ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 695

สรุปบท ราชันเร้นลับ 695: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

อ่านสรุป ราชันเร้นลับ 695 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บทที่ ราชันเร้นลับ 695 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 695 : แตกต่างอย่างชัดเจน
ราชันเร้นลับ 695 : แตกต่างอย่างชัดเจน
โดย
Ink Stone_Fantasy
สายลมรุนแรงพัดปะทะใบหน้าไคลน์พร้อมกับเศษหิมะและเกล็ดหิมะขนาดเท่าขนห่าน ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบตัวด้วยร่างกายที่สั่นเทาอย่างมิอาจหักห้าม ลำตัวเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย

“หนาวฉิบ…” ไคลน์ที่เกือบหลุดสบถ ผ่านไปสักพักเริ่มยืนยันได้ว่า ตนกำลังอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะซึ่งมีทัศนวิสัยค่อนข้างย่ำแย่

เดิมที ชายหนุ่มเคยเชื่อว่าฤดูหนาวในกรุงเบ็คลันด์นั้นเลวร้ายที่สุดชนิดหาใครมาเทียบ แต่ปัจจุบันกำลังตระหนักว่า อากาศเย็นจัดและสายลมอันแหลมคมคล้ายใบมีดคือส่วนผสมที่สามารถฆ่ามนุษย์ให้ตาย แม้ว่าไคลน์จะสวมชุดกันหนาวเตรียมไว้ก่อนเข้ามา แถมยังสวมเสื้อคลุมหนาตัวยาวทับอีกชั้น แต่กระนั้นก็เกือบทนความหนาวไม่ไหว

ชายหนุ่มมิได้สวมเข็มกลัดสุริยันเนื่องจากผลลัพธ์ของมันสร้างเพียงความร้อน ‘ทางจิตใจ’ สมบัติวิเศษชนิดนี้อาจช่วยให้ฝ่าฟันความหนาวเหน็บที่บั่นทอนสตินึกคิดได้ในช่วงแรก แต่หากสวมไว้ท่ามกลางพายุหิมะและสายลมแหลมคมเป็นเวลานาน นั่นจะไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย ความร้อนจากเข็มกลัดสุริยันจะทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางฤดูร้อน ผู้ใช้งานอาจตัดสินใจทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการถอดเสื้อผ้าออกจนเผชิญความหนาวเย็นและแข็งตาย

เป็นเหตุผลว่าทำไมไคลน์ถึงโยนมันไว้บนมิติหมอก เตรียมใช้เฉพาะในช่วงเวลาสำคัญ เพียงแค่ส่งตัวเองขึ้นไปเอาลงมา

ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้าย ชายหนุ่มไม่กล้าแช่อยู่นานนัก หลังจากยืนยันสภาพแวดล้อมจนแน่ใจ ไคลน์เผาเลือดบนกริชทองแดงในมือและยัดเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นก็ล้วงหยิบ ‘ฮาร์โมนิก้า’ ออกมาเป่า

ท่ามกลางเสียงลมโหยหวน หลังจากลองเปิดเนตรวิญญาณตรวจสอบสักพัก ไคลน์ไม่พบผู้ส่งสารไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์

เป็นอย่างที่คิด… ที่นี่ไม่ได้เชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ หรืออาจมีโลกวิญญาณแยกเป็นของตัวเอง… ถ้าเป็นแบบนี้ เกรงว่าแม้แต่การสวดวิงวอนถึงเทพสมุทรก็คงไม่ได้ผล ต้องเป็นการสวดวิงวอนถึงมิติเหนือสายหมอกสีเทาเท่านั้น…

แต่นั่นก็ยิ่งแปลก… ในฐานะผู้ศรัทธาของเทพปัญญาความรู้ เอ็ดวิน่าย่อมต้องเป็นสมาชิกคนสำคัญของโบสถ์ แล้วเหตุใดเธอถึงไม่พยายามสวดวิงวอนให้พระองค์ช่วยเหลือ? หรือพยายามแล้วแต่ไม่สัมฤทธิผล?

นั่นสินะ… ไม่ใช่ว่าเทพทุกตนจะตอบสนองคำสวดวิงวอนเป็นการส่วนตัวสักหน่อย ในหลายกรณี ดูเหมือนว่าจะต้องผ่านเงื่อนไขหลายประการพวก ‘ท่าน’ จึงจะยอมตอบสนอง ตัวตนลึกลับที่คอยตอบสนองทุกคำภาวนาคงไม่มีใครนอกจากเรากระมัง… ไคลน์หัวเราะพลางวิเคราะห์

ชายหนุ่มเก็บฮาร์โมนิก้า หยิบกระดาษเปื้อนเลือดของเดนิสออกมาพันรอบไม้ค้ำ

“ตำแหน่งของเดนิส”

ไคลน์กระซิบเสียงแผ่วพร้อมกับใช้เทคนิค ‘ค้นหาด้วยแท่งวิญญาณ’

ถัดมาเป็นการเดินไปบนชั้นหิมะหนา ทิศทางการเดินจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์จากไม้ค้ำ ไคลน์เร่งฝีเท้าผ่านท่องฟ้าอันหมองหม่นและสายลมโหมกระหน่ำ ชายหนุ่มเชื่อว่า เดนิสคงไม่หยุดรอในตำแหน่งเดิมนานนัก ไม่อย่างนั้นมันคงได้แข็งตาย

ราวสิบนาทีต่อมา ไคลน์พบเปลวไฟสีแดง

ฟู่ว… ชายหนุ่มถอนหายใจ เดินต่อไปสองสามก้าวจนกระทั่งเห็นเป้าหมายอย่างแจ่มชัด

เป็นเดนิสไม่ผิดแน่ โจรสลัดคนดังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าค่อนข้างบาง กำลังเดินตัวสั่นพลางจับแขนด้วยสีหน้าเหม่อลอย

แต่ดูเหมือน ‘เพลิงพิโรธ’ จะมิได้เผชิญความหนาวมากนัก รอบตัวรายล้อมด้วยอีกาเพลิงสีแดง คอยละลายหิมะและปิดกั้นสายลม คงจะอบอุ่นคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิ

ได้เห็นเช่นนั้น ไคลน์เกิดความอิจฉา ‘นักวางเพลิง’ ขึ้นมาทันที แม้ว่านักมายากลก็สามารถอัญเชิญไฟเช่นกัน แต่ไฟของตนมีประสิทธิภาพในเชิงโจมตีและมิอาจคงสภาพไว้ได้นานนัก เป็นพลังเพียงชั่วพริบตา หากต้องการสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกายก็ต้องหมั่นใช้งานถี่ ๆ ส่วนเวทมนตร์ ‘ควบคุมไฟ’ ต้องใช้ ‘ฟืน’ หรือวัสดุติดไฟง่ายเป็นสื่อกลาง ซึ่งนั่นหาได้ไม่ง่ายนักท่ามกลางทุ่งหิมะแห่งนี้

ไคลน์เร่งความเร็วเดินตามอีกาเพลิงจนกระทั่งเข้าใกล้

เมื่อตระหนักว่ามีใครบางคนกำลังตรงเข้ามา เดนิสเผยความตื่นตระหนักพร้อมกับรีบตรวจสอบ เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน โจรสลัดคนดังถอนหายใจพลางเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย

“ฮะฮะ! ฉันมองไม่เห็นดาวแม้แต่ดวงเดียว ไม่แปลกที่จะหลง”

ไคลน์เมินเฉยคำพูดอีกฝ่าย ซักถามเข้าประเด็น

“เผาทิ้งหรือยัง”

“เผาแล้ว!” เดนิสรีบพยักหน้า ร่างกายทุกส่วนเผยความสั่นกลัวที่มิอาจพรรณนาเป็นคำพูด

หลังจากจ้องเดนิสสักพักเพื่อยืนยันจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก ไคลน์เผยรอยยิ้มผู้ดีตามแบบฉบับเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“จงจำนามนั้นให้ขึ้นใจ… การเอ่ยนามเต็มของพระองค์จะทำให้นายได้เป็นสาวกเต็มตัว”

“…” สีหน้าเดนิสพลันบิดเบี้ยว ฝืนยิ้มแห้งที่ไม่ต่างจากร้องไห้

ฉันไม่อยากเปลี่ยนศาสนา! ไม่อยากศรัทธาในตัวตนลึกลับและไม่ทราบที่มาที่ไป! เพลิงพิโรธแหกปากเสียงดังในใจ แต่มิได้กล่าวคำใดออกมา

มันเชื่อว่า หากตอบปฏิเสธทันที เกอร์มัน·สแปร์โรว์คงฝังตนไว้ใต้หิมะ!

ไคลน์เผยรอยยิ้มคล้ายคนเสียสติ เพิ่มระดับเสียง

“และอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องจำเอาไว้… จงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากมันรั่วไหลออกไป ทั้งนายและกัปตันจะไม่มีใครรอด”

“เกี่ยวอะไรกับกัปตัน?” เดนิสโพล่ง

ไคลน์รักษาสีหน้าเดิม จ้องเดนิสพลางยิ้ม

“ลองเดาดูสิ”

เดนิสพะงาบปาก มันพอจะเข้าใจเหตุผล จึงหัวเราะในลำคอและกล่าว

“ฉันดูเหมือนคนเก็บความลับไม่เก่งขนาดนั้นเชียว?”

ไคลน์พยักหน้าพลางหยิบกระดาษที่เปื้อนเลือดแอนเดอร์สัน หัวเราะเล็กน้อยและหันไปพูดกับเดนิส

“จงเชื่อในพระองค์ จงซื่อสัตย์ต่อท่าน แล้วสักวัน นายอาจได้เป็นข้ารับใช้เหมือนกับฉัน… เมื่อถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของนายจะดังกระฉ่อนไปทั่วห้าห้วงสมุทร ไม่ด้อยไปกว่าเหล่าพลเรือโจรสลัด”

ขณะกล่าว ไคลน์คิดจะทำสัญลักษณ์มือของสาวกเดอะฟูล แต่เพิ่งนึกได้ว่าของแบบนั้นไม่มีอยู่จริง จึงรำพันในใจแผ่วเบา

“ถึงแล้วหรือ? ลองชิมเจ้านี่ไหม กระต่ายประหลาดที่สามารถรอดชีวิตท่ามกลางหิมะและน้ำแข็ง” แอนเดอร์สันโน้มตัวมาข้างหน้า พยายามมองมายังนอกปากถ้ำพร้อมกับทักทายเพื่อนฝูงด้วยท่าทีราวกับมาปิกนิก

ทั้งที่ไม่ได้พูดจายั่วยุออกมา แต่เรากลับอยากซัดหน้าหมอนั่นสักหมัด… ไคลน์กระโดดลงหลุมโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า เดินไปทางกองไฟ สัมผัสกับสีสันงดงามที่ห่างหายไปพักใหญ่

เดนิสตามหลังไม่ห่าง หลังจากจ้องเปลวไฟที่ใช้ย่างกระต่าย มันรีบสลายอีกาเพลิงของตนอย่างเงียบเชียบ

“นายหาถ้ำนี้พบได้ยังไง?” เดนิสถามด้วยสีหน้าไม่ยอมรับ แต่ร่างกายกลับเดินเข้าใกล้กองไฟอย่างซื่อตรงต่อความรู้สึก

แอนเดอร์สันพลิกกระต่ายที่ถูกมีดสีดำเสียบ หมุนคอมาทางเดนิส

“บทเรียนแรกของนักล่า จงตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด ทำความคุ้นเคยกับมัน และอาศัยพวกมันให้เกิดประโยชน์”

เดนิสชะงักสีหน้า

แอนเดอร์สันมองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ หัวเราะในลำคอ

“หลุมที่ฉันระเบิดเองกับมือเป็นยังไงบ้าง เจ๋งไปเลยใช่ไหม? เป็นการควบคุมความรุนแรงได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

กล่าวจบ มันสูดกลิ่นบรรยากาศรอบตัว

“หอมมาก น่าจะย่างได้ที่แล้ว อยากชิมสักคำไหม? แม้ว่าฉันจะไม่ได้พกเครื่องปรุงติดตัว แต่ที่นี่พอจะมีเกลือผลึกอยู่ รสชาติค่อนข้างฝาด”

“แน่ใจได้ยังไงว่าเจ้านี่กินได้? ถ้าเป็นสัตว์วิเศษ นายได้คลุ้มคลั่งแน่” เดนิสกล่าวพลางส่ายหน้าปฏิเสธ

แอนเดอร์สันชำเลืองด้วยหางตา

“บทเรียนนักล่าที่สอง จงจำแนกว่าสิ่งไหนกินได้และกินไม่ได้”

กล่าวจบ มันบรรจงเหยียดแขน ดึงขากระต่ายลงและยัดใส่ปาก เคี้ยวอย่างออกรสชาติ

ขณะเตรียมกล่าวบางสิ่ง ไคลน์สัมผัสถึงออร่าที่รุนแรงกำลังพุ่งตรงมาจากระยะไกล แรงกดดันของสิ่งมีชีวิตระดับสูงย่อมไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ร่างกายเดนิสพลันสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม

ออร่าดังกล่าวบินผ่านท้องฟ้าด้านบนไปโดยไม่พบความผิดปรกติของหลุมถ้ำเบื้องล่าง ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

ราชาแห่งแดนเหนือ… นามหนึ่งผุดขึ้นในใจไคลน์

………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ