ่งตรงไปยังจุดแสงหนึ่งในยุคสมัยที่สอง

นี่คือหนึ่งในชิ้นส่วนลับทางประวัติศาสตร์ที่มันทราบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ