ราชันเร้นลับ 1360 : ตัวเลือก – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ
ตอนนี้ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ราชันเร้นลับ 1360 : ตัวเลือก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
หลังจากเขียนความรู้สึกเกี่ยวกับทิงเก็น ไคลน์เสริมเกี่ยวกับพิธีกรรมที่ตนเพิ่งทำสำเร็จ เล่าว่าตนกลายเป็นลำดับ 1 บริวารเร้นลับเรียบร้อยแล้ว และได้ขจัดหนึ่งในเงาดำที่ปกคลุมจิตใจมาเป็นเวลานาน – ผู้นำแห่งลัทธิเร้นลับ ซาราธ
มันมิได้สาธยายความยากลำบากโดยละเอียด เพียงเล่าถึงปัญหาร้ายแรงที่เทวทูตต้องเผชิญ
วางปากกาและพับกระดาษ ชายหนุ่มหยิบนกหวีดทองแดงอะซิกออกจากปราสาทต้นกำเนิด นำมาจ่อปากและเป่า
ภายในร้านกาแฟราคาถูก กระดูกสีขาวพรั่งพรูราวกับน้ำพุ ก่อตัวเป็นผู้ส่งสารร่างยักษ์
ผู้ส่งสารย่อตัวลงทันที จนเหลือส่วนสูงเทียบเท่ามนุษย์ปรกติ
ในเวลาเดียวกัน มันคุกเข่าลงหนึ่งข้างก่อนจะกางฝ่ามือ
“ไม่จำเป็นต้องกลัวข้า” ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์อมยิ้ม “ใช่ว่าข้าจะทำอะไรสักหน่อย?”
กล่าวจบ มันหยิบจดหมายขึ้นมาวางลงบนฝ่ามือผู้ส่งสารกระดูก
ผู้ส่งสารผงกศีรษะหนักแน่นหลายหน ไม่มีใครทราบว่ามันเห็นด้วยในเรื่องใด
จากนั้น ร่างของมันแยกส่วนกลายเป็นกระดูกสีขาวหลายชิ้น ร่วงหล่นลงไปใต้พื้นร้านกาแฟ
ในเวลาเดียวกัน เจ้าของร้านยกกาแฟ ขนมปังข้าวโอ๊ต และสตูแกะกับถั่วมาเสิร์ฟ
ขณะกำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารเช้าที่ไม่ได้อร่อยมากนัก แต่มีความบ้านๆ อยู่เต็มเปี่ยม ไคลน์มองออกไปนอกหน้าต่าง ชื่นชมวิวทิวทัศน์ถนนยามเช้าอย่างไร้จุดหมาย ชื่นชมคนเดินถนน รถม้า ต้นไม้ สายหมอก อาหาร และเครื่องจักรต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นฉากนี้
หากไม่มีวันสิ้นโลก และหากต้องการใช้ชีวิตอยู่ในทิงเก็นอย่างสะดวกสบาย คอยทำคดีไปวันๆ ลำดับที่ดีที่สุดคือลำดับ 7 เพราะถ้านักมายากลมีการเตรียมตัวที่ดีพอ ต่อให้เผชิญหน้ากับลำดับ 6 และ 5 ก็มิได้เสียเปรียบมากจนเกินไปนัก ในกรณีของผู้ไร้หน้าและนักเชิดหุ่น มีโอกาสที่ผู้วิเศษจะสูญเสียตัวตนได้ง่ายขณะสวมบทบาท นอกจากนั้น อันตรายจากการเลื่อนลำดับก็ยังค่อนข้างสูง แต่แน่นอน หากมีตัวช่วยเป็นยุบพองหิวโหยที่ถูกผนึกไว้โดยสมบูรณ์ล่ะก็ นั่นคงไม่ใช่ปัญหา… ไคลน์ปล่อยความคิดล่องลอย ก่อนจะนึกถึงยุบพองหิวโหยที่ตกอยู่ในมืออามุนด์
มันเดาไม่ออกว่าอามุนด์จะปฏิบัติต่อสมบัติปิดผนึกชิ้นนี้อย่างไร เพียงแต่ค่อนข้างมั่นใจว่า ตัวตนระดับเทวทูตกาลเวลาคงไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานมันมากนัก หลังจากเล่นสนุกด้วยสักพัก ก็คงถูกทิ้งไว้ใน ‘โกดัง’ ลับอันมืดมิดของอามุนด์
จะมีโอกาสไปชิงกลับมาไหมนะ… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์เริ่มรู้สึกผิด
นั่นเพราะแม้ชายหนุ่มจะชิงยุบพองหิวโหยกลับมาได้สำเร็จ แต่ตนก็คงโยนมันไว้ในกองขยะไม่ต่างกัน รอ ‘มอบ’ ให้ข้ารับใช้หรือสาวกที่สวดวิงวอนมาขอความช่วยเหลือ
ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนที่ยังอยู่ในมืออามุนด์
ไคลน์รีบเปลี่ยนความคิด:
เสียกระจกวิเศษไปอีกแล้ว…
อาดัมคงไม่หวงแหนกระจกวิเศษระดับนักบุญสักเท่าไร บางที เราอาจมีโอกาสนำกลับมา…
ไม่สิ ดูเหมือนว่าอาโรเดสจะถูกพ่นออกจากทะเลแห่งความโกลาหล ในบางแง่มุม มันสามารถใช้เป็นสื่อกลางได้… เฮ้อ ได้แต่หวังว่าอาดัมจะไม่ทำลายทิ้งหรือทำให้ชำรุด และหวังว่าเราจะมีโอกาสนำอาโรเดสกลับมา…
หลังจากกลายเป็นบริวารเร้นลับและควบคุมปราสาทต้นกำเนิดในเชิงลึก ไคลน์ได้ถือครองอำนาจ ‘การปกปิด’ ในระดับหนึ่ง
เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มครุ่นคิดเรื่องสำคัญ จะมีเงาบางๆ ปิดกั้นรอบตัวจนไม่มีใครสังเกตเห็นเสมอ
นี่คือ ‘ดินแดนเร้นลับ’ ซึ่งเทียบเท่าอาณาจักรเทพเทียม
เป็นเหตุผลให้ไคลน์กล้าพูดชื่ออาดัมตรงๆ ภายในใจ
หลังจากถอนหายใจ ไคลน์ฉุกคิดบางสิ่ง จึงรีบบอกให้หนอนวิญญาณที่อยู่บนปราสาทต้นกำเนิด ช่วย ‘ปลูกถ่าย’ พื้นที่บางจุดเข้ากับตำแหน่งบนโลกวิญญาณของเมืองที่ตนใช้เลื่อนลำดับ
ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์ก้มหน้ากินสตูเนื้อแกะกับถั่วที่ยังเหลือ นำขนมปังข้าวโอ๊ตจิ้มกับซุป ปิดท้ายด้วยการดื่มกาแฟ
เมื่อสวมหมวกทรงกึ่งสูง ชายหนุ่มยืนขึ้น ก้าวไปข้างหน้า ย่างกรายเข้าสู่โลกวิญญาณในตำแหน่งของเมืองยูโทเปียโดยตรง
จากนั้น ไคลน์ยกเลิกการปลูกถ่ายและออกจากโลกวิญญาณ เหยียบลงบนซากเมืองยูโทเปียของจริง
นี่คือการใช้พลัง ‘ปลูกถ่าย’ ร่วมกับคุณสมบัติในการเข้าออกโลกวิญญาณได้อย่างอิสระของตน จนเกิดเป็นผลลัพธ์แบบเดียวกับ ‘เทเลพอร์ต’ แต่แน่นอน เงื่อนไขก็คือ ไคลน์ต้องทราบพิกัดโลกวิญญาณของปลายทางเสียก่อน ในแง่ดังกล่าว ตัวมันซึ่งเป็นเจ้าของปราสาทต้นกำเนิด ย่อมมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าใคร ส่วนบริวารเร้นลับคนอื่นอย่างซาราธ การจะทำเช่นนี้ได้ต้องเตรียมการล่วงหน้าเท่านั้น
ไคลน์ซึ่งบรรจงย่างกรายเข้าไปในซากปรักหักพังยูโทเปีย กวาดสายตาไปรอบตัวและพบว่าตามซากอาคารที่พังถล่มและซากศพไหม้เกรียม มีแสงหลากสีสันกำลังส่องประกาย
ทั้งหมดคือตะกอนพลังในหุ่นเชิด เป็นสมบัติที่ไคลน์รวบรวมมาจากดินแดนเทพทอดทิ้ง
สิ่งเหล่านี้อาจไร้ประโยชน์สำหรับชายหนุ่ม แต่ต้องไม่ลืมว่าไคลน์ยังมีสาวกอีกหลายคน และยิ่งทวีจำนวนขึ้นในอนาคต ‘เทพ’ อย่างมันจำเป็นต้องสั่งสมเอาไว้คอย ‘ประทาน’ ให้เหล่าข้ารับใช้ในอนาคต
โชคดีที่เทพวายุสลาตันไม่ได้ฉวยโอกาสเก็บกลับไป… ไคลน์กล่าวกับตัวเองในใจ และอดไม่ได้ที่จะขอบคุณเลโอเดโร
…
แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก คฤหาสน์ตระกูลฮอลล์
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น บรรดาผู้คนที่ต้องทนทุกข์ ทยอยกลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อชดเชยการอดนอน เหลืองเพียงอัลเฟรด บอดี้การ์ดส่วนตัวของเอิร์ลฮอลล์ อาวุโสใหญ่และเหยี่ยวราตรีจากโบสถ์รัตติกาล ยังคงอยู่สืบสวนหาสาเหตุของความผิดปรกติ
ออเดรย์ใช้ซูซี่ โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านนอก ส่วนตัวเธอเปิดประตูห้องนอนและเดินเข้าไป
ท่ามกลางแสงแดดจางๆ ที่ส่องผ่านม่านเข้ามาในห้อง ร่างหนึ่งกำลังนั่งอย่างเงียบงันบนเก้าอี้สูง ดูคล้ายกับตุ๊กตายักษ์
กระต่ายยักษ์ขนขาว
ออเดรย์กระตุกคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงต่ำ:
“มิสเตอร์โทสะ”
นี่คือมิสเตอร์โทสะแห่งสมาคมแปรจิต ผู้เคยไล่ล่ามังกรจิตอาริฮ็อก และต้องสงสัยว่าเป็นหนึ่งในตัวตนของเฮอร์มิส ไอลีนโนเวล
ความง่วงซึ่งสั่งสมจากการอดนอนตลอดทั้งคืน แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดผวาสุดขีด
พระคาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุสลาตัน ต้องการแฝงตัวเข้ามาอยู่กับโบสถ์เทพสมุทร!
นี่คือเรื่องใหญ่ในเชิงศาสนา ในเชิงโลกเหนือธรรมชาติ และในเชิงการเมืองระหว่างอาณาจักร!
แม้มันจะเข้าใจธรรมชาติของโบสถ์วายุสลาตันเพียงผิวเผิน แต่เดนิสก็มั่นใจว่า ด้วยบุคลิกและรูปแบบการทำงานของอีกฝ่าย ย่อมไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้เลยตามเลยแน่นอน บางทีภัยพิบัติที่พร้อมจะทำลายทั้งหมู่เกาะรอสต์ อาจกำลังเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่
ไม่เพียงเท่านั้น พระคาร์ดินัลยังเป็นทรัพย์สินอันมีค่าในสายตาเทพวายุสลาตัน การทรยศของอัลเจอร์ อาจนำมาซึ่งเทวทัณฑ์ในทุกลมหายใจ… ยิ่งครุ่นคิด เดนิสก็ยิ่งสั่นสะท้าน ด้วยเกรงว่าตนจะโดนลูกหลงไปด้วย
มันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสุภาษิตจากบ้านเกิด:
“อย่าเข้าใกล้ผู้ถูกที่เทพทอดทิ้ง”
เพราะสายฟ้าที่ผ่าใส่คนเหล่านั้น อาจรุนแรงจนคนข้างๆ ได้รับผลกระทบ
หากไม่ใช่เพราะเกอร์มัน·สแปร์โรว์ส่งข้อความถึงเราล่วงหน้าในนามแห่งข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล ว่าให้ต้อนรับอัลเจอร์·วิลสันเป็นอย่างดี เราคงจับระเบิดเวลาที่หลบหนีออกมาลูกนี้มัดเอาไว้ และใส่กล่องส่งคืนกลับไปให้โบสถ์วายุสลาตัน… ยิ่งเดนิสหวาดกลัว มันก็ยิ่งรำพันภายในใจยืดยาว
แต่แน่นอน มันทำได้แค่คิด เพราะพลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเกินไป
ผ่านไปสักพัก ใครบางคนเคาะประตู
เดนิสรีบลุกพรวด เดินไปทางประตูและเปิดแง้มออก
“ได้ความว่ายังไง?” มันถามเสียงต่ำ
หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของโบสถ์เทพสมุทรด้านนอกประตู กล่าวเสียงสุขุม
“ลอร์ดเดนิส โบสถ์วายุสลาตันประกาศเปลี่ยนตัวพระคาร์ดินัล”
“แล้วคนเก่าล่ะ?” เดนิสถามด้วยความประหลาดใจ
“ข่าวที่ผมได้รับมาก็คือ พระคาร์ดินัลคนเก่าถูกส่งกลับไปประจำการที่สำนักงานใหญ่” หัวหน้าหน่วยข่าวกรองเล่าถึงข้อมูลที่มันสอบถามมาจากคนรับใช้ภายในมหาวิหารคลื่นสมุทร
กลับไปประจำการที่สำนักงานใหญ่… ขณะเดนิสสับสน สายหมอกสีเทาปกคลุมการมองเห็นของมันกะทันหัน
ตามมาด้วยเสียงของมิสเตอร์ฟูล:
“นับแต่นี้ไป อัลเจอร์จะสวมหน้ากากและทำหน้าที่สันตะปาปาแห่งโบสถ์เทพสมุทร”
………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ