ด้านหลังประตูสีเทาน้ำเงินที่เปิดกว้าง บันไดหินลาดยาวเป็นทางลง ทะเลสีทองและแสงพร่างพราวสว่างเข้ามาในการมองเห็นของบรรดาชาวเมืองเงินพิสุทธิ์อย่างลีอาวาลและแคนดิสอีกครั้ง
ในฐานะสมาชิกทีมเบิกทางชุดก่อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันได้เห็นฉากตรงหน้า แต่กระนั้นกลับยังตกตะลึงไปถึงดวงวิญญาณจนเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
เดอร์ริคถือค้อนยักษ์เทพสายฟ้าคำรามยืนอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนสูงสองเมตรกว่า ไหล่กว้างบึกบึน บรรยากาศเงียบขรึม
ผ่านไปเกือบหนึ่งนาที ลีอาวาลถามหยั่งเชิง
“ท่านอาวุโสเบเกอร์ พวกเราจะได้ออกไปเมื่อไร”
มันคือลำดับ 5 ‘ผู้พิทักษ์’ เจ้าของส่วนสูงสองเกือบสองเมตรครึ่ง ผู้มีอัตราส่วนของมือและเท้าผิดไปจากปรกติเล็กน้อย
เดอร์ริคจ้องคลื่นทะเลที่มีจุดสีทองนานหลายวินาทีก่อนจะกล่าว
“รอก่อน”
ปัจจุบันผ่านไปแล้วหลายวันนับตั้งแต่ประตูถูกเปิดออก เด็กหนุ่มนำทีมสำรวจกลับไปยังเมืองเงินพิสุทธิ์พร้อมกับเถ้ากระดูก ตะกอนพลัง และสมบัติปิดผนึกของเจ้าเมืองและอาวุโสโลเฟียร์ จากนั้นก็ใช้ความลับเพื่อสร้างความไว้วางใจจากเจ้าเมืองคนใหม่ ฮอยต์·เฌอมงต์
คราวนี้ เดอร์ริคนำทางผู้วิเศษของเมืองเงินพิสุทธิ์ยี่สิบคนมาเป็นทีมบุกเบิกเพื่อค้นหาเส้นทางที่ปลอดภัยและยืนยันสถานการณ์ของโลกภายนอก
สำหรับเรื่องนี้ เด็กหนุ่มปฏิเสธข้อเสนอของมิสเตอร์เวิร์ลที่จะย้ายชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทั้งหมดออกจากดินแดนเทพทอดทิ้งทันทีด้วยไม้เท้าดวงดาว แต่เลือกเส้นทางเดินเท้าเพื่อแสวงหาความหวัง พลางรำลึกถึงสิ่งที่เมืองเงินพิสุทธิ์ต้องประสบพบเจอกว่าสองพันปี จนกระทั่งได้พบกับ ‘รุ่งอรุณ’ ที่ตามหามาแสนนาน
ได้ยินคำตอบจากอาวุโสเดอร์ริค ลีอาวาล แคนดิส และสมาชิกคนอื่นของทีมบุกเบิกไม่กล่าวคำใด เพียงก้าวถอยหลังและชมทิวทัศน์ต่อไป
พวกมันยังคงไม่เชื่อใจเดอร์ริคเต็มร้อย เพราะอย่างไรก็ดี อาวุโสใหม่รายนี้สนิทสนมกับคนนอก และเจ้าเมืองกับอาวุโสโลเฟียร์ต่างก็เสียชีวิตไปในภารกิจสำรวจครั้งล่าสุด หากไม่ใช่เพราะหกสภาอาวุโสแสดงความเชื่อใจ คนที่เหลือคงทำตัวเป็นศัตรูและเผยท่าทีต่อต้านอย่างชัดเจน
หลังจากผ่านไปสักพัก ทะเลสีทองพลันถูกปกคลุมด้วยความมืด
ณ ส่วนลึกสุดของความมืด ทุกคนมองเห็นสายหมอกเจือจาง ภายในหมอกมีวิหารสีดำที่มียอดแหลมและอาคารหลายหลัง มอบความรู้สึกกึ่งจริงกึ่งมายาแก่ผู้พบเห็น
เดอร์ริคและคนที่เหลือไม่ประหลาดใจกับความมืด ร่างกายเด็กหนุ่มส่องสว่างในทันที ส่วนคนที่เหลือต่างจุดเทียนไข เป็นการลงมืออย่างคล่องแคล่วโดยปราศจากความแตกตื่น
เมื่อสมาชิกยี่สิบเอ็ดคนถูกปกคลุมโดยแสงสว่าง พวกมันเฝ้ามองเมืองในม่านหมอกและผู้คนที่เดินผ่านไปมาโดยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่ไม่ใช่ความมืดที่พวกมันคุ้นเคย
ทันใดนั้นเอง เดอร์ริคที่เปล่งแสงธรรมชาติออกจากร่างกาย ยกมือซ้ายขึ้นพลางกล่าวเสียงต่ำ
“ออกเดินทางได้”
โดยไม่รอให้สมาชิกในทีมตอบสนอง มันเดินนำทุกคนผ่านประตูลงไปตามบันไดหินด้านนอก บรรจงย่างกรายไปสู่ความมืดทีละขั้น
ลีอาวาล แคนดิส และคนที่เหลือมองหน้ากันก่อนจะกัดฟันเดินตามอาวุโสคนใหม่ เดอร์ริค·เบเกอร์ออกจากตำหนักราชาคนยักษ์
ท่ามกลางความมืดมิด เมื่อพวกมันเดินลงจากบันไดสำเร็จ ฉากตรงหน้าคือแสงสีส้มและอารามสีดำ
“นี่คือโลกภายนอก?” แคนดิสมองไปรอบตัวด้วยความระแวงเจือสงสัย เธอรู้สึกราวกับตนและคนที่เหลือหลงเดินมายังอีกฟากหนึ่งของวังราชาคนยักษ์โดยไม่รู้ตัว และกำลังถูกทะเลหมอกสีส้มอมแดงตัดขาดจากตำแหน่งเมื่อครู่
“ไม่ใช่” เดอร์ริคเปรียบเทียบสภาพแวดล้อมปัจจุบันกับคำอธิบายของมิสเตอร์เวิร์ลและมาดามเฮอร์มิท จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าว “พวกเราต้องรอที่นี่สักพัก เชิญพวกคุณหาไปหาจุดพักผ่อน”
ผู้เจิดจรัสที่ไม่หลงเหลือบรรยากาศของ ‘เด็ก’ คอยจัดแจงทุกสิ่งอย่างสุขุม
ลีอาวาลมองไปทางอารามสีดำที่ประตูปิดสนิท ตามด้วยถามเจือสงสัย
“ไม่ใช่ว่าต้องสำรวจที่นี่เพื่อค้นหาทางออกหรอกหรือ”
“ไม่จำเป็น” เดอร์ริคส่ายหน้า
สมาชิกของทีมบุกเบิกไม่ถามเพิ่มเติมหรือแยกย้ายไปพัก เพียงยืนรอด้วยความอดทน
เมื่อเวลาผ่านไป แสงอาทิตย์อันเจิดจ้าพลันส่องเข้ามาในโลกเบื้องหน้า ฉาบทุกสิ่งให้สว่างไสวด้วยสีขาว แต่จากนั้นก็จางลงและเลือนหาย
เดอร์ริค แคนดิส และคนที่เหลือมองไปรอบตัวตามสัญชาตญาณจนกระทั่งพบทะเลสีทองอีกครั้ง ทันใดนั้นก็สัมผัสถึงออร่าอันน่าสะพรึงที่ทำให้ทุกคนไม่กล้าจ้องมองโดยตรง
แต่แตกต่างจากคราวก่อน ตอนนี้พวกมันอยู่บนเกาะ ด้านหลังเป็นกระจุกพืชประหลาดสีทองที่มีหน้ายิ้ม บรรยากาศอันปราศจากความเสื่อมทรามและกลายพันธุ์โดยสิ้นเชิง ทำให้สมาชิกทีมบุกเบิกของเมืองเงินพิสุทธิ์สัมผัสถึงความสุขของชีวิต
พวกเราออกมาแล้วจริงๆ … เป็นโลกที่ต่างออกไป… ลีอาวาล แคนดิส และคนที่เหลืองพลันถอนหายใจหนักแน่น
พวกมันยืนยันเรื่องหนึ่งได้ทันที:
อาวุโสเดอร์ริคมิได้ทรยศเมืองเงินพิสุทธิ์ การร่วมมือกับคนนอกมีจุดประสงค์เพื่อนำทางทุกคนออกจากดินแดนต้องสาป
“อาวุโสเบเกอร์…” แคนดิสพึมพำ “ขอบคุณค่ะ”
เดอร์ริคพยักหน้าในท่ายืนหลังตรง
ลีอาวาลที่มิได้กำลังทำหน้ารู้สึกผิดเหมือนแคนดิสและคนอื่น มองไปรอบตัวก่อนจะถาม:
“อาวุโสเดอร์ริค พวกเราจะออกจากที่นี่ได้ยังไง? ต่อเรือ?”
วลี ‘ต่อเรือ’ ถูกเขียนไว้เฉพาะในหนังสือประวัติศาสตร์ จึงเป็นคำที่ค่อนข้างแปลกหู
“แต่ที่นี่ไม่มีวัสดุสำหรับต่อเรือ…” แคนดิสและคนที่เหลือมองสำรวจไปรอบเกาะเล็กๆ แห่งนี้ แต่ก็ไม่พบต้นไม้หรือพืชชนิดอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ