พ่อครัวร่างท้วมสวมหมวกเชฟสีขาวซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของโรซายล์ กำลังใช้แปรงคุณภาพสูงบรรจงทาเครื่องเทศสูตรพิเศษลงบนเนื้อปลาสีขาวชิ้นยาวหั่นบาง ส่วนผสมประกอบด้วยโหระพา ยี่หร่า เกลือทะเล พริกไทย และน้ำมะนาว เนื้อปลาถูกพลิกเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองด้านสุกเท่ากัน
เนื้อท้องของเมอร์ล็อกค่อนข้างมัน ไขมันหยดลงบนถ่านฟืนในเตาย่างจนเกิดเสียงซู่ซ่าไม่ขาดสาย
กลิ่นหอมฟุ้งลอยคละคลุ้งเต็มอากาศ ไคลน์สูดดมเข้าไปอย่างมีความสุขหนแล้วหนเล่า
เบื้องหน้าชายหนุ่มคือโต๊ะและเก้าอี้ทรงกลม บนโต๊ะมีขวดไวน์ลวดลายพิเศษวางอยู่ ของเหลวด้านในมีสีแดงอมทอง ลักษณะค่อนข้างหนืดโดยสังเกตจากขณะเรือโคลง
“ไวน์เลือดโซเนียถูกหมักจากยางไม้น้ำตาลซึ่งพบได้มากในเขตรอบนอกน้ำพุสีทอง รสชาติคล้ายน้ำผึ้งผสมเลือด ค่อนไปทางหวานละมุนลิ้น มึนเมาได้ง่ายมาก หากถูกใจหญิงสาวคนใด ให้มอมเธอด้วยไวน์ชนิดนี้ รับประกันว่าจะกินเพลินจนไม่รู้ตัว… ฮะฮะ! แต่คุณต้องคอแข็งกว่าเธอนะ”
เมื่อเห็นไคลน์เพ่งมองขวดไวน์ กัปตันไอร์แลนด์·คักส์กล่าวแนะนำเชิงติดตลก
สมกับเป็นอดีตสรั่งเรือ เชี่ยวชาญการทำให้บรรยากาศในวงสนทนาไหลลื่น…
ไคลน์นั่งลงพลางซักถามด้วยสีหน้าเย็นชาไม่แปรเปลี่ยน
“นักผจญภัยมืออาชีพจะไม่ดื่มเหล้า”
คลีฟส์ด้านข้างพยักหน้าเห็นด้วย
“นักผจญภัยจะให้รางวัลตัวเองก็ต่อเมื่อกลับถึงบ้านแล้วเท่านั้น”
“น่าเสียดาย”
ไอร์แลนด์หันไปมองดอนน่าและแดนตัน เด็กทั้งสองต่างก็กำลังจ้องขวดไวน์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
“เด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะห้ามดื่ม”
“หนูเคยดื่มแล้ว มันอร่อยมาก!” ดอนน่าโต้แย้งทันควัน “เพียงแต่… หนูหลับไปโดยไม่รู้ตัวและตื่นขึ้นมาตอนบ่ายของอีกวัน…”
“ผมจำได้ว่าพี่กินไปตั้งสองแก้ว!” สุภาพบุรุษรุ่นเล็ก แดนตัน กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความอิจฉา
ไอร์แลนด์ไม่คิดเติมเต็มความใคร่รู้ของเด็กทั้งสอง เพียงสั่งให้ลูกเรือนำชาเย็นมาบริการพร้อมกับกล่าวต่อ
“เรือลำนี้มีชาวทวีปใต้โดยสารมาด้วยหลายคน ก็เลยต้องมีชาเย็นไว้บริการ”
แดนตันเบือนสายตาไปทางอื่นด้วยสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะหันไปเห็นศพเมอร์ล็อกซึ่งถูกนำเนื้อส่วนดีออกไปหมดแล้ว
“มันไม่ได้น่ากลัวเหมือนภายนอก… แค่ตัวใหญ่กว่าปลาปรกติ มีแขนขาสี่ข้าง และหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้นเอง!”
ดอนน่าหันไปมองน้องชาย
“ดีใจด้วย นายเข้าถึงสัจธรรมแล้ว”
จากนั้น เด็กหญิงหันไปมองคลีฟส์และไอร์แลนด์ด้วยดวงตาเปล่งปลั่ง
“คุณลุงทั้งสอง ในทะเลมีสัตว์ประหลาดแบบนี้เยอะไหมคะ”
พลังพิเศษของเมอร์ล็อกมิได้พิสดารจนอยู่เหนือจินตนาการมนุษย์ เป็นเพียงสัตว์ป่าดุร้ายผิวแข็งและมากพละกำลัง ไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตในตำนานทางทะเลประเภทหนึ่ง
ไอร์แลนด์หัวเราะ
“ไม่เลย อย่างน้อยก็พบได้น้อยในเส้นทางเดือนเรือหลัก พวกมันถูกกวาดล้างจนแทบไม่เหลือแหล่งอาศัยในละแวกนี้ การได้พบเมอร์ล็อกตัวนี้ถือเป็นความโชคดีอย่างมาก ลองนึกดูให้ดี ถ้าฉันมีโอกาสล่าสัตว์ประหลาดมูลค่า 200 ปอนด์ทุกวัน ป่านนี้คงไม่เสียเวลาเป็นกัปตันเรือเดินสมุทรแน่นอน คงทุ่มเทเวลาให้กับการออกล่าก้อนทองว่ายน้ำได้ด้วยเรือล่าสัตว์ทั้งวันทั้งคืน!”
สมเหตุสมผล… ไคลน์พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั่งชำเลืองสักพัก ชายหนุ่มทราบว่าวัตถุดิบวิเศษจากเมอร์ล็อกเกิดมาจากส่วนถุงลม โดยตะกอนพลังจะแผ่แสงวารีสีฟ้าอ่อนออกมาตลอดเวลาจนดูคล้ายอัญมณี
คลีฟส์ยกแก้วชาดำซึ่งลูกเรือเพิ่งยกมาบริการขึ้นจ่อจมูก มันสูดดมหนึ่งครั้งพร้อมกับจิบเข้าไปอย่างละเมียดละไม
“มีเพียงการแล่นเรือออกจากเส้นทางหลักเข้าไปในท้องทะเลลึกเท่านั้น จึงจะได้พบกับสัตว์ทะเลดุร้าย โดยส่วนมาก บริเวณดังกล่าวมักเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบหรือไม่ก็พายุสายฟ้า แฝงไว้ด้วยภัยอันตรายเหนือจินตนาการ นอกจากตัวเมอร์ล็อกน่ากลัวซึ่งสามารถปืนขึ้นเรือ ยังมีอีกหลายตำนานกล่าวถึงนากาทะเลลึก ลำตัวส่วนบนของพวกมันจะเหมือนกับมนุษย์ แต่ส่วนล่างเป็นงูทะเล มีหกแขนและคล่องแคล่วว่องไว”
ไอร์แลนด์เสริม
“ยังมีหมึกยักษ์ซึ่งสามารถพ่นของเหลวกัดกร่อนใส่มนุษย์หลายคนในคราวเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสัตว์ประหลาดบางชนิดสามารถพลิกเรือได้ด้วยการออกแรงเพียงเล็กน้อย มีนางเงือกคอยร้องเพลงสะกดให้เหยื่อเกิดความหลงใหล มีมังกรครามมาพร้อมพลังสายฟ้ารุนแรง และมีนกตัวใหญ่ซึ่งการกระพือปีกเพียงหนึ่งหนสามารถสร้างลมพายุกระโชก… หึหึ… ฉันเองก็ไม่เคยเห็นพวกมันตัวเป็นๆ มาก่อนเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นเพียงตำนานแห่งท้องทะเล ไม่มีใครยืนยันได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริงหรือนิทานหลอกเด็ก”
นางเงือก…
ไคลน์ครุ่นคิดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“สุดยอด!” ดอนน่าอุทานพลางจินตนาการภาพตามคำบอกเล่าของผู้ใหญ่
แดนตันมองไปรอบวงสนทนา เมื่อสังเกตเห็นว่าไคลน์เอาแต่นั่งเงียบ จึงซักถามด้วยความสงสัย
“คุณลุงก็เป็นนักผจญภัยเหมือนกันสินะครับ เคยพบเจอสัตว์ประหลาดบ้างไหม”
ไคลน์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้ม
“เคยครั้งหนึ่ง พวกเราห้าคนเผชิญหน้ากับเมอร์ล็อกเข้าโดยบังเอิญ หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดจบลง เมอร์ล็อกตัวดังกล่าวก็ถูกกำจัด”
นี่คือประสบการณ์จริงสมัยเป็นเหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็น และยังเป็นประสบการณ์เผชิญหน้ากับผู้คลุ้มคลั่งหนแรกของไคลน์
ในขณะนั้น ตนและลุงนีลล์ได้รับการขอร้องจากสเวย์น บอสใหญ่แห่งผับมังกรชั่ว ให้ช่วยจัดการกับ ‘ลูกเรือ’ กลายพันธุ์คนหนึ่ง
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์รู้สึกโหยหาวันเวลาสมัยอดีตขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าแสนเย็นชาเริ่มเผยความอ่อนโยนเจือจาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ