เมื่อพบว่าในเมืองหุ่นเชิดไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ ไคลน์นึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับมิสจัสติส
แผนโจมตีมังกรจิตอาริฮ็อกไม่ได้ถูกคิดโดยอาดัม แต่เป็นเฮอร์มิส?
ไม่อย่างนั้น อาดัมไม่มีทางไม่เสด็จเยือน และอาริฮ็อกก็คงยากที่จะหนีพ้น ทางรอดเดียวคือการหวังพึ่งพาเมืองแห่งปาฏิหาริย์ที่สอง…
ถ้าเฮอร์มิสเป็นคนวางแผน ทุกอย่างก็ลงล็อกพอดี… เฮอร์มิสไม่ได้คิดจะจับหรือฆ่าอาริฮ็อกตั้งแต่แรกแล้ว เพียงต้องการล้วงข้อมูลบางอย่าง และเห็นได้ชัดว่าการไล่ตามหยุดลงทันทีที่อาริฮ็อกพูดว่า ‘อาดัมอาจไม่ใช่อาดัมเสมอไป’ …
อา ดูเหมือนว่าเฮอร์มิสจะสงสัยเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของอาดัมมานาน แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านระดับตัวตน จึงล่อให้อาริฮ็อกปรากฏตัวเองไม่ได้ ต้องใช้มิสจัสติสเป็นเหยื่อ…
อาดัมอาจไม่ใช่อาดัม และอาริฮ็อกอาจไม่ใช่อาริฮ็อก… ประโยคนี้น่าสนใจมาก เส้นทางผู้ชมในลำดับสูงเต็มไปด้วยปริศนายิ่งกว่าเส้นทางนักทำนายเสียอีก ย้อนกลับไปในอดีต ทั้งที่มังกรจินตภาพแอนเคอร์เวลอยู่ในลำดับ 0 แต่กลับมีบุตรชายเป็นลำดับ 1 ในเส้นทางเดียวกันนามว่า ‘มังกรแห่งฝันร้าย’ อัลเซอร์ฟอร์ด…
หากอาดัมไม่ใช่อาดัม แล้วเขาเป็นใคร? เป็นอาดัมในตำนานของโลกเก่า หรือเป็นส่วนหนึ่งของมหาต้นกำเนิด? หรือมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างกับการคืนชีพของเทพสุริยันบรรพกาล? นี่คือเหตุผลที่ทำให้เมดีซีชอบเรียกว่า ‘คนขี้ระแวง’ …?
ไคลน์ดีดเหรียญทองขึ้นไปในอากาศเพื่อทำนาย
ผลการทำนายระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่เป็นอันตราย
ไคลน์เก็บเหรียญทองและเตรียมกลับสู่ร่างต้นที่นอนหลับอยู่ใต้วิหารพระแม่อาเรียนน่า
ทันใดนั้นเอง มันชะงักความเคลื่อนไหว
เหตุการณ์มิสจัสติสได้พบกับอาริฮ็อกและเฮอร์มิส กับเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ MI9 ได้กลับมายังยูโทเปีย เกิดขึ้นแทบจะพร้อมกัน…
หากมองผิวเผินจะไม่มีปัญหาในทั้งสองฝั่ง แต่คำว่า ‘พร้อมกัน’ ทำให้ไคลน์เกิดความหวาดระแวง
มันอ่อนไหวต่อคำว่า ‘ความบังเอิญ’ ‘พร้อมกัน’ ‘เกือบ’ และ ‘สมเหตุสมผล’ อย่างมาก เป็นแผลใจจากประสบการณ์ในอดีต
ไคลน์ใช้นิ้วเคาะโต๊ะทองแดงยาว ตัดสินใจไม่ประมาทกับความกังวลนี้
มันควบแน่นคำพูดและเจตจำนงให้เป็นก้อนแสง ก่อนจะโยนเข้าไปในจุดแสงแห่งการสวดวิงวอน
จัดการเสร็จ ไคลน์ส่งจิตใต้สำนึกดำดิ่งและออกจากปราสาทต้นกำเนิด
ทันทีหลังจากนั้น มันเตรียมการจะทำบางสิ่ง เพื่อสร้างอิทธิพลกับยูโทเปียและ ‘ทิ้ง’ คนนอกซึ่งกำลังอยู่ในเมืองออกไป
ด้วยวิธีนี้ แม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน แต่ก็จะไม่มีผู้บริสุทธิ์ได้รับลูกหลง
ขณะเดียวกันก็หมายความว่า ไคลน์พร้อมทุกเมื่อที่จะทิ้งยูโทเปียเพื่อสร้างเมืองหุ่นเชิดขึ้นมาใหม่ในแห่งอื่น เพราะท้ายที่สุด พิธีกรรมนี้สามารถทำซ้ำอีกกี่ครั้งก็ได้ แต่โควตาการคืนชีพของตนเหลือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
…
“พักผ่อนให้เต็มที่ครับ อีกสองวันจะถึงเวลาให้ปากคำในศาล” ไบลส์ส่งเวนเดลล์ที่หน้าประตูโรงแรมดอกไอริช
เวนเดลล์ยิ้มตอบ
“ผมกำลังง่วงพอดี”
ปัจจุบันเป็นเวลากลางดึก ก่อนหน้านี้มันกังวลและประหม่าจนนอนไม่หลับ นั่นก็คือเหตุผลที่อยากเตร็ดเตร่ไปรอบสำนักงานใหญ่ MI9 เพื่อให้สมองโล่ง แต่ดันบังเอิญได้ยินบทสนทนาของเพื่อนร่วมงานเสียก่อน อารมณ์ของมันจึงพลุ่งพล่าน ตัดสินใจกลับยูโทเปียและเผชิญปัญหาโดยตรง
หลังจากเช็กอิน เวนเดลล์ซึ่งไม่ได้นำกระเป๋าเดินทางติดตัวมาด้วย เดินไปยังชั้นสามอย่างกระฉับกระเฉงและเข้าพักในห้อง
เมื่อผ่านกรอบประตู มันรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมมืดกว่าปรกติเล็กน้อย
เวนเดลล์เดินไปยังริมหน้าต่าง ดึงม่านเปิดเพื่อให้หลับอย่างสบายใจ
ระหว่างนั้น มันรู้สึกคุ้นเคยกับวิวทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างอย่างบอกไม่ถูก
แต่ภายใต้ความมืดยามค่ำคืน มันมิอาจจำแนกสภาพแวดล้อมได้ชัดเจนนัก เพียงแค่คิดว่า อาจเป็นฉากที่ตนเคยเห็นในยูโทเปียมาก่อน จึงยกมือขึ้นปิดปากหาวและเดินกลับเตียง จากนั้นก็ถอดเสื้อนอกออก
…
โมนิก้าที่หลับจนถึงกลางดึก จู่ๆ เกิดปวดปัสสาวะกะทันหัน
หญิงสาวพยายามอั้น แต่ท้ายที่สุดก็ถึงจุดที่อั้นไม่ไหว จึงต้องลุกจากเตียงและเดินไปเข้าห้องน้ำภายในห้องพักตัวเอง
ขณะผลักประตูห้องน้ำ โมนิก้ารู้สึกว่ามันหนักกว่าปรกติเล็กน้อย
เธอขยี้ตาซึ่งแทบลืมไม่ขึ้น แต่มิได้แยแสการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เพียงรีบจัดการปัญหาด้านสุขอนามัยส่วนตัว ก่อนจะวิ่งออกจากห้องน้ำและกลับไปนอนบนเตียง
เมื่อซุกใต้ผ้าห่ม หญิงสาวสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิต่ำกว่าปรกติค่อนข้างมาก จึงต้องห่อตัวเองให้แนบแน่น
เพียงไม่นาน หญิงสาวผล็อยหลับไปอีกครั้ง
…
ราวสิบห้านาทีถัดมา ไบลส์ซึ่งกำลังลาดตระเวนบนถนน ถูมือของตัวเองพลางหันหน้าเดินกลับสถานี เตรียมเปลี่ยนกะกับเพื่อนร่วมงาน
ทันใดนั้น ร่างกายของมันหยุดชะงักด้านหน้าตรอกหนึ่ง
กลุ่มก้อนด้ายวิญญาณสีเข้มของมันถูกกระชากขาดและลอยขึ้น
กระดาษคนซึ่งถูกตัดแต่งอย่างประณีตตกลงมาจากฟากฟ้า เชื่อมต่อกับด้ายวิญญาณฝั่งที่ไม่ได้ติดกับร่างไบลส์ ก่อนจะแปลงร่างเป็นไบลส์อีกหนึ่งคน
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ถูกเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนความรู้ ก่อนจะถูกจัดโครงสร้างใหม่กลายเป็นชายผู้แต่งกายในชุดหรูหรา เจ้าของผมยาวสีเกาลัด
ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ไม่ใช่ใครนอกจากภาพฉายทางประวัติศาสตร์โรซายล์·กุสตาฟในลำดับ 1
ทันทีหลังจากนั้น ภาพฉายเหยียดแขนออก รวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากสภาพแวดล้อมลงบนฝ่ามือ ก่อตัวเป็นลูกบอลแสงมายา
ข้อมูลเหล่านี้คือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับไบลส์
ถัดมา ภาพฉายของโรซายล์·กุสตาฟทำการปลอมแปลงข้อมูลที่สมเหตุสมผลขึ้นมาหนึ่งก้อน และส่งไปตามด้ายวิญญาณที่เชื่อมกับกระดาษคนซึ่งปลายทางคือวิหารพระแม่อาเรียน่าในจัตุรัส ส่งลงไปถึงใต้ดินของวิหาร
หลังจากจัดการเสร็จ ในอากาศผุดกลุ่มก้อนข้อมูลจำนวนมาก และด้วยความช่วยเหลือจากพลังของโรซายล์ ข้อมูลเหล่านั้นได้จัดระเบียบโครงสร้างใหม่จนกลายเป็นสามร่าง:
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ