ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 696

สรุปบท ราชันเร้นลับ 696: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ตอน ราชันเร้นลับ 696 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ราชันเร้นลับ 696 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 696 : คนยักษ์ผู้พิทักษ์
ราชันเร้นลับ 696 : คนยักษ์ผู้พิทักษ์
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อสัมผัสได้ว่ามีแรงกดดันมหาศาลบินผ่าน การเคี้ยวของแอนเดอร์สันพลันหยุดชะงัก รอจนกระทั่งอีกฝ่ายบินหายไป จึงค่อยกลืนเนื้อกระต่ายที่เหลือและหันไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“นั่นคือมังกรที่นายหมายถึง?”

ไคลน์พยักหน้ารับ บอกเป็นนัยว่าข้อสันนิษฐานของอีกฝ่ายถูกต้อง

มุมปากแอนเดอร์สันยกขึ้นเล็กน้อย ดูไม่ออกว่ากำลังหัวเราะหรือร้องไห้

“ฉันคิดว่านายหมายถึงมังกรเด็กหรือวัยรุ่น… ไอ้ตัวที่เพิ่งบินผ่านไปมันออกจะ… เฮ่อ ฉันคงเป็นนักล่ามังกรไม่ได้แล้ว อย่างมากก็เป็นได้แค่อุจจาระมังกร… ล่ะนะ”

พลังข่มขวัญของราชาแห่งแดนเหนือรุนแรงมาก… ไม่ด้อยไปกว่าสัตว์ประหลาดเศษเนื้อเย็บติดกันซึ่งมีพลังกระตุ้นให้เส้นขนงอกยาว ที่เราได้พบบนอนาคตกาลเลยสักนิด… บางทีอาจเป็นลำดับ 4… ระดับครึ่งเทพ… ไคลน์วิเคราะห์อย่างเยือกเย็น ไม่เผยความตื่นตระหนักหรือหวาดกลัว

ชายหนุ่มยังคงไม่ลืม จากเรื่องราวที่หนังสือ ‘การเดินทางของกรอซาย’ บันทึกไว้ แม้โจรสลัดหญิงจะถูกราชาแห่งแดนเหนือจู่โจม แต่สุดท้ายเธอก็หนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด จนพบกับคณะเดินทางของตัวเอกที่นำโดยคนยักษ์กรอซาย

เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดไม่ใช่ครึ่งเทพอย่างแน่นอน เธอคือลำดับ 5 ของเส้นทางนักอ่าน แถมยังถูกดูดเข้าไปในหนังสืออย่างกะทันหัน สมบัติวิเศษหรือสมบัติปิดผนึกส่วนใหญ่ยังอยู่ในห้องกัปตัน พกติดตัวไว้เพียงไม่กี่ชิ้นที่ใช้งานบ่อย…

ด้วยสภาพดังกล่าว เธอกลับยังรอดชีวิตจากการจู่โจมของราชาแห่งแดนเหนือ ไคลน์จึงเชื่อว่า ลำพังการหนีเอาตัวรอดคงไม่ยากเกินความสามารถของตนที่เพิ่งเลื่อนลำดับและปรับเปลี่ยนพลังในถุงมือ แถมยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยอย่างการสวดภาวนาถึงห้วงมิติเหนือสายหมอกและยืมพลังคทาเทพสมุทร

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ไคลน์กล้าตามเข้ามาในหนังสือ ชายหนุ่มยืนยันแล้วว่าเดนิสสามารถสวดวิงวอนถึงเดอะฟูลได้ตามปรกติ

อา… ราชาแห่งแดนเหนือไม่น่าจะเป็นสัตว์วิเศษบนเส้นทางทั่วไป อ้างอิงจากคำบอกเล่าของพลเรือโทธารน้ำแข็ง มันน่าจะเป็นสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งที่ดูดซับตะกอนพลังเกี่ยวกับน้ำแข็งหลากหลายชนิดเข้าไป พลังจึงใกล้เคียงกับครึ่งเทพในบางเส้นทาง แต่ขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนในด้านอื่น… ถ้ามีเรา เอ็ดวิน่า แอนเดอร์สัน รวมถึงทีมผู้วิเศษของคณะเดินทางตัวเอก โอกาสเอาชนะก็ไม่ริบหรี่เสียทีเดียว! หรือต่อให้หมดสิ้นหนทาง เราก็ยังมีคทาเทพสมุทร หนังสือเล่มนี้ไม่มีทางกีดขวางพลังจากมิติหมอกได้แน่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง เราคงพบความผิดปรกติได้นานแล้ว… ไคลน์ที่ยืนข้างกองไฟ หันไปทางแอนเดอร์สันพลางยิ้ม

“กลัวหรือ?”

แอนเดอร์สันชะงักเล็กน้อย ยิ้มตอบและกล่าว

“ไม่เลยสักนิด… แต่นายดูมั่นใจมากเลยนะ”

กล่าวจบ มันส่ายหน้าเล็กน้อยพลางมองไปทางเดนิสที่ยังคงเผยอาการสั่นกลัวให้เห็น แม้จะพยายามข่มแล้วก็ตาม

“ตามความคิดของนาย สิ่งใดสำคัญที่สุดสำหรับลูกผู้ชาย”

เดนิสที่กำลังสูดลมหายใจเข้าลึก สะดุ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำถามไม่คาดฝัน ไม่กี่อึดใจถัดมา มันเหยียดนิ้วชี้และนิ้วกลางออก ชี้ลงไปที่เป้ากางเกงตัวเอง

แอนเดอร์สันกะพริบตาหนึ่งครั้ง ระเบิดเสียงหัวเราะ

“สัปดนจริง… พวกโจรสลัดนี่หยาบคายชะมัด… ฮะฮะ! ฉันเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ประโยคเมื่อครู่ของนายดันทำให้ลืมไปหมด…”

“…”

“อ๊ะ! นึกออกแล้ว ที่ฉันอยากจะบอกคือความกล้าหาญ สิ่งสำคัญที่สุดของลูกผู้ชายคือความกล้าหาญ! ลองดูตัวนายในตอนนี้สิ ยังไม่ทันที่มังกรนั่นจะโจมตี ก็เอาแต่สั่นกลัวจนแทบจะใช้มือกุมหัวร้องขอชีวิตอยู่แล้ว!”

ใบหน้าเดนิสพลันแดงก่ำ หันไปถลึงตาใส่อีกฝ่าย

หมอนี่ไม่เคยทำตัวแบบนี้บนเกาะทอสคาร์เตอร์… ไคลน์พึมพำ

ขณะเดนิสเตรียมโต้เถียงว่านั่นเป็นอิทธิพลจากแรงกดดันของมังกร โจรสลัดคนดังพลันฉุกคิดบางสิ่งได้ สีหน้าจึงเริ่มกลับเป็นปรกติ ตอบโต้อย่างเยือกเย็น

“ก็ยังดีกว่าคนที่เปรียบตัวเองเป็นอุจจาระมังกรล่ะนะ”

รอยยิ้มแอนเดอร์สันพลันเลือนหาย มันกระแอมแห้งหนึ่งหน ฉีกขากระต่ายออกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยื่นไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“นายไม่กินหรือ”

ไคลน์เงียบงันหนึ่งอึดใจ ส่ายหน้าเชื่องช้า

“โลกใบนี้เต็มไปด้วยความพิสดาร หากยังยืนยันไม่ได้ว่าปลอดภัย พวกเราก็ไม่ควรกินอะไรส่งเดช… ถึงจะเป็นแค่เนื้อกระต่าย แต่มันอาจทำให้นายต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล”

“…” แอนเดอร์สันยกขากระต่ายมาจ่อดมจมูกเล็กน้อย ก่อนจะวางลงด้วยสีหน้ามืดหม่น “แล้วทำไมนายไม่บอกให้เร็วกว่านี้”

ไคลน์ตอบเย็นชา

“ฉันเพิ่งคิดได้”

ใบหน้าแอนเดอร์สันบิดเบี้ยวเล็กน้อย ก่อนจะก้มศีรษะลงและรีบกัดน่องกระต่ายย่างคำใหญ่

“นี่นาย…! ไม่กลัวเลยรึไง?” พฤติกรรมของนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดทำให้เดนิสเผยสีหน้าตกตะลึง

แอนเดอร์สันยิ้มอย่างจนปัญญา

“ฉันกินไปแล้วขาหนึ่ง ป่านนี้คงย่อยเรียบร้อยแล้ว… ในเมื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมตัวเองไม่ได้ ขอมีความสุขจนถึงที่สุดก็แล้วกัน”

ไคลน์และเดนิสหมดคำจะกล่าวไปพักใหญ่

หลังจากกินขากระต่ายเสร็จ แอนเดอร์สันตั้งคำถาม

“พวกนายจะไม่กินจริง ๆ หรือ? พวกเราไม่มีทางรู้เลยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนบนโลกใบนี้ ถ้าปล่อยให้ท้องหิว จะเหลือเรี่ยวแรงไปสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างมังกรได้ยังไง”

ไคลน์ไม่ตอบทันที เพียงหยิบนาฬิกาพกสีทองออกมาเปิดฝา

“ตอนนี้เวลาข้างนอกคือ… หกโมงเย็นกับอีกสิบนาที… ถัดจากนี้อีกราวสี่ถึงหกชั่วโมง ถ้าไม่มีความผิดปรกติเกิดขึ้นกับนาย พวกเราจะลองหามื้อเบา ๆ กิน”

“…” แอนเดอร์สันทำได้เพียงอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก

ไคลน์เมินอีกฝ่าย หันไปทางเดนิสและกล่าว

“พักสิบห้านาที จากนั้นจะออกตามหากัปตันของนาย”

ขณะพูด ชายหนุ่มล้วงหยิบต่างหูไข่มุกของพลเรือโทธารน้ำแข็ง

“ตกลง!” เลือดลมในตัวเดนิสพลันสูบฉีด ความหนาวเหน็บในใจพลันสลายเป็นปลิดทิ้ง

ผ่านไปเจ็ดแปดวินาที เดนิสกลับไปผิงกองไฟอีกครั้ง

หนึ่งทุ่มตรงตามเวลาโลกภายนอก ไคลน์ในสภาพถือหมวกและไม้ค้ำ อาศัยผลการทำนายคอยนำทาง เดินฝ่าฟันอุปสรรคมากมายจนกระทั่งถึงยอดเขาแห่งหนึ่งพร้อมกับเดนิสและแอนเดอร์สัน

“พวกเจ้าก็มาช่วยข้าจัดการกับยูลิเซี่ยนเหมือนกันหรือ?”

ยูลิเซี่ยน? ไคลน์ตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก

ทันใดนั้น ชายหนุ่มเห็นเอ็ดวิน่าที่ยืนใต้เงาคนยักษ์ขยิบตาให้ตน เป็นนัยบอกใบ้ให้ตอบว่าใช่

“ใช่”

“ฮะฮะ! ถ้าอย่างนั้น พวกเราคือสหาย!” กรอซายก้มมองมนุษย์ทั้งสาม ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข

ขณะอีกฝ่ายกำลังพูด แอนเดอร์สันแอบชำเลืองเกอร์มัน·สแปร์โรว์พลางกระซิบเสียงแผ่ว

“ฉันเพิ่งเคยเห็นคนยักษ์ตัวเป็น ๆ ก็คราวนี้… ไม่มีทางโจมตีใส่จุดอ่อนได้เลย หมอนี่สูงเกินไป!”

โจมตีเล็บเท้าไปก่อนก็แล้วกัน… ไคลน์พึมพำ ตอบกลับเสียงห้วน

“ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งพลาดเป้ายาก”

“…นั่นสินะ” แอนเดอร์สันเห็นพ้อง

ขณะเดียวกัน เอ็ดวิน่าเดินเข้ามาใกล้คนทั้งสามพร้อมกับกล่าวแนะนำ

“นี่คือหัวหน้าค่าย กรอซาย คนยักษ์ผู้พิทักษ์”

“ทางนี้คือผู้ขับขานแห่งเอลฟ์ เซียธาส”

ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์? หมายถึงผู้ขับขานสมุทร? ไคลน์เริ่มพบความหวังในการหาสูตรโอสถให้มิสเตอร์แฮงแมน

เอ็ดวิน่าหมุนตัวครึ่งรอบ กล่าวกับกรอซายและเอลฟ์หญิงเซียธาส

“พวกเขาเป็นเพื่อนของฉันเอง… นักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุด เกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักล่าสมบัติ แอนเดอร์สัน·ฮู้ด และกะลาสีคนดัง เดนิส”

“…” เราเคยคิดว่าพลเรือโทธารน้ำแข็งจะเป็นพวกจริงจังและเกลียดการโกหกเสียอีก… กะลาสีคนดัง… หึหึ อย่างน้อยก็มีส่วนจริงล่ะนะ… ไคลน์ถอดหมวกคำนับอย่างนอบน้อม ส่วนแอนเดอร์สันทำตามลวก ๆ

เดนิสโล่งใจเมื่อได้ยินได้กัปตันแนะนำตนในฐานะมิตรสหาย มิใช่ลูกน้อง แต่หลังจากผ่านไปสักพัก มันเริ่มพบความผิดปรกติในคำพูด

กรอซายหัวเราะในลำคอ

“เข้าไปในค่ายเถอะ พวกเรากำลังจะทำศึกกับยูลิเซี่ยน!”

เป็นกันเองและมีชีวิตชีวามาก… น่าแปลก ไม่ว่าจะในบันทึกของโบสถ์หรือตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์ คนยักษ์จะถูกนิยามว่าเป็นพวกใจร้อนเสมอ นอกจากนั้นยังเกรี้ยวกราด จ้องแต่จะทำลาย… นั่นสินะ ในหนังสือจะเขียนอะไรขึ้นมาก็ได้ ขอให้สอดคล้องกันเป็นพอ… ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย ตามกรอซายเข้าไปในปากถ้ำกว้าง

เห็นดังนั้น เอ็ดวิน่ารีบขยับเข้าไปใกล้คนทั้งสาม ทำทีว่ากำลังเดินนำทาง แต่ความจริงแล้วแอบกระซิบสองสามประโยค

“ประวัติศาสตร์ที่พวกเขาเล่าให้ฟังค่อนข้างแปลก… ภาษาก็ด้วย ไม่ว่าใครจะพูดภาษาไหน ทุกคนล้วนเข้าใจตรงกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ