ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1280

บนรถไฟไอน้ำที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองคอนสแตนแห่งแคว้นเลียบทะเล

ไคลน์ที่แต่งกายในชุดนักมายากลพเนจร มองไปยังชายหนุ่มและพ่อแม่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะแคบซึ่งมีสิ่งของวางอยู่มากมาย

“ผมมีมายากลสองประเภท แบบแรกจะช่วยเติมเต็มความปรารถนาของพวกคุณ และแบบที่สองคือการใช้กระจกตอบคำถาม แน่นอนว่ามายากลแบบแรกต้องมีค่าตอบแทน และสำหรับมายากลแบบที่สอง พวกคุณต้องตอบคำถามที่กระจกตั้งขึ้น… ต้องการรับชมกลแบบใด?”

ชายหนุ่มเจ้าของผมสีดำและดวงตาสีน้ำตาล ดูคล้ายกับได้รับการศึกษาที่ดี มองไปยังพ่อแม่ที่นั่งอยู่ด้านข้างพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ความปรารถนาของผมยากเกินไป จึงไม่ขอรบกวนคุณ… เมื่อเทียบกันแล้ว ผมอยากเห็นกระจกที่สามารถตอบคำถามมากกว่า”

ไคลน์ถอนหายใจพลางส่ายหน้า พลิกมือซ้ายขึ้น เผยให้เห็นกระจกเงาสีเงินที่มีอัญมณีสีดำประดับอยู่ทั้งสองฝั่ง

“ของโบราณสินะครับ” ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามแสดงความเห็นด้วยสีหน้าสนใจ จากนั้นก็กล่าว “คำถามของผมก็คือ ในเที่ยวนี้ จุดประสงค์ในการเดินทางไปยังคอนสแตนของผมคืออะไร”

ไคลน์ที่เผยรอยยิ้มตามแบบฉบับนักมายากลข้างถนน เหยียดมือขวาออกมาลูบไล้ผิวกระจก ตามด้วยกระซิบกระซาบเสียงขรึม

“กระจกวิเศษเอ๋ย จงบอกข้าเถิด คำตอบของคำถามเมื่อครู่คืออะไร”

หลังจากทำสามครั้งติดต่อ ไคลน์ปล่อยมือขวาเพื่อเผยผิวกระจกต่อหน้าผู้โดยสารทั้งสามที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ที่นั่นมีตัวอักษรสีเงินเขียนอยู่ไม่มาก

“สมรส”

“…สุดยอด” ชายหนุ่มและพ่อแม่ต่างมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา

หลังจากขึ้นมาบนรถไฟ พวกมันไม่เคยสนทนาในหัวข้อเกี่ยวกับการแต่งงาน และไม่ได้เผยร่องรอยใดที่น่าจะเชื่อมโยงได้

นี่คือครั้งแรกที่พวกมันได้เห็นมายากลประเภทที่ไม่พึ่งพาอุปกรณ์หรือผู้ชมเก๊

“เอาล่ะ ตากระจกถามบ้าง” ไคลน์ยิ้มพร้อมกับนำมือขวาปิดกระจก

“ตกลง” ชายหนุ่มตอบรับด้วยความสนใจ

“มาดูกันว่ากระจกวิเศษต้องการถามสิ่งใด” ไคลน์ปล่อยมือขวาอย่างมีชั้นเชิงประหนึ่งกำลังแสดงมายากลบนเวทีใหญ่

อักษรสีเงินบนผิดกระจกได้แปรสภาพกลายเป็นประโยคที่สมบูรณ์

“คุณอยากให้เจ้าสาวเป็นสตรีที่มีอายุมากกว่าสี่สิบใช่ไหม?”

สีหน้าชายหนุ่มผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะขาวซีดและเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ

“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง!” มันรีบโต้แย้ง อดไม่ได้ที่จะหันไปทางพ่อแม่ด้านข้างและบ่นอย่างหัวเสีย “นี่มันคำถามบ้าอะไร”

“…มันแค่ล้อเล่นน่ะ” ไคลน์ยิ้มอย่างรู้สึกผิดก่อนจะรีบกดมือขวาลงบนกระจก ประหนึ่งตนก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

จากนั้นก็ปล่อยมือขวาอีกครั้ง

ข้อความบนผิวกระจกเปลี่ยนไปอีกครั้ง

“คุณอายุเท่าไร”

“ยี่สิบห้า…” ชายหนุ่มตอบด้วยความระมัดระวังประหนึ่งกังวลว่าจะตกหลุมพราง

มันสัมผัสได้ว่าสายตาจากพ่อแม่และผู้โดยสารรอบข้างเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เอาล่ะ การแสดงกลจบลงเพียงเท่านี้” ไคลน์ยิ้มพลางเก็บกระจก “จะลองมายากลอีกแบบก็ได้นะ”

ทันทีที่สิ้นเสียง หวูดของหัวรถจักรไอน้ำพลันส่งเสียงคำราม เป็นสัญญาณว่ารถไฟใกล้ถึงสถานี

“ต้องขอโทษด้วย แต่ผมต้องไปแล้ว” ไคลน์หยิบนาฬิกาพกสีทองออกมาตรวจสอบเวลา

มันหยิบสัมภาระขึ้นและเดินตามฝูงชนลงไปจากขบวนรถไฟ จนกระทั่งมาถึงชานชาลาที่โคมไฟแก๊สยังไม่ถูกเปิด

ที่นี่คือเมืองเบลดันแห่งแคว้นเลียบทะเล เป็นเมืองที่ทั้งเจริญก้าวหน้าและเสื่อมถอยจากอิทธิพลของเหมืองถ่านหิน

สำหรับไคลน์ ความสำคัญอันดับหนึ่งของเมืองนี้คือ การที่มันเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในเส้นทางการบุกของกองทัพฟุซัคในสงครามล่าสุด

ฟุซัคบุกเข้ามาทั้งสิ้นสามเส้นทาง หนึ่งคือการโจมตีชายแดนฝั่งเทือกเขาอมานด้า พยายามตีฝ่าแนวป้องกันทางบกที่นั่น สองคือการโจมตีจากเกาะโซเนีย เน้นทำลายท่าเรือชายฝั่งและยกพลขึ้นบก และสามคือการบุกมาตามแนวรางรถไฟสายหลักสู่กรุงเบ็คลันด์

จากบรรดาทั้งสามเส้นทาง เนื่องจากทางทะเลมีโบสถ์วายุสลาตันและพลังอำนาจจากเรือรบหุ้มเกราะที่ผสานเข้ากับ ‘ผู้ตัดสิน’ ระดับสูงคอยคุมเชิง กองทัพเรือของฟุซัคและเฟเนพ็อตจึงมิอาจคว้าผลลัพธ์ที่ตนต้องการไว้ได้ ไม่แม้กระทั่งจะถือครองความได้เปรียบทางทะเล ส่วนสมรภูมิเทือกเขาอมานด้าซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่โบสถ์รัตติกาล แนวรบที่นี่สามารถต้านทานการโหมบุกจากศัตรูได้อย่างเหนียวแน่นจนกระทั่งสงครามจบลง ปิดกั้นการรุกรานเข้าไปในแคว้นเหมันต์และเชสเตอร์ตะวันออกจนแทบไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม

จากบรรดาทั้งหมด เส้นทางเดียวที่ประสบความสำเร็จคือการนำกองทัพบุกแคว้นเลียบทะเล พวกมันอาศัยความร่วมมือระหว่างกองทัพบกและกองทัพเรือในการส่งกำลังพลเข้ามายึดครองเมืองใหญ่อันดับสองของอาณาจักรโลเอ็นอย่างคอนสแตน เมืองหลวงแห่งแคว้นเลียบทะเล จากนั้นก็มุ่งหน้าลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้เพื่อบรรจบกับกองทัพอินทิสที่กำลังโจมตีเบ็คลันด์

การที่ไคลน์เลือกสวมบทบาทเป็นนักมายากลพเนจร ในแง่หนึ่ง มันต้องการสั่งสมความปรารถนา สร้างปาฏิหาริย์ ย่อยโอสถ และเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง ในอีกแง่หนึ่ง มันประสงค์ที่จะกลับมายังเขตสงครามเพื่อใช้ตา หู และหัวใจในการสัมผัสความบอบช้ำของสงครามด้วยตัวเอง

เมื่อล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับอวกาศและใต้ดิน ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจแผนการภาพรวมของเทพธิดารัตติกาลและทำใจยอมรับในระดับหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าตนจะไม่แยแสเหล่าผู้ที่สูญเสียเลย

ในเวลาเดียวกัน มันยืนยันได้หนึ่งสิ่ง นั่นก็คือ หากตนล้มเหลวในการทำลายพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืดของจอร์จที่สาม สงครามโลกจะยังไม่สิ้นสุดลงในปัจจุบัน เพียงแต่โลเอ็นจะถือครองความได้เปรียบอย่างมาก โดยที่เทพธิดารัตติกาลกับพันธมิตรจะค่อยๆ สร้างแรงกดดันให้เทพสงครามจนกระทั่งอีกฝ่ายต้องขอความช่วยเหลือจากพระแม่ธรณี

เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะปริมาณ ความรุนแรง หรือขนาด ศึกระหว่างทวยเทพจะรุนแรงชนิดที่การต่อสู้ที่ผ่านมาเทียบไม่ติด

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ไคลน์จึงตัดสินใจย้อนเกล็ดเส้นทางการบุกของฟุซัคโดยแวะระหว่างทางเป็นครั้งคราว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ