วันสิ้นโลก… แม้ออเดรย์จะเคยได้ยินคำทำนายดังกล่าวจากครึ่งเทพของโบสถ์ปัญญาความรู้มานานแล้ว แต่เธอก็รู้สึกว่าข้อมูลดังกล่าวยังขาดความน่าเชื่อถือ คล้ายกับโฆษณาชวนเชื่อที่ใช้หลอกลวงผู้คน
แม้เธอจะเคยลิ้มรสสงครามที่คนคนเดียวทำอะไรแทบไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าโลกจะอยู่ห่างจากวันสิ้นโลกแค่สิบกว่าปี
เพราะไม่มีสัญญาณของเหตุการณ์ดังกล่าวเลยสักนิด!
อย่างไรก็ตาม บุคคลที่แจ้งข่าวเกี่ยวกับวันสิ้นโลกเป็นถึงข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล เป็นบุคคลน่าเชื่อถือ เป็นตัวตนสุดแกร่งที่กล้าท้าทายเทวทูต ไม่เพียงเท่านั้น น้ำเสียงของมันก็ยังฟังดูมั่นใจมาก คล้ายกับได้เห็นเหตุการณ์ในอีกสิบกว่าปีข้างหน้าด้วยตาตัวเอง
ปัจจัยข้างต้นทำให้สัญชาตญาณของออเดรย์เลือกที่จะเชื่อ หัวใจของหญิงสาวพลันดำดิ่งด้วยความประหม่าและสับสน
แต่เพียงไม่นาน ความสับสนภายในใจเธอทยอยบรรเทาลงหลายส่วน เพราะยังมีเวลาอีกกว่าสิบปีก่อนที่หายนะจะเกิดขึ้น แม้แต่มนุษย์ธรรมดาที่จมน้ำก็ยังพยายามดิ้นรน นับประสาอะไรกับครึ่งเทพแบบเธอ
วันสิ้นโลก… ในฐานะพระคาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุ แฮงแมนอัลเจอร์ย่อมเคยเห็นคำทำนายวันสิ้นโลกมาไม่น้อย แต่สิ่งเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยกับคำเตือนแสนเคร่งขรึมและจริงจังจากปากเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์ แรงกระเพื่อมทางจิตใจจากทั้งสองแหล่งข้อมูล แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ขณะเดียวกัน มันสังเกตเห็นรายละเอียดในเชิงลึก นั่นคือ เดอะเวิร์ลกล่าวว่ากระทั่งเหล่าทวยเทพก็มีโอกาสดับสูญ
ในตอนแรก อัลเจอร์คิดว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์เผลอดูแคลนมิสเตอร์ฟูล เพราะรายหลังก็เป็นเทพเช่นกัน
แต่เพียงไม่นานมันก็ปัดตกแนวคิดดังกล่าว เพราะท้ายที่สุด เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นข้ารับใช้และสาวกเดนตายของมิสเตอร์ฟูล สมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่นอาจเคยเผลอดูหมิ่นพระองค์ แต่ไม่ใช่กับเดอะเวิร์ลแน่นอน
หากนำเรื่องที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะไม่ดูแคลนมิสเตอร์ฟูลอย่างเด็ดขาด และเรื่องที่แม้กระทั่งทวยเทพก็อาจดับสูญในวันสิ้นโลกมาผนวกกัน แฮงแมนอัลเจอร์ได้ข้อสรุปหนึ่งทันที:
ในสายตาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ระดับตัวตนของมิสเตอร์ฟูลนั้นสูงส่งยิ่งกว่าเทพแท้จริงเสียอีก!
นี่มัน… อัลเจอร์ไม่คิดสงสัยในข้อมูลของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงยอดฝีมือที่มักเข้าไปพัวพันกับเทวทูต
ข้อมูลดังกล่าวทำให้อัลเจอร์พลันตกตะลึงเจือสงสัย แต่ก็มิอาจหาคำอธิบายที่ดีกว่านี้มาหักล้างได้
เนื่องจากเลื่อนเป็นครึ่งเทพได้ด้วยเลือดของอสรพิษแห่งชะตา แคทลียาซึ่งอยู่บนเส้นทางที่ลำดับ 3 มีชื่อว่า ‘ผู้หยั่งรู้’ จึงมักจะฝันถึงรุ่งอรุณแห่งวันสิ้นโลกบ่อยครั้ง นอกจากนั้น ราชินีเงื่อนงำแบร์นาแดตยังตักเตือนเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นประจำ หญิงสาวจึงไม่ประหลาดใจกับคำพูดของเดอะเวิร์ลสักเท่าไร รู้สึกแค่เพียง ในที่สุดฝุ่นละอองที่เคยลอยฟุ้งในอากาศ ถึงคราวตกกลับลงไปบนพื้นอีกครั้ง
สำหรับเรื่องราวในอนาคต ปราชญ์พิศวงรายนี้ยังไม่มีแผนในใจ นอกจากพัฒนาฝีมือตัวเอง เธอไม่รู้ว่าตนควรมุ่งหน้าไปยังทิศทางใด
วันสิ้นโลก… จัดจ์เมนต์ซิลและเมจิกเชี่ยนฟอร์สชำเลืองมองกันและกันพลางสัมผัสถึงพายุที่ก่อตัวภายในใจอีกฝ่าย
พวกมันไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตที่กำลังราบรื่นในตอนนี้ จะคงอยู่ต่อไปได้อีกเพียงสิบกว่าปี
ในช่วงเวลาดังกล่าว พวกเธอคงกำลังอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิต ต่อให้ยังไม่เป็นครึ่งเทพ แต่ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการคลุ้มคลั่งที่เพิ่มขึ้นไปตามอายุ
และเมื่อคนพูดคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ทั้งสองสาวจึงไม่สงสัยในความถูกต้องของข้อมูล เพียงตื่นตระหนกและกังวลไปพักใหญ่
แน่นอน เดอร์ริคกำลังหงุดหงิดจนยากจะควบคุมอารมณ์ นั่นเพราะเมืองเงินพิสุทธิ์เพิ่งหลุดพ้นจากดินแดนเทพทอดทิ้งซึ่งเปรียบดังวันสิ้นโลกและได้พบกับแสงสว่างภายนอก แต่กลับต้องเผชิญกับวันสิ้นโลกครั้งใหม่ภายในเวลาเพียงสิบกว่าปี
แต่เพียงไม่นาน เด็กหนุ่มสงบสติและเลือกที่จะเชื่อในตัวมิสเตอร์ฟูล
ในเมื่อตัวตนที่ยิ่งใหญ่รายนี้สามารถช่วยเมืองเงินพิสุทธิ์ให้รอดพ้นจากดินแดนเทพทอดทิ้งได้ การป้องกันวันสิ้นโลกก็น่าจะทำได้เช่นกัน
แม้ว่าเราจะเป็นผู้กอบกู้ของตระกูลในวันสิ้นโลก แต่ก็ไม่คิดมาว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วเพียงนี้… ปัจจุบันเรายังเป็นแค่เอิร์ล… เดอะมูนเอ็มลินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ประหนึ่งนักเรียนที่เพิ่งได้เข้าเรียน แต่ต้องเตรียมตัวสอบปลายภาคในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ทำให้มันตื่นเต้น เพราะใช้เวลาอีกไม่นานมันก็จะบรรลุภารกิจอันยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันก็ได้แสดงความน่าเกรงขามต่อหน้าเหล่าพี่น้องที่คอยเย้ยหยัน
เดอะสตาร์เลียวนาร์ดย่อมเคยได้ยินคำทำนายวันสิ้นโลกจากพาลีส·โซโรอาสเตอร์ แม้จะไม่ทราบเหตุผลเบื้องหลัง แต่มันก็เตรียมใจมาเป็นอย่างดี จึงเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมาและตั้งคำถาม
“เหตุใดวันสิ้นโลกถึงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันนัก ตอนนี้ยังไม่เห็นวี่แววเลยสักนิด…”
ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลตอบ..Aileen-novel
“พวกคุณมองไม่เห็นสัญญาณเองต่างหาก… คิดว่าศึกระหว่างทวยเทพปะทุขึ้นอย่างไร้สาเหตุหรือ?”
เมื่อเห็นว่าบรรดาสมาชิกต่างเผยสีหน้างุนงง เกอร์มัน·สแปร์โรว์พูดเสริม
“ตอนนี้พวกคุณยังไม่มีสิทธิ์รับรู้เหตุผล… ลำพังการเข้าใจ ก็มากพอจะทำให้เกิดการกัดกร่อนที่มิอาจต้านทาน มีเพียงเทวทูตและลำดับสูงกว่าเท่านั้นจึงจะรับมือไหว”
เหมือนกับสิ่งที่ครึ่งเทพของโบสถ์ความรู้เคยกล่าวไว้… การกัดกร่อนมีความรุนแรงใกล้เคียงกับอวกาศ… ดูเหมือนว่าเราจะหลงลืมบางสิ่งไป… ตอนนี้มิสเตอร์เวิร์ลคงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วสินะ… หืม… แล้วเขาไม่กลัวการกัดกร่อนบ้างหรือ? ร…หรือว่าเขาเป็นเทวทูตแล้ว? ตอนนี้เขาคือท่าน? ท่ามกลางกระแสความคิด จัสติสออเดรย์เริ่มตระหนักว่า เดอะเวิร์ลเกอร์มัน·สแปร์โรว์อาจประกอบพิธีกรรมเลื่อนลำดับเป็นสัตว์ในตำนานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ในสมัยบรรพกาล ระดับตัวตนเช่นนี้จะถูกเรียกว่าเทพรับใช้ เป็นตัวตนที่ใกล้ชิดทวยเทพ!
ทันทีหลังจากนั้น สมาชิกของชุมนุมทาโรต์อย่างอัลเจอร์ แคทลียา และคนที่เหลือต่างพากันทราบข้อเท็จจริงเดียวกัน นั่นคือการที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของโลกความจริง กลายเป็นเทวทูตเดินดินเรียบร้อยแล้ว
ข้อสันนิษฐานดังกล่าวมีต้นตอจากเหตุการณ์ที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์วางแผนล่าสัตว์ในตำนาน บ้างก็เชื่อว่านี่เป็นรางวัลตอบแทนจากการช่วยให้มิสเตอร์ฟูลฟื้นคืนพลังกลับมาหลายส่วน
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หากไม่นับรวมเจ้าขององค์กรและผู้จัดการชุมนุม นี่คือครั้งแรกที่สมาชิกชุมนุมทาโรต์ได้เป็นเทวทูต!
แน่นอนว่าไม่มีใครประหลาดใจกับเรื่องที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์กลายเป็นลำดับ 2 สักเท่าไร เพราะทุกคนต่างทึ่งในความเร็วการเลื่อนลำดับของชายคนนี้มานานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ