“ก็แค่คำถามไม่ใช่หรือ”
“ช… ใช่! ใช่! แค่คำถามเท่านั้น! แถมยังเป็นคำถามเชิงปรักปรำ! ทั้งที่ฉันพยายามปฏิเสธอย่างฉะฉานแล้ว!” เดนิสค่อนข้างโล่งใจเมื่อเห็นท่าทีตอบสนองของอีกฝ่าย และรู้สึกมีความสุขที่ตนปฏิเสธเสียงแข็งในทุกคำถาม
ไคลน์พยักหน้า
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยอธิบายให้กัปตันของนายเข้าใจ ว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่”
อธิบายให้กัปตันเข้าใจ…
เดนิสฉงนในตอนต้น แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก มันเริ่มอ้าปากค้างด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
เดนิสไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้น จึงตัดสินใจไม่โต้แย้งหรือหาข้ออ้างใด เพียงยิ้มแห้ง :
“…ให้ฉันช่วยอะไรไหม”
ไคลน์สูดลมหายใจยาว พลางฝืนกลั้นขำด้วยพลังของตัวตลก
“เฝ้าเครื่องไว้”
“ต…ตกลง!” เดนิสรีบตกปากรับคำ
เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หันหลังกลับและเดินไปยังประตูห้องนอน เดนิสอดซักถามให้หาคาใจไม่ได้
“นายจะไม่อธิบายให้กัปตันฟังใช่ไหม…”
ไคลน์ใช้มือบิดกลอน พ่นคำตอบเสียงเรียบ
“เฝ้าเครื่องไว้”
เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไปพร้อมกับอ้าปากหัวเราะแบบไร้เสียง ก่อนจะรีบดึงประตูปิดตามหลัง
…
ช่วงเช้าวันถัดมา หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ไคลน์เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นกางเกงขาบานรัดหัวเข่า แจ็คเก็ตสีน้ำตาลตัวหนา สวมหมวกแก๊ป แปลงโฉมใบหน้า และเดินออกจากห้องพักสุดหรู ทิ้งให้เดนิสเฝ้าเครื่องรับโทรเลขตามลำพัง
ระหว่างทาง ไคลน์เปลี่ยนใบหน้าอีกครั้ง ให้เหมือนกับชนพื้นเมืองยิ่งกว่าเดิม
จากนั้น มันเดินหาร้านขายอุปกรณ์เฉพาะทางเพื่อซื้อถุงมือลินิน ผ้าห่อศพ และถุงบรรจุศพ ตามด้วยการสวดวิงวอนถึงตัวเอง เพื่อเรียกความทรงจำเกี่ยวกับสะพานที่หญิงสาวชนพื้นเมืองเสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อจำจนขึ้นใจ ไคลน์ตระเวนหาจนพบจุดเกิดเหตุ รวมถึงพบศพของหญิงสาวนอนตายในพื้นโคลนตรงมุมสะพาน
ด้วยความที่เป็นฤดูหนาว อุณหภูมิจึงไม่สูง ส่งผลให้ศพไม่เข้าสู่กระบวนการเน่าเปื่อย แต่ลำพังกลิ่นศพและแผลพุพองจากโรคร้ายของหล่อน ก็ทำให้ไคลน์อยากอาเจียนออกมาทันใด
มันไม่จัดการศพให้เสร็จตั้งแต่เมื่อคืน เพราะเมืองบายัมยังอยู่ในกฎอัยการศึก ห้ามออกจากที่พักในยามวิกาล ยิ่งไปกว่านั้น ความปรารถนาสุดท้ายของเธอ คือการได้เป็นมนุษย์อีกครั้ง จึงต้องรอให้สุสานเปิดทำการในช่วงเช้ามืดเสียก่อน
ชายหนุ่มหยิบขวดโลหะขนาดเล็กออกมาหมุนเปิดฝา ชโลมน้ำมันครักซ์ลงมือฝ่ามือ และเลื่อนขึ้นมาป้ายปลายจมูก
กลิ่นกระแทกกระทั้นได้กระทุ้งเข้าไปในโพรงจมูกจนไคลน์ตาสว่าง กลิ่นของสะระแหน่ผสมกับน้ำยาฆ่าเชื้อช่วยให้ประสาทการดมกลับมาทำงานปรกติอีกครั้ง มันรู้สึกเย็นสดชื่นราวกับได้นอนแผ่ไปบนลำธารน้ำแข็ง กลิ่นศพไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
ไคลน์ปิดฝาขวดโลหะและเก็บกลับตำแหน่งเดิม ตามด้วยการหยิบถุงมือลินินสวม โน้มตัวลงไปหาศพของหญิงสาว
ประการแรก มันคลี่ผ้าห่อศพออก จัดการนำศพมาวางและเริ่มห่อ ก่อนจะเก็บใส่ถุงศพอีกชั้น
หลังจากแบกศพขึ้นบ่า ไคลน์จงใจเดินไปบนถนนที่เนืองแน่นที่สุดของเมืองบายัม ตรงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพ้นเขตเมือง ผ่านถนนเส้นเล็กและแคบจนรถม้าไม่สามารถเข้าออก ปิดท้ายด้วยการเดินขึ้นเขาจนมาถึงไหล่เขาฝั่งทะเล
ที่นี่มีสุสานสำหรับชนพื้นเมืองโดยเฉพาะ เกิดจากความร่วมมือระหว่างโบสถ์วายุสลาตันและเทศบาลเมือง
อีกฝั่งหนึ่งของเมืองบายัมจะมีสุสานสำหรับชาวโลเอ็น อินทิส เฟเนพ็อตโดยเฉพาะ รวมถึงคนนอกที่มาทำธุรกิจชั่วคราว มาผจญภัย หรือไม่ก็ย้ายมาลงหลักปักฐาน เป็นสุสานติดเขตป่าบนพื้นราบ มอบบรรยากาศแสนสงบสุขและร่มรื่น
ไคลน์ย่างกรายเข้าไปในสุสานที่ไม่มีแม้แต่ชื่อ และเดินหาจนคนเฝ้าสุสานกำลังงีบหลับ
“ต้องการฝังแบบไหน” คนเฝ้าสุสานชี้ไปทางถุงศพบนบ่า “ถ้าไม่อยากเสียเงิน ต้องรอสักพักให้ศพในสุสานมีมากกว่านี้ จะได้เผาพร้อมกันทีเดียว และเก็บขี้เถ้าไว้ที่เดียวกัน แน่นอน ถ้ารีบก็ต้องเสียเงิน ที่นี่มีนักบวชคอยสวดส่งวิญญาณตลอดเวลา ถ้าจ่ายห้าซูล ขี้เถ้าจะถูกเก็บแยกไหและมีชั้นวางเป็นสัดส่วน มีป้ายชื่อกับคำจารึก ถ้าจ่ายสองปอนด์ จะมีหลุมศพส่วนตัวและแผ่นหินไว้สลักคำจารึก หรือถ้าไม่อยากเผา อยากฝังแทน ก็ต้องซื้อโลงใส่ ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพไม้”
ไคลน์ยืนครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะควักธนบัตรห้าซูลยื่นให้อีกฝ่าย
“คนตายชื่ออะไร” คนเฝ้าสุสานก้มหน้าตรวจเงินเล็กน้อย ตามด้วยการหยิบปากกาขึ้นมาจุ่มหมึกและซักถามด้วยสีหน้าเป็นมิตร
มันไม่รู้หนังสือก็จริง แต่อย่างน้อยก็พอจะวาดสัญลักษณ์ให้ตัวเองเข้าใจคนเดียวได้
ไคลน์มอบคำตอบ
“บอร์ดีย์”
“บอร์ดีย์…” คนเฝ้าสุสานทวนเสียงด้วยค่อย พร้อมกับลงมือวาดสัญลักษณ์
มันกล่าวต่อไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“เขียนคำจารึกให้เธอไหม”
บอร์ดีย์คือชื่อที่ได้รับความนิยมในหมู่ชนพื้นเมืองเพศหญิงของหมู่เกาะรอสต์ คนเฝ้าสุสานจึงทราบเพศได้ทันที
ไคลน์เงียบขรึมสักพัก จึงค่อยตอบเสียงทุ้ม
“เธอเป็นมนุษย์”
“เธอเป็นมนุษย์…? คำจารึกประหลาดชะมัด”
คนเฝ้าสุสานพึมพำ
“มีรูปถ่ายไหม… ไม่น่ามีกระมัง”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง มันเหลือบเห็นอีกฝ่ายยื่น ‘รูปถ่าย’ มาทางตนหนึ่งใบ
ความจริงแล้ว สิ่งนี้คือรูปวาดโดยฝีมือไคลน์ เป็นการวิงวอนถึงตัวเองและวาดออกมาจนเสมือนจริง แต่เพื่อมิให้ถูกสงสัย จึงทำลงบนกระดาษชนิดพิเศษ ผนวกกับเทคนิคส่วนตัวอีกเล็กน้อย รูปวาดจึงออกมาเหมือนกับรูปภาพจนยากจะแยกแยะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ