“หนาวฉิบ…” ไคลน์ที่เกือบหลุดสบถ ผ่านไปสักพักเริ่มยืนยันได้ว่า ตนกำลังอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะซึ่งมีทัศนวิสัยค่อนข้างย่ำแย่
เดิมที ชายหนุ่มเคยเชื่อว่าฤดูหนาวในกรุงเบ็คลันด์นั้นเลวร้ายที่สุดชนิดหาใครมาเทียบ แต่ปัจจุบันกำลังตระหนักว่า อากาศเย็นจัดและสายลมอันแหลมคมคล้ายใบมีดคือส่วนผสมที่สามารถฆ่ามนุษย์ให้ตาย แม้ว่าไคลน์จะสวมชุดกันหนาวเตรียมไว้ก่อนเข้ามา แถมยังสวมเสื้อคลุมหนาตัวยาวทับอีกชั้น แต่กระนั้นก็เกือบทนความหนาวไม่ไหว
ชายหนุ่มมิได้สวมเข็มกลัดสุริยันเนื่องจากผลลัพธ์ของมันสร้างเพียงความร้อน ‘ทางจิตใจ’ สมบัติวิเศษชนิดนี้อาจช่วยให้ฝ่าฟันความหนาวเหน็บที่บั่นทอนสตินึกคิดได้ในช่วงแรก แต่หากสวมไว้ท่ามกลางพายุหิมะและสายลมแหลมคมเป็นเวลานาน นั่นจะไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย ความร้อนจากเข็มกลัดสุริยันจะทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางฤดูร้อน ผู้ใช้งานอาจตัดสินใจทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการถอดเสื้อผ้าออกจนเผชิญความหนาวเย็นและแข็งตาย
เป็นเหตุผลว่าทำไมไคลน์ถึงโยนมันไว้บนมิติหมอก เตรียมใช้เฉพาะในช่วงเวลาสำคัญ เพียงแค่ส่งตัวเองขึ้นไปเอาลงมา
ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้าย ชายหนุ่มไม่กล้าแช่อยู่นานนัก หลังจากยืนยันสภาพแวดล้อมจนแน่ใจ ไคลน์เผาเลือดบนกริชทองแดงในมือและยัดเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นก็ล้วงหยิบ ‘ฮาร์โมนิก้า’ ออกมาเป่า
ท่ามกลางเสียงลมโหยหวน หลังจากลองเปิดเนตรวิญญาณตรวจสอบสักพัก ไคลน์ไม่พบผู้ส่งสารไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์
เป็นอย่างที่คิด… ที่นี่ไม่ได้เชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ หรืออาจมีโลกวิญญาณแยกเป็นของตัวเอง… ถ้าเป็นแบบนี้ เกรงว่าแม้แต่การสวดวิงวอนถึงเทพสมุทรก็คงไม่ได้ผล ต้องเป็นการสวดวิงวอนถึงมิติเหนือสายหมอกสีเทาเท่านั้น…
แต่นั่นก็ยิ่งแปลก… ในฐานะผู้ศรัทธาของเทพปัญญาความรู้ เอ็ดวิน่าย่อมต้องเป็นสมาชิกคนสำคัญของโบสถ์ แล้วเหตุใดเธอถึงไม่พยายามสวดวิงวอนให้พระองค์ช่วยเหลือ? หรือพยายามแล้วแต่ไม่สัมฤทธิผล?
นั่นสินะ… ไม่ใช่ว่าเทพทุกตนจะตอบสนองคำสวดวิงวอนเป็นการส่วนตัวสักหน่อย ในหลายกรณี ดูเหมือนว่าจะต้องผ่านเงื่อนไขหลายประการพวก ‘ท่าน’ จึงจะยอมตอบสนอง ตัวตนลึกลับที่คอยตอบสนองทุกคำภาวนาคงไม่มีใครนอกจากเรากระมัง… ไคลน์หัวเราะพลางวิเคราะห์
ชายหนุ่มเก็บฮาร์โมนิก้า หยิบกระดาษเปื้อนเลือดของเดนิสออกมาพันรอบไม้ค้ำ
“ตำแหน่งของเดนิส”
ไคลน์กระซิบเสียงแผ่วพร้อมกับใช้เทคนิค ‘ค้นหาด้วยแท่งวิญญาณ’
ถัดมาเป็นการเดินไปบนชั้นหิมะหนา ทิศทางการเดินจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์จากไม้ค้ำ ไคลน์เร่งฝีเท้าผ่านท่องฟ้าอันหมองหม่นและสายลมโหมกระหน่ำ ชายหนุ่มเชื่อว่า เดนิสคงไม่หยุดรอในตำแหน่งเดิมนานนัก ไม่อย่างนั้นมันคงได้แข็งตาย
ราวสิบนาทีต่อมา ไคลน์พบเปลวไฟสีแดง
ฟู่ว… ชายหนุ่มถอนหายใจ เดินต่อไปสองสามก้าวจนกระทั่งเห็นเป้าหมายอย่างแจ่มชัด
เป็นเดนิสไม่ผิดแน่ โจรสลัดคนดังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าค่อนข้างบาง กำลังเดินตัวสั่นพลางจับแขนด้วยสีหน้าเหม่อลอย
แต่ดูเหมือน ‘เพลิงพิโรธ’ จะมิได้เผชิญความหนาวมากนัก รอบตัวรายล้อมด้วยอีกาเพลิงสีแดง คอยละลายหิมะและปิดกั้นสายลม คงจะอบอุ่นคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิ
ได้เห็นเช่นนั้น ไคลน์เกิดความอิจฉา ‘นักวางเพลิง’ ขึ้นมาทันที แม้ว่านักมายากลก็สามารถอัญเชิญไฟเช่นกัน แต่ไฟของตนมีประสิทธิภาพในเชิงโจมตีและมิอาจคงสภาพไว้ได้นานนัก เป็นพลังเพียงชั่วพริบตา หากต้องการสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกายก็ต้องหมั่นใช้งานถี่ ๆ ส่วนเวทมนตร์ ‘ควบคุมไฟ’ ต้องใช้ ‘ฟืน’ หรือวัสดุติดไฟง่ายเป็นสื่อกลาง ซึ่งนั่นหาได้ไม่ง่ายนักท่ามกลางทุ่งหิมะแห่งนี้
ไคลน์เร่งความเร็วเดินตามอีกาเพลิงจนกระทั่งเข้าใกล้
เมื่อตระหนักว่ามีใครบางคนกำลังตรงเข้ามา เดนิสเผยความตื่นตระหนักพร้อมกับรีบตรวจสอบ เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน โจรสลัดคนดังถอนหายใจพลางเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
“ฮะฮะ! ฉันมองไม่เห็นดาวแม้แต่ดวงเดียว ไม่แปลกที่จะหลง”
ไคลน์เมินเฉยคำพูดอีกฝ่าย ซักถามเข้าประเด็น
“เผาทิ้งหรือยัง”
“เผาแล้ว!” เดนิสรีบพยักหน้า ร่างกายทุกส่วนเผยความสั่นกลัวที่มิอาจพรรณนาเป็นคำพูด
หลังจากจ้องเดนิสสักพักเพื่อยืนยันจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก ไคลน์เผยรอยยิ้มผู้ดีตามแบบฉบับเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“จงจำนามนั้นให้ขึ้นใจ… การเอ่ยนามเต็มของพระองค์จะทำให้นายได้เป็นสาวกเต็มตัว”
“…” สีหน้าเดนิสพลันบิดเบี้ยว ฝืนยิ้มแห้งที่ไม่ต่างจากร้องไห้
ฉันไม่อยากเปลี่ยนศาสนา! ไม่อยากศรัทธาในตัวตนลึกลับและไม่ทราบที่มาที่ไป! เพลิงพิโรธแหกปากเสียงดังในใจ แต่มิได้กล่าวคำใดออกมา
มันเชื่อว่า หากตอบปฏิเสธทันที เกอร์มัน·สแปร์โรว์คงฝังตนไว้ใต้หิมะ!
ไคลน์เผยรอยยิ้มคล้ายคนเสียสติ เพิ่มระดับเสียง
“และอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องจำเอาไว้… จงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากมันรั่วไหลออกไป ทั้งนายและกัปตันจะไม่มีใครรอด”
“เกี่ยวอะไรกับกัปตัน?” เดนิสโพล่ง
ไคลน์รักษาสีหน้าเดิม จ้องเดนิสพลางยิ้ม
“ลองเดาดูสิ”
เดนิสพะงาบปาก มันพอจะเข้าใจเหตุผล จึงหัวเราะในลำคอและกล่าว
“ฉันดูเหมือนคนเก็บความลับไม่เก่งขนาดนั้นเชียว?”
ไคลน์พยักหน้าพลางหยิบกระดาษที่เปื้อนเลือดแอนเดอร์สัน หัวเราะเล็กน้อยและหันไปพูดกับเดนิส
“จงเชื่อในพระองค์ จงซื่อสัตย์ต่อท่าน แล้วสักวัน นายอาจได้เป็นข้ารับใช้เหมือนกับฉัน… เมื่อถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของนายจะดังกระฉ่อนไปทั่วห้าห้วงสมุทร ไม่ด้อยไปกว่าเหล่าพลเรือโจรสลัด”
ขณะกล่าว ไคลน์คิดจะทำสัญลักษณ์มือของสาวกเดอะฟูล แต่เพิ่งนึกได้ว่าของแบบนั้นไม่มีอยู่จริง จึงรำพันในใจแผ่วเบา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ