ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1301

ผ่านเนตรส่องความลับ แบร์นาแดตพบว่าภายในศาลพระภูมิสีแดงเข้มมีเพียงความว่างเปล่า ด้านในไม่มีสิ่งใดเลย ในทัศนวิสัยมีเพียงชั้นความมืดเจือจางซึ่งปกคลุมโลกแห่งความจริง

หญิงสาวมิอาจพยากรณ์สิ่งใดจากข้อมูลที่ได้เห็น จึงไม่มีทางเลือกนอกจากถอนสายตากลับตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็สั่งให้ทาสรับใช้ล่องหนเดินไปยังอีกฟากหนึ่งของพื้นที่เปิดโล่ง ใกล้กับเขตป่าดงดิบซึ่งมีต้นไม้สูงตระหง่านเรียงราย

ขณะเดียวกัน เนื่องจากทาสรับใช้ล่องหนมิอาจอยู่ห่างจากเธอได้มากนัก แบร์นาแดตซึ่งยังสวมหมวกล่องหนจึงต้องเดินตามหลังไปอย่างเงียบเชียบ เดินผ่านจุดที่สิ่งมีชีวิตทั่วเกาะเคยมารวมตัวอย่างไม่รีบร้อน

ถึงตรงนี้ ท้องฟ้าหม่นลงเล็กน้อยเนื่องจากถูกชั้นสีดำปกคลุมค่อนข้างหนาแน่น

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทาสรับใช้ล่องหนเดินเข้าไปในป่าทึบซึ่งกิ่งก้านของต้นไม้บดบังท้องฟ้า บรรยากาศโดยรอบสลัวลงทันใด

ทันทีหลังจากนั้น เนตรส่องความลับซึ่งเกือบโปร่งใส เย็นชา และยากจะตรวจพบ ทำการฉายภาพมายังดวงตาแบร์นาแดตท่ามกลางบรรยากาศอันมืดสลัว ช่วยให้หญิงสาวมองเห็นซากศพสีซีดเรียงรายระหว่างต้นไม้ บนกิ่งก้านอันเบียดเสียดมีกะโหลกศีรษะ ซากสัตว์ และสิ่งที่คล้ายกันห้อยลงมา

บางศพเป็นของมหามังกร บางศพเป็นของสัตว์คล้ายนก บางศพมีแปดขา และบางศพก็เป็นมนุษย์ต้นไม้พิสดาร พวกมันคอยเติมเต็มช่องว่างภายในป่าจนสมบูรณ์

เพียงกวาดตามอง แบร์นาแดตรู้สึกราวกับกำลังเดินเข้ามาในสุสาน ฉากหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิดโดยธรรมชาติ:

สัตว์วิเศษเหล่านี้ให้กำเนิดทายาทและส่งต่อตะกอนพลังก่อนจะตาย จากนั้นก็ดั้นด้นมายังบริเวณนี้ของป่า มองหาจุดที่ยังว่างและหันหน้าไปยังทิศทางหนึ่งก่อนจะเสียชีวิตลงอย่างเงียบงัน ในภายหลังถูกลมฝนกัดเซาะจนเหลือเพียงโครงกระดูก

ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร…? ในฐานะผู้หยั่งรู้ แบร์นาแดตเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่าฉากซึ่งผุดขึ้นในความคิดเมื่อครู่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เธอยังคงไม่เข้าใจว่า เป็นเพราะอิทธิพลจากพลังแบบใด สิ่งมีชีวิตโบราณบนเกาะถึงเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นสุสาน

ยิ่งไปกว่านั้น กริมม์ วิลเลียม และโพลีซึ่งตายไปนานแล้ว กลับดูเหมือนว่าจะยังมีชีวิตอยู่ในสภาวะพิเศษ แต่สัตว์วิเศษซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะมานานและได้รับการกัดกร่อนตลอดเวลา กลับจบลงด้วยความตายและเหลือเพียงโครงกระดูก

ข้อเท็จจริงนี้ทำให้แบร์นาแดตต้องขมวดคิ้ว เธอไม่มีทางเลือกนอกจากบังคับทาสรับใช้ล่องหนเดินต่อไปยังส่วนลึกของ ‘สุสานคนเป็น’

ส่งผลให้ทาสรับใช้ล่องหนเดินเข้าไปในป่าซึ่งเต็มไปด้วยกระดูกและซากศพเป็นเวลานานกว่าสิบห้านาที

จนกระทั่งได้พบกับวัตถุชนิดที่สี่นอกจากต้นไม้ วัชพืช และซากศพ

เป็นต้นเสาหินสีดำ หนาราวห้าถึงหกคนโอบ สูงสามสิบถึงสี่สิบเมตร บนพื้นผิวบางจุดถูกสภาพอากาศกัดกร่อนเป็นวงกลม ประหนึ่งนิ้วมือซึ่งสวมแหวนคับเกินพอดี

แบร์นาแดตใช้เนตรส่องความลับจดจ้องเสาหินนานหลายวินาที แต่สุดท้ายก็ไม่พบความพิเศษใด คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์ที่สร้างขึ้นส่งๆ

ทาสรับใช้ล่องหนมองไปรอบตัวและเริ่มสังเกตเห็นว่า ศพในบริเวณใกล้เคียงเสาหินมิได้เน่าเปื่อยรุนแรงนัก ยังคงหลงเหลือเนื้อและผิวหนังซึ่งค่อนข้างสภาพดี

แต่ที่นี่ไม่มีพลังพิเศษหรืออิทธิพลใดที่แตกต่างจากจุดอื่น… อาจเป็นไปได้ว่า ศพใกล้เสาหินคือศพใหม่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเหตุผลใดทำให้ศพอยู่ในสภาวะแตกต่างกัน… แบร์นาแดตเชื่อว่าในบริเวณนี้ไม่มีความผิดปรกติ ศพที่แตกต่างกันเกิดจากเหตุผลเฉพาะเจาะจง

เธอมิได้ใช้พลังพยากรณ์เพื่อตรวจสอบสาเหตุ เพราะแก่นสำคัญของพลังพยากรณ์คือการส่องความลับจากแม่น้ำแห่งชะตากรรม ในสถานการณ์ซึ่งยังไม่กระจ่าง แบร์นาแดตไม่มีทางผลีผลาม ด้วยเกรงว่าจะสร้างการเชื่อมต่อกับสิ่งที่ไม่รู้จักอย่างตัวตนลึกลับอันน่าสะพรึง

นอกจากนั้น สถานการณ์ดังกล่าวมิได้สร้างปัญหาให้กับเธอ จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องใช้พลังพยากรณ์

หลังจากค้นหาสักพักและพบเบาะแสใด ทาสรับใช้ล่องหนยังคงเดินต่อไป พยายามผ่านเขตสุสานไปยังเขตอื่นของผืนป่า

ทันใดนั้นเอง แบร์นาแดตได้ยินเสียงเสียดสี

เป็นเสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้และใบไม้ และเสียงกระแสน้ำซึ่งล่องลอยในความว่างเปล่า

แบร์นาแดตเพิ่งสัมผัสถึงสายลมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นมาบนเกาะประหลาด

เธอบังคับให้ทาสรับใช้ล่องหนมองไปยังต้นเสาสีดำตามสัญชาตญาณ

ในการมองเห็นของเนตรส่องความลับ ซากศพใกล้กับเสาหินทยอยเน่าเปื่อยและหลุดลอกทีละหนึ่ง จากนั้น เลือดเนื้อใหม่ได้ผุดขึ้นจากโครงกระดูกราวกับมีชีวิตและความคิดเป็นของตัวเอง ผิวหนังค่อยๆ ปกคลุมร่างกายอันน่าสะพรึงทีละส่วน

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีก่อนจะหยุดลง ซากศพไม่หลงเหลือความเน่าเปื่อยอีกต่อไป ดูคล้ายกับเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน

วินาทีถัดมา ลิงบาบูนขนหยิกที่กลายพันธุ์และหมาป่าอสูรแปดขาบรรจงลุกขึ้นยืน

ขนของพวกมันมีสีค่อนข้างซีด ผิวหนังแห้งผาก ดวงตาเย็นชาและไร้อารมณ์

จากนั้น สิ่งมีชีวิตซึ่งตายไปแล้วทั้งสองตัว .ไอรีนโนเวล. แยกย้ายกันเดินออกไปจากสุสาน

ดวงตาแบร์นาแดตพลันแข็งทื่อเมื่อได้เห็นฉากดังกล่าว เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ในที่สุดก็ได้เข้าใจว่าเหตุใดสิ่งมีชีวิตบนเกาะถึงพยายามดั้นด้นมาในบริเวณนี้ก่อนจะตาย และทำไมถึงต้องตายที่นี่:

สำหรับที่นี่ จุดจบของความตายมิใช่การหลับใหลอันเป็นนิรันดร์ หากแต่เป็นการเริ่มต้นใหม่!

ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่การ ‘คืนชีพ’ ซึ่ง ‘ผู้ชี้นำวิญญาณ’ ใช้สร้างซอมบี้หรือโครงกระดูก หากแต่เป็น ‘ชีวิตใหม่’ ซึ่งแฝงไปด้วยเจตจำนงและความมีชีวิตชีวาจำนวนหนึ่ง

พลังในการสร้างความโกลาหลและบิดเบือนกฎพื้นฐานของโลก? อา… มีกลิ่นอายคล้ายคลึงกับการคืนชีพของจักรพรรดิมืด… แต่สภาวะของผู้ที่ถูกคืนชีพนั้นไม่สมบูรณ์สักเท่าไร คล้ายกับซอมบี้มากกว่าคนเป็น… การคืนชีพแบบนี้จะสร้างปัญหาใหญ่ให้เจ้าของร่างแน่นอน… ไคลน์บนสายหมอกย่อมได้เห็นฉากตรงหน้าเช่นกัน จึงคาดเดาหลายสิ่งในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ