เทพมรณาซาลินเจอร์ ผู้เตร็ดเตร่อยู่ในแม่น้ำอันธการนิรันดร์ด้วยสีหน้าล่องลอย หันมาจ้องไคลน์ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วย ‘รังไหม’ สีเทาอ่อน
ดวงตาสีซีดที่ใกล้อับแสงของมัน กำลังสะท้อนภาพของเครื่องประดับทองคำรูปนกบนหน้าอกไคลน์
วินาทีถัดมา เสียงคำรามต่ำเล็ดลอดจากปากอันเน่าเปื่อยของซาลินเจอร์ ดังกังวานไปทั่วแม่น้ำ ส่งผลให้กัลเดรอนทั้งเมืองสั่นสะเทือนทันที
แม่น้ำสายย่อยที่บ้างก็ม้วนขึ้น บ้างยุบตัวลง บ้างมีสีซีด บ้างมีสีทึบ พลันพรั่งพรูเข้าใส่ไคลน์ด้วยความเกรี้ยวกราด
ระหว่างนั้น กระแสน้ำมายายิ่งผสานเป็นเนื้อเดียวกับสายหมอกสีเทาอ่อน เกิดเป็นสีสันที่คล้ายคลึงกัน
กระแสน้ำสีเทาอ่อนพุ่งปะทะร่างไคลน์หลายระลอก แต่กลับมิอาจทำลาย ‘รังไหม’ ที่ห่อหุ้มชายหนุ่มได้
เทพมรณาซาลินเจอร์ เจ้าของร่างอันเน่าเปื่อย ย่างกรายทีละก้าวจนมาถึงริมแคว แต่จนแล้วจนรอดก็มิอาจหลุดออกมา ทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับคำรามเหมือนคนบ้า
ไคลน์มองผ่านมันไป คอยเฝ้าสังเกตร่างอันพร่ามัวจำนวนมากซึ่งกำลังเตร็ดเตร่อยู่สองฝั่งของแคว
บางส่วนถูกกระแสน้ำพัดเข้ามายังกึ่งกลางแคว จนกระทั่งจมลงสู่ก้นสายน้ำโดยมิอาจขัดขืน จากนั้นก็ละลายไปหายไปประหนึ่งน้ำค้างแข็ง
ร่างอื่นๆ ที่ยังเหลือปราศจากความกลัวโดยสิ้นเชิง ยังคงอยู่ในอาการเหม่อลอย เดินวนเวียนไปมาไม่สิ้นสุด
เมื่อชำเลืองมอง ไคลน์เห็นร่างที่คุ้นเคยมากมาย
ทั้งหมดเป็นคนคนเดียวกัน สุภาพบุรุษผิวสีแทน บุคลิกอ่อนโยน อะซิก·อายเกส
‘กงสุลมรณะ’ รายนี้คล้ายกับถูกแบ่งเป็นหลายตัวตน แต่ละร่างเดินเตร็ดเตร่ท่ามกลางเสาหินสีซีดทั้งสองฝั่งของแม่น้ำอันธการนิรันดร์
นี่มัน… หัวใจไคลน์พลันดำดิ่ง ขาขวาเย็นเยียบทันใด
ชายหนุ่มก้มศีรษะลงตามสัญชาตญาณ และพบฝ่ามือสีซีด
ฝ่ามือทะลวงผ่าน ‘รังไหม’ สีเทาอ่อนขึ้นมาจับน่องไคลน์
เจ้าของฝ่ามือลอยตัวขึ้นสลับลงท่ามกลางกระแสน้ำ ดูคล้ายกับพรายน้ำที่พยายามดึงไคลน์ลงไปในน้ำลึก
การโจมตีของมันสามารถทะลวงผ่านออร่าของปราสาทต้นกำเนิดได้!
เมื่อตระหนักถึงการจ้องมองจากไคลน์ เจ้าของฝ่ามือสีซีดเงยศีรษะขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน
ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล หน้าตาธรรมดา มีกลิ่นอายนักวิชาการผสมกับหนอนหนังสือ
ไคลน์·โมเร็ตติ!
‘พรายน้ำ’ คนดังกล่าวคือไคลน์·โมเร็ตติ!
วินาทีถัดมา ขาซ้าย ไหล่ขวา และแขนซ้ายของไคลน์ต่างถูกฝ่ามือสีซีดจับคว้าเอาไว้
ผลลัพธ์ทำให้ชายหนุ่มตัวเย็นชืด ร่างวิญญาณคล้ายกับถูกแช่แข็ง มิอาจใช้พลังพิเศษได้ทุกชนิด ยากที่จะต่อสู้ขัดขืน
ฝ่ามือสีซีดทั้งสาม เป็นของร่างมายาที่แตกต่างกันสามร่าง แต่ทุกร่างล้วนมีใบหน้าเหมือนกัน
ใบหน้าของไคลน์·โมเร็ตติ!
ภายใต้การกระชากของ ‘พรายน้ำ’ ทั้งสี่ ร่างของไคลน์ค่อยๆ หลุดออกจาก ‘รังไหม’ สีเทาอ่อน จมเข้าไปในกระแสน้ำ
ร่างกายชายหนุ่มเย็นลงทุกขณะ ความคิดค่อยๆ เฉื่อยชา ทัศนวิสัยเริ่มพร่ามัว จนกระทั่งมองเห็นเพียงแม่น้ำสีดำ
เหนือสายหมอกสีเทา ภายในวังโบราณ สติของไคลน์ถูกโอนถ่ายกลับมายังร่างต้น
วินาทีถัดมา ชายหนุ่มเหยียดแขนโดยปราศจากความลังเล ระดมพลังของปราสาทต้นกำเนิดเพื่อ ‘ขโมย’ วัตถุกลับมาจากภาพฉายทางประวัติศาสตร์ผ่านการเชื่อมโยงที่สร้างขึ้น
แสงสีทองส่องประกายแผ่วเบา เครื่องประดับทองคำรูปนกกลับมาอยู่ในมือไคลน์อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มสลายภาพฉายทางประวัติศาสตร์
ร่างที่กำลัง ‘จมน้ำ’ ในแม่น้ำอันธการนิรันดร์จางหายไป
ถ้าสามารถทะลวงผ่านออร่าของปราสาทต้นกำเนิดได้ นั่นหมายความว่าทั้งสี่เป็นร่างของเราจริงๆ … แต่เราจะไปติดอยู่ในแควน้อยของแม่น้ำอันธการนิรันดร์ได้อย่างไร แถมยังเตร็ดเตร่อย่างล่องลอย? สี่ร่าง… สี่ร่าง… ไคลน์เคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และได้รับแรงบันดาลใจบางอย่างจากเสียง ‘กึกกึก’
คำสำคัญคือ ‘สี่’ ‘วิญญาณ’ และ ‘ความตาย’ ซึ่งนั่นสอดคล้องกับความเป็นจริงที่ว่า ไคลน์ตายไปแล้วสี่ครั้ง และคืนชีพขึ้นมาสี่ครั้ง
แน่นอน หลังจากกลายเป็นบริวารเร้นลับ โควตาการคืนชีพสี่ครั้งย่อมถูกรีเซต
“ทุกครั้งที่เราตาย ไม่ว่าจะคืนชีพสำเร็จหรือไม่ แต่จะเป็นการทิ้งร่องรอยไว้ในแม่น้ำอันธการนิรันดร์เสมอ? เราตายสี่ครั้ง จึงมีสี่ร่างเตร็ดเตร่อยู่ในสองฝั่งแควน้อยของแม่น้ำอันธการนิรันดร์?” ไคลน์จับประเด็นสำคัญได้อย่างคร่าว ตามด้วยถอนหายใจยาว “สมแล้วที่เป็นหนึ่งในแก่นแท้แห่งต้นกำเนิด มันคือตัวแทนของความตาย การหลับใหลชั่วนิรันดร์ ปลายทาง จุดจบ และความมืด… นี่คืออันตรายที่เทพธิดาเคยเตือนเรา? อา เมื่อภาพฉายของเรา ‘จมน้ำตาย’ จิตของเราย่อมได้รับความเสียหาย และเมื่อสภาพจิตใจไม่มั่นคง การลงมือก็อาจเกิดข้อผิดพลาด
จากการอนุมานข้างต้น ไคลน์ได้รับความรู้ใหม่เกี่ยวกับร่างจำนวนมากของอะซิก และเทพมรณาซาลินเจอร์ที่กำลังหลงทาง
พวกมันคือตราประทับแห่งความตายของแต่ละคน
“ขณะตามหาความทรงจำในภายหลัง มิสเตอร์อะซิกเสียชีวิตไปหลายครั้ง แต่ด้วยพลังของ ‘อมรณา’ ทุกครั้งจะคืนชีพได้เสมอ… จากสิ่งที่เราได้เห็นเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าพลังอมตะของ ‘อมรณา’ นั้นนำมาซึ่งอันตรายใหญ่หลวง หากเสียชีวิตจนถึงจำนวนหนึ่ง ร่างหลักมีโอกาสถูกดึงดูดไปยังแม่น้ำอันธการนิรันดร์ และกลายเป็นหนึ่งในร่างพร่ามัวที่เตร็ดเตร่… ซาลินเจอร์มีเพียงร่างเดียว… แสดงว่าหลังจากปรองดองกับเอกลักษณ์ ตราประทับความตายของเขาได้กลายเป็นสิ่งพิเศษไปด้วย” ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์เริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคตของมิสเตอร์อะซิก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ