ระหว่างนั้น ยุบพองหิวโหยเขมือบเลือดเนื้อและวิญญาณของโจรสลัดโชคร้ายหมดพอดี ขจัดน้ำหนักส่วนเกินที่เป็นภาระออกไป
ไคลน์ไม่คิดลอยไปบนผิวน้ำ เลือกจมดิ่งลงก้นทะเลด้านล่าง สองข้างมีเสียงคลื่นทะเลดังแว่ว เป็นเสียงของโจรสลัดเส้นทาง ‘ลูกเรือ’ ที่กระโดดตามลงมา
สมรภูมิใต้น้ำคือสวรรค์ของพวกมัน!
หากเป็นที่นี่ ‘ลูกเรือ’ จะไม่ต่างอะไรกับปลา!
แต่ไคลน์หาได้ประหม่า ในฐานะนักมายากลผู้เตรียมพร้อมก่อนการแสดงทุกครั้ง มันย่อมคิดแผนหลบหนีในกรณีล้มเหลวเผื่อเอาไว้ เพราะไม่มีใครทำสำเร็จไปทุกเรื่อง
จริงอยู่ เพื่อให้แปลงโฉมเป็นเอลเลนได้อย่างแนบเนียน ไคลน์ต้องทิ้งสมบัติวิเศษเกือบทั้งหมดไว้บนมิติสายหมอก รวมไปถึงเงินสดและยันต์ขอบเขตเส้นทางวายุที่เคยทำเตรียมไว้ แต่นั้นก็มิอาจขัดขวางแผนการหลบหนีของไคลน์ ผู้เป็นถึงสามตัวตนในตัวคนเดียว ทั้งเทพสมุทร ข้ารับใช้เทพสมุทร และสาวกเทพสมุทร!
หลังจากกินจนอิ่มหนำ ยุบพองหิวโหยในมือซ้ายเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด พร้อมกับแผ่ไอความเย็นไปรอบตัวในรัศมีหลายเมตร น้ำทะเลโดยรอบจึงเริ่มจับตัวกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง
แต่ก่อนที่ไคลน์จะถูกแช่อยู่ในก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา กล้ามเนื้อแผ่นหลังพลันขยายขนาด ชายหนุ่มอาศัยพละกำลังช้างสารของซอมบี้ ชกทำลายแผ่นน้ำแข็งรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง
ลงเอยด้วย ไคลน์สร้างช่องว่างเล็ก ๆ รอบตัวที่ปราศจากน้ำทะเลขึ้น
อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลบางส่วนเริ่มไหลซึมเข้ามาตามรอยแตก ไคลน์จึงเหยียดแขนพร้อมกับแผ่ไอความเย็นฉาบรอยรั่วทุกจุด เกิดเป็นกำแพงผลึกน้ำแข็งล้อมรอบร่างกายโดยสมบูรณ์
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังถูกขังในคุกน้ำแข็ง แต่ถึงที่ว่างจะค่อนข้างคับแคบ ก็ยังกว้างพอให้ยืดเส้นยืดสาย
ไคลน์ไม่สิ้นเปลืองเวลา รีบเดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว ปากพึมพำคาถา ‘เซียนราชันฟ้าดินประทานโชค’ เพื่อส่งร่างวิญญาณเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก
เมื่อชายหนุ่มปรากฏกายบนที่นั่งเดอะฟูล มันรีบหยิบคทาสั้นที่วางเตรียมไว้บนโต๊ะขึ้นมาถือ
โดยไม่ต้องเสียเวลาควานหา เพียงเพ่งจิตอย่างแน่วแน่ ไคลน์ก็พบจุดแสงสีขาวที่เป็นของเกอร์มัน·สแปร์โรว์—สาวกเทพสมุทรหน้าใหม่ที่สร้างการเชื่อมต่อเตรียมไว้ล่วงหน้า
จากนั้น ชายหนุ่มยกไม้เท้ากระดูกขาว ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปจนอัญมณีสีฟ้าเปล่งแสง
ไคลน์ตอบสนองคำวิงวอนตัวเอง ตามด้วยการเสกเวทมนตร์มากมาย ฉาบร่างกายเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่อยู่ในคุกน้ำแข็ง มีทั้งพรที่ช่วยให้หายใจใต้น้ำ พรต้านทานแรงดันน้ำ พรที่มอบอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายใต้น้ำ รวมถึงพลังที่เกี่ยวข้องชนิดอื่น ๆ
ปิดท้ายด้วย ไคลน์ส่งเทวทูตกระดาษโอบกอดตัวเองเพื่อต่อต้านพลังทำนายทุกรูปแบบ อีกทั้งยังออกคำสั่งให้สัตว์ทะเลคอยช่วยเหลือเกอร์มัน·สแปร์โรว์
เมื่อเตรียมการเสร็จ ชายหนุ่มมัวไม่เอ้อระเหย รีบส่งตัวเองกลับไปยังโลกจริง และตระหนักถึงสถานการณ์รอบตัว
แรงดันมหาศาลของน้ำทะเลกำลังกัดเซาะคุกน้ำแข็ง บางส่วนไหลทะลักเข้ามาในรอยแตก พื้นที่ว่างรอบตัวไคลน์เริ่มถูกแทนที่ด้วยน้ำทะเล
แต่ไม่มีสิ่งใดให้ไคลน์ต้องกังวล ตัวมันในตอนนี้มีอิสรภาพไม่ต่างจากเส้นทาง ‘ลูกเรือ’
เมื่อพังคุกน้ำแข็งออกมา ไคลน์พบปลาตัวหนึ่งกำลังว่ายมาทางตน ไม่เพียงเท่านั้น ใต้ฝ่าเท้ายังมีเงาดำทะมึนของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ลอยขึ้นจากก้นทะเลด้วยความเร็วสูง
มันคือปลาหมึกยักษ์สีน้ำตาลแดง รูปร่างค่อนข้างประหลาด ลำตัวมีขนาดมโหฬารชนิดที่พังเรือเดินสมุทรได้ง่ายดายด้วยหนวด
สัตว์ร่างยักษ์ทำการพ่นหมึกดำปกคลุมท้องทะเลภายในรัศมี ลูกเรือที่กำลังว่ายน้ำไล่หลังพลันสูญเสียทัศนวิสัย ร่างกายบางคนเกิดอาการชาอย่างเป็นปริศนา
เมื่อเริ่มหวาดกลัวสิ่งที่ไม่รู้ ทุกคนรีบว่ายขึ้นผิวน้ำเพื่อตรวจสอบความผิดปรกติที่อาจเกิดกับร่างกายตัวเอง
และเมื่อดำน้ำกลับลงไปอีกครั้ง ร่องรอยของไคลน์ก็หายไปโดยสมบูรณ์
ณ ก้นทะเลลึก ชายหนุ่มกำลังแหวกว่ายด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข มันผ่อนคลายเสียจนมีเวลาว่างพอจะนึกทบทวนรายละเอียดของภารกิจลอบสังหารเมื่อครู่
เราสวมรอยเป็นเอลเลนได้สมบูรณ์แบบแล้ว แม้แต่เทรซี่ที่เคยหลับนอนด้วยทุกคืน ก็ยังแยกแยะไม่ออกในทันที ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้โอสถมีพัฒนาการก้าวกระโดด…
ขณะเดียวกัน เราทำลายกำแพงขีดจำกัดทางจิตใจ และค้นพบเทคนิคสวมรอยให้ไม่เกิดความอึดอัดหรือตะขิดตะขวง…
แก่นสำคัญคือการเข้าถึงตัวตน แต่มิได้นำจิตใจเข้าไปหลอมรวมเป็นหนึ่ง สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการย่อยโอสถในอนาคต…
เราทำดีที่สุดแล้วในการต่อสู้ เตรียมความพร้อมล่วงหน้าอย่างรัดกุม ข้อบกพร่องเดียวก็คือ เราประเมินฝีมือของลำดับ 5 แม่มดทุกข์ระทมต่ำเกินไป มองข้ามประสบการณ์ต่อสู้อันโชกโชนก่อนจะกลายมาเป็นพลเรือโจรสลัดของเธอ…
ถึงเธอจะสูญเสียสมบัติวิเศษตั้งแต่เริ่มต่อสู้ แต่ลำพังพลังปัจจุบันของเรา การปิดบัญชีในพริบตาก็แทบเป็นไปไม่ได้…
จริงอยู่ แผนการจะราบรื่นกว่านี้ถ้าเราใช้คทาเทพสมุทร แต่กาฬมรณะยังอยู่ในน่านน้ำของหมู่เกาะรอสต์ ถ้าทำแบบนั้น ผู้บริสุทธิ์จะล้มตาย…
การต่อสู้ในวันนี้ช่วยให้เราค้นพบอีกหนึ่งจุดอ่อนสำคัญของตัวเอง นั่นคือการขาดสมบัติวิเศษในเชิงจู่โจม…
เมื่อแผนการล้มเหลว ชายหนุ่มย่อมรู้สึกห่อเหี่ยวเป็นปรกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็มิได้เกิดอารมณ์ท้อแท้สิ้นหวัง เรื่องราวยังไม่จบ ไคลน์ยังสามารถเขียนจดหมายถึงมิสเตอร์อะซิก เพื่อรอดูท่าทีว่า อีกฝ่ายสนใจเอกสารโบราณที่อาจเกี่ยวข้องกับเทพมรณาหรือไม่
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่ไคลน์จะกระโดดออกจากห้องเทรซี่ มันทำการเผาเสื้อผ้าผู้ชายในห้องแต่งตัวด้วยก้านไม้ขีดที่เตรียมทิ้งไว้ รวมถึงเส้นผมและรังแคทั้งหมด เพื่อให้เทรซี่เข้าใจว่า ผู้บุกรุกต้องการลบร่องรอยทิ้งโดยสมบูรณ์
แต่ความจริงแล้ว ไคลน์ทำไปเพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่ง
สิ่งนั้นก็คือ ‘กระดุมเสื้อและเส้นผม’ ที่มันแอบโยนไว้ตามซอกเรือขณะเดินผ่านห้องพักบนกาฬมรณะ เป็นกระดุมเสื้อที่โจรสลัดไม่มีทางมองว่าเป็นสิ่งผิดปรกติ เพราะเกิดเป็นภาพจำประทับลงไปว่า ‘ผู้บุกรุกทำลายเส้นผมและเสื้อผ้าทั้งหมดทิ้งไปแล้ว’
แม้แต่เทรซี่ก็คงเข้าใจผิด คิดว่าผู้บุกรุกหวาดกลัวต่อคำสาปของเธอ จนระมัดระวังเรื่องเลือดและเส้นผมเป็นพิเศษ ดังนั้น การค้นหาเบาะแสหลังจากนี้จึงมุ่งเน้นไปยังร่องรอยอื่น และมองข้ามกระดุมกับเส้นผมโดยไม่รู้ตัว
อาศัยเส้นผมกับกระดุมข้างต้น ไคลน์สามารถระบุพิกัดของกาฬมรณะได้ทุกเมื่อ หากอะซิกแสดงความสนใจในเรื่องนี้ การตามหาตัวพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก
เราเคยประเมินไว้ว่า เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องถึงมือมิสเตอร์อะซิก เคยคิดว่าภารกิจหนนี้ไม่ยากเกินกำลังตัวเอง แต่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดถนัด…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ