ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1343

เรากลับมาที่ยูโทเปียจริงๆ … เมื่อเห็นฉากด้านนอก เวนเดลล์รู้สึกโล่งใจและผ่อนคลาย มันไม่สงสัยในตัวเลือกของตนอีกแล้ว

ต้องไม่ลืมว่า ตำแหน่งปัจจุบันของตนคือห้องน้ำในสำนักงานใหญ่ MI9 ต่อให้มีกองทัพติดอาวุธครบมือก็ยากจะบุกเข้ามา

เวนเดลล์สูดลมหายใจเข้าออก เดินออกจากห้องน้ำไปยังหน้าทางเข้าห้องโถง

ด้านหลังมัน ตรงมุมหนึ่งของห้องน้ำที่ไม่มีใครสนใจ ร่างของอีกาดำถูกปกคลุมด้วยม่านที่ดูคล้ายเงาจนสูญเสียความเป็นจริง ต่อให้จ้องมองโดยตรงก็ยากจะพบตัว

ถัดมา ร่างของอีกาค่อยๆ โปร่งใสและเลือนหายไป

ในเวลาเดียวกัน เวนเดลล์เดินออกจากห้องโถงไปไกลหลายเมตร จนกระทั่งพบตำรวจสวมเครื่องแบบตารางหมากรุกขาวดำเดินตรงมา

อีกฝ่ายคือตำรวจหนุ่มนามว่าไบลส์ ผู้เคยขอให้เวนเดลล์ไปเป็นพยานในชั้นศาล

“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณจะมา เพราะคุณเป็นคนจิตใจดี” ไบลส์ทักทายเวนเดลล์ด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำชม ในที่สุดสติของเวนเดลล์ก็กลับเข้าร่องเข้ารอย ถัดมา มันหันหลังกลับตามสัญชาตญาณและพบว่า ตำแหน่งที่เคยเป็นห้องน้ำเกิดความเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง กลายเป็นภาพที่ตนไม่คุ้นเคย

ในเขาวงกตความฝันอันประกอบจากกลุ่มก้อนความคิด กระต่ายสีขาวตัวใหญ่ซึ่งยืนสองขา เดินออกจากประตูไม้ที่เปิดอ้า ย่างกรายเข้ามายังดินแดนอันรกร้างซึ่งเต็มไปด้วยต้นเสาสีเทาอ่อนและตำหนักอันงดงาม

มิสเตอร์โทสะ… แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้สวมหน้ากาก แต่ด้วยเอกลักษณ์ที่ยากจะลืมเลือน ช่วยให้ออเดรย์จดจำได้ทันที

นี่เป็นพัฒนาการที่เธอคาดไม่ถึง แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจสักเท่าไร

ตามความเห็นของหญิงสาว ลำพังมิสเตอร์โทสะไม่น่าจะจัดการมังกรจิตโบราณอาริฮ็อกได้ ถึงมิสเตอร์ฟูลจะเคยบอกให้ระวังอีกฝ่ายก็ตาม

ต้องไม่ลืมว่า ผู้ที่คอยชักใยเบื้องหลังสมาคมแปรจิต ชายผู้เป็นอดีตราชาเทวทูต ปัจจุบันกลายเป็นเทพแท้จริงลำดับ 0 เรียบร้อยแล้ว จากความรู้พื้นฐานของชุมนุมทาโรต์ การมีลำดับ 0 ย่อมหมายถึง โลกนี้ไม่มีลำดับ 1 นักประพันธ์แม้แต่คนเดียว ดังนั้น ไม่ว่ามิสเตอร์โทสะจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ตราบใดที่ยังอยู่บนเส้นทางผู้ชม อย่างมากก็จะอยู่ในลำดับเดียวกับอาริฮ็อก หากจะมีความแตกต่าง ก็คงเป็นในด้านประสบการณ์ต่อสู้ การวิจัยทางจิต หรือการบ่มเบาะตัวเอง

ทันทีที่เห็นกระต่ายยักษ์สีขาวย่างกรายเข้ามา อาริฮ็อกเจ้าของเกล็ดสีเทาขนาดใหญ่ ทำการสยายปีกที่เคยปกคลุมผิวหนังจนเกิดเสียง บรรยากาศโดยรอบถูกครอบงำด้วยเงาดำทันที

กระต่ายขาวกระโดดอยู่กับที่พลางใช้สองเท้ากระทบกัน ทันใดนั้น ร่างกายของมันพลันขยายขนาดใหญ่ประหนึ่งเนินเขาลูกเล็ก

ในเวลาเดียวกัน เหนือศีรษะของกระต่าย ท้องฟ้าที่หม่นหมองเกิดสว่างจ้า ใต้ฝ่าเท้าของกระต่าย แผ่นดินปริแตกพร้อมกับพ่นแมกมาสีแดง

ทันทีหลังจากนั้น ร่างอันพร่ามัวและบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นด้านหลัง

ร่างดังกล่าวสวมชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย ยากจะมองเห็นใบหน้าและจำแนกอายุได้ชัดเจน สิ่งเดียวที่บอกได้คือเพศชาย

ด้านหลังศีรษะชายคนดังกล่าวมีทรงกลดอันเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อส่วน ใต้ฝ่าเท้ามีนาฬิกามายาแบ่งออกเป็นสิบสองช่อง แต่ละช่องมีสัญลักษณ์บอกเวลาแตกต่างกันไป ถัดไปด้านหลังมีเงาดำคล้ายม่าน ภายในม่านคล้ายกับมีดวงตามองออกมา

เมื่อร่างดังกล่าวปรากฏเป็นเค้าโครง วงกตความฝันพลันสั่นสะเทือนหนักหน่วง เศษชิ้นส่วนสีเทาทยอยร่วงกราวจากความว่างเปล่า

ความรู้สึกสกปรกและเสื่อมทรามซึ่งตรงข้ามกับแสงแดดบริสุทธิ์ แผ่ซ่านไปรอบๆ ตัวกระต่ายสีขาวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกัดกร่อนและกลืนกินบริเวณข้างเคียง

อย่างไรก็ดี ร่างของบุคคลที่สวมชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย กลายเป็นจริงและคมชัดได้ยากเย็น มิอาจหลุดพ้นจากการเป็นภาพมายาได้เสียที

เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายคมชัด ร่างดังกล่าวจะเกิดบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ คล้ายกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกสัญญาณรบกวน

ปัจจุบัน ออเดรย์รีบถอดสายจากกระต่ายสีขาวตามสัญชาตญาณ

อาจเป็นเพราะเธอกำลังอยู่ในความฝัน แถมยังเป็นฝันที่เชื่อมโยงกับเกาะแห่งจิตและทะเลจิตใต้สำนึกรวมอย่างใกล้ชิด โดยไม่ต้องมีใครอธิบาย หญิงสาวก็ทราบทันทีว่ามิสเตอร์โทสะคิดจะทำสิ่งใด

กระต่ายสีขาวตระหนักถึงจุดอ่อนทางจิตใจของมังกรโบราณอาริฮ็อก จึงทำการถักสานฝันร้ายให้เกิดภาพตามนั้น

ในการต่อสู้ระดับสูงของเส้นทางผู้ชม หากทั้งสองฝ่ายอยู่ในลำดับเดียวกัน พลังของทั้งคู่แทบจะไม่ส่งผลต่อกันและกัน: คนหนึ่งสามารถลอบเข้าไปในเกาะแห่งจิตเพื่อทำการสะกดจิตเชิงลึก แต่อีกคนก็สามารถเฝ้าประตูกายปัญญาโดยไม่ปล่อยให้บุคลิกเสมือนแปลกปลอมบุกรุกเข้ามา; คนหนึ่งสามารถแพร่โรคระบาดทางจิตผ่านทะเลจิตใต้สำนึกรวม แต่อีกคนก็สามารถปลอบโยนตัวเองเพื่อรักษาอาการทางจิต

ดังนั้น การต่อสู้ของนักบุญ ‘ผู้ชม’ ในลำดับเดียวกัน มักลงเอยด้วยรูปแบบที่ตายตัวสามชนิด: หนึ่ง วางกับดักไว้ล่วงหน้าและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ โน้มน้าวเป้าหมายอย่างใจเย็น ลอบฝ่าแนวป้องกันทางจิตของเหยื่อและสะกดจิตให้สำเร็จในคราวเดียว สอง เน้นการป้องกันตัวเองและพึ่งพาพลังจากสมบัติปิดผนึกเพื่อเอาชนะ สาม เมื่อพลังพิเศษเชิงจิตใจจำพวกโรคระบาด ช่วงชิงจิตใจ ลมหายใจมังกร ควบคุมจิตใต้สำนึก หรืออื่นๆ ไม่ได้ผล หนทางสุดท้ายคือการสะกดจิตตัวเองเพื่อใช้ ‘จำแลงมังกร’ และเปิดศึกการต่อสู้ระยะประชิดอย่างดุเดือด

ในรูปแบบที่สาม หากใครวิจัยเชิงลึกมากกว่า มีจิตใจที่เข้มแข็งกว่า ก็สามารถยืดเวลา ‘จำแลงมังกร’ ให้นานขึ้นและช่วงชิงความได้เปรียบ แต่แน่นอน นั่นเป็นกรณีที่อีกฝ่ายหนีไม่ได้

แต่ในระดับเทวทูต ทุกคนคือสัตว์ในตำนานร่างสมบูรณ์ เลิกพูดเรื่องระยะเวลาในการจำแลงมังกรได้เลย สิ่งสำคัญคือ ‘ความเข้าใจ’ ในจุดอ่อนทางจิตของอีกฝ่าย หากใครสานฝันร้ายได้ตรงประเด็นมากกว่า ก็สามารถทำลายปราการทางจิตได้เร็วกว่า จนกระทั่งศัตรูเสียสติหรือเสียชีวิตด้วยความกลัว

เนื่องจากออเดรย์อยู่ในความฝันเดียวกัน ต่อให้ฝันร้ายไม่ได้พุ่งเป้ามาหาเธอ แต่หญิงสาวก็ยังจะได้รับผลกระทบจากอารมณ์ คุณสมบัติ ระดับตัวตน และการกัดกร่อนจากฝันร้าย

เฉกเช่นในปัจจุบัน เธอทราบดีว่าฝันร้ายที่มิสเตอร์โทสะถักทอคือเทพสุริยันบรรพกาล สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงที่สุดในใจอาริฮ็อก แต่ในเวลาเดียวกัน อิทธิพลของเทพสุริยันบรรพกาลก็ทำให้การกัดกร่อนแผ่ขยายเป็นวงกว้าง จนทั่วความฝันอย่างมิอาจควบคุม

เมื่อถึงตอนนั้น ในยามที่ออเดรย์ลืมตาตื่น เธอจะกลายเป็นผู้ป่วยทางจิตที่มิอาจรักษาให้หาย หรือไม่ก็กลายเป็นสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ สูญสิ้นเหตุและผลโดยสิ้นเชิง โจมตีสุดสิ่งรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ