ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 809

ราชันเร้นลับ 809 : อันตรายในความมืด
ปัง!

เสียงปืนดังกึกก้องท่ามกลางผืนป่ากึ่งเปิดโล่ง หากเปลี่ยนเป็นเกาะยามราตรีทั่วไป มวลหมู่ปักษาคงรีบกระพือปีกบินหนี สัตว์ป่าวิ่งเอาชีวิตรอด แต่สำหรับที่นี่ บรรยากาศยังคงเงียบสงัดราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย

สำหรับลิงบาบูนขนหยิกสีดำ ศีรษะของมันระเบิดออกพร้อมกับเศษสมอง สาดกระเซ็นไปรอบทิศจนดูราวกับฝนตก

ผลึกสีดำกลางศีรษะแตกละเอียด ไม่มีเม็ดใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์

ไคลน์ชักแขนกลับ ปากกระบอกปืนลูกโม่ลางมรณะยังมีควันคุกรุ่น ชายหนุ่มยืนมองลิงบาบูนขนหยิกกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ กำลังล้มทรุดลงไป

เปิดฉากด้วย ‘ท่องเที่ยว’ ตามต่อด้วย ‘สิงร่าง’ ของวิญญาณอาฆาต และปิดท้ายด้วยลางมรณะ นี่คือคอมโบสังหารในพริบตา!

ไคลน์ไม่ได้ทำลงไปเพราะต้องการอวดฝีมือ แต่จากการสังเกต มันเชื่อว่าลิงบาบูนขนหยิกกลายพันธุ์มีพลังไม่ธรรมดา หากไม่ฉวยโอกาสปิดฉากในตอนที่อีกฝ่ายยังไม่รู้จักพลังของตนดีพอ เกรงว่าผลลัพธ์ที่ตามมาอาจยุ่งวุ่นวาย เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ที่นี่คือเกาะซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์วิเศษ ไม่มีใครทราบว่าการปะทะที่ยืดเยื้อจะชักนำศัตรูเข้ามาเพิ่มหรือไม่

ดังนั้น หลังจากสิงร่างด้วยวิญญาณอาฆาต ไคลน์ตัดสินใจไม่ใช้วิธีที่ปลอดภัยและแน่นอนกว่าอย่างการ ‘ควบคุมด้ายวิญญาณ’ เพราะนั่นจะใช้เวลานานเกินไป แต่เลือกเหนี่ยวไกลางมรณะในจังหวะที่ศัตรูกำลังชะงักจากการถูกเข้าสิง

ผลลัพธ์ตรงตามจินตนาการของชายหนุ่ม วิธีนี้ช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางคัน เพราะจากเท่าที่สำรวจ ลิงบาบูนขนหยิกกลายพันธุ์ตัวนี้มีพลังในการ ‘บิดเบือน’ และสร้างความโกลาหล หากให้เวลามันมากกว่านี้ พลังการสิงร่างของวิญญาณอาฆาตอาจถูกบิดเบือน และกระสุนจากลางมรณะก็จะพลาดเป้า

การดิ้นรนของลิงบาบูนต้องกลายเป็นหมันเพราะไคลน์คิดไวทำไว เลือกลั่นไกลางมรณะด้วย ‘โจมตีหนักหน่วง’ ในวินาทีที่อีกฝ่ายออกอาการชะงัก

หากชายหนุ่มตัดสินใจเข้าควบคุมด้วยด้ายวิญญาณ ผลลัพธ์คงไม่ออกมาราบรื่นเช่นนี้

คุ้มแล้วกับการยอมได้รับจุดอ่อนใหม่เพื่อใช้งานปืน… นอกจากนั้น ยิ่งสำรวจเกาะลึกมากเท่าใด ปืนลูกโม่ลางมรณะก็ยิ่งขาดไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วเราคงต้องใช้อยู่ดี ในเมื่อเลี่ยงจุดอ่อนไม่ได้ ก็ควรรีบหาจุดอ่อนให้พบตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้คิดวิธีป้องกันตัวอย่างเหมาะสม… ทางเลือกของเราสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว… ไคลน์ลดมือลง จ่อปากกระบอกปืนลงพื้น เดินไปยืนข้างศพลิงบาบูน

ณ ปัจจุบัน ภายใต้การสิงร่างของวิญญาณอาฆาต ตะกอนพลังจึงควบแน่นเร็วขึ้น

อัลเจอร์ในท่าถือตะเกียงกำลังเฝ้ามองจากระยะไกล ฉากเมื่อครู่ทำให้มันตกอยู่ในภวังค์สักพักก่อนจะได้สติ สิ่งที่ชวนให้ตกตะลึงมากที่สุดคือจังหวะที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ลั่นไกและระเบิดศีรษะลิงบาบูนขนหยิก

‘ความวุ่นวาย’ ในช่วงแรกทำให้อัลเจอร์เข้าใจว่า สัตว์วิเศษตนนี้แข็งแกร่งกว่าต้นกระดิ่งลมหลอนประสาทพอสมควร เป็นศัตรูที่รับมือได้ยากและต้องห้ามประมาท ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าพวกตนจะเป็นฝ่ายชนะ ทว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์กลับทำให้เรื่องราวจบลงภายในสามวินาที ความเร็วระดับนี้ไม่ต่างอะไรกับการยิงเป้าซ้อมอย่างสบายใจ!

ทั้งที่เป็นผู้วิเศษลำดับ 5 เหมือนกัน แต่ฝีมือแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!

นำพลัง ‘ท่องเที่ยว’ มาผสานกับความสามารถในการควบคุมร่างศัตรู จากนั้นก็ปิดฉากด้วยลูกโม่ที่มีอำนาจทำลายล้างสูง เกิดเป็นผลลัพธ์เหนือจินตนาการ… หากต้องเผชิญหน้ากับเขาในฐานะศัตรูโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เราคงตายในพริบตา… แต่ถึงจะเตรียมตัวล่วงหน้าก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย คงมีแต่ต้องใช้เสียงเพลงของเราทำให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ชะงักในจังหวะกำลังจะใช้ ‘ท่องเที่ยว’ … สมกับเป็นนักผจญภัยเสียสติเจ้าของค่าหัวห้าหมื่นปอนด์ ต่อให้ไม่มีความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล เขาก็ยังแข็งแกร่งเทียบเท่าพลเรือเอกโลหิต… ไม่สิ อาจทรงพลังยิ่งกว่า… อัลเจอร์ลองจินตนาการถึงวิธีรับมือในกรณีที่ตนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลิงบาบูนขนหยิกกลายพันธุ์ จากนั้นก็ถอนหายใจ

เมื่อเทียบกับการได้ยินได้ฟังมาจากคนอื่น การมาเห็นด้วยตาตัวเองนั้นน่าตกตะลึงยิ่งกว่ามาก!

บนศพของลิงบาบูนขนหยิก ในจุดที่เป็นผลึกสีดำแตกละเอียด ละอองแสงค่อยๆ มารวมตัวกันเป็นรูปทรงคล้ายกำปั้นโปร่งแสงสีดำ

เป็นกำปั้นที่ให้ผู้คนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและชั่วร้าย หากมองผิวเผิน เส้นลายมือ เล็บ และความโปร่งแสง ไม่มีสิ่งใดดูผิดปรกติ แต่ไคลน์สัมผัสถึงความขัดแย้งและการละเมิดในปริมาณเข้มข้น คล้ายกับความวุ่นวายโกลาหลและความบ้าคลั่งกำลังไหลเวียนอยู่ภายใน

ลำดับ 5 ‘ผู้ชี้นำความสับสน’ แห่งเส้นทางจักรพรรดิมืด? เรายังไม่รู้ว่าจุดอ่อนใหม่ในคราวนี้เป็นอะไร ภาวนาให้ไม่ร้ายแรงก็แล้วกัน… อา… แต่หลังจากนี้หกชั่วโมง เราสามารถใช้งานลางมรณะได้เท่าที่ต้องการ… ไคลน์รำพันพลางโน้มตัวหยิบตะกอนพลังพิเศษ เก็บใส่กล่องโลหะที่เตรียมไว้ล่วงหน้า

อันที่จริง ชายหนุ่มสามารถลอง ‘ต้อนแกะ’ ลิงบาบูนขนหยิกกลายพันธุ์ตัวนี้และดูว่าจะได้รับพลังแบบไหน หากเป็นของดีก็ค่อยปล่อย ‘บารอนแห่งการเน่าเปื่อย’ ออกไปแทน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ทำ เพราะไม่มั่นใจว่าสัตว์วิเศษตนนี้เคยกระทำความชั่วจนสมควรถูกจองจำ

การเข่นฆ่าถือเป็นธรรมชาติของสนามรบ ไม่มีสิ่งใดแปลกใหม่ แต่การต้อนแกะดวงวิญญาณนั้นแตกต่างออกไป วิธีนี้จะทำให้เหยื่อเกิดความทุกข์ทรมานแสนสาหัส ไคลน์มีหลักการของตัวเองให้ยึดถือ แถมยังเป็นคนหัวรั้นมาก จะไม่แหกกฎที่ตั้งไว้หากไม่จำเป็น เหยื่อของถุงมือจะต้องถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีเท่านั้น

จริงอยู่ สัตว์วิเศษนั้นมีสติปัญญาไม่เท่ามนุษย์ ถึงจะต้อนแกะเข้าไปก็คงไม่ล้ำเส้นศีลธรรม ทว่า ประสบการณ์ได้หล่อหลอมให้ชายหนุ่มเข้มงวดในหลักการของตัวเอง ไม่ผ่อนปรนเพราะเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อย นี่มิได้เป็นเพียงเรื่องของศีลธรรม แต่เป็นการเตือนสติตัวเอง ไม่ให้ลืมว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นใคร กรอบที่ตั้งขึ้นมาอย่างถี่ถ้วน ไม่ควรถูกขยายออกไปเรื่อยๆ ตามอำเภอใจ ไม่อย่างนั้นอาจก่อความผิดพลาดขึ้นในสักวัน

ท่ามกลางโลกที่วุ่นวายและลึกลับใบนี้ กฎดังกล่าวมีเพื่อตัวเรา ไม่ใช่เพื่อใคร… คนเราสามารถหลอกคนอื่นได้ หลอกได้กระทั่งเทพ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะไม่สามารถหลอกตัวเองได้… ไม่สิ บางทีผู้วิเศษของเส้นทาง ‘ผู้ชม’ อาจมีพลังสำหรับหลอกตัวเอง… ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์หยิบการเดินทางของกรอซายออกจากเสื้อ เตรียมป้ายเลือดของลิงบาบูนขนหยิกลงบนปก

ทันใดนั้น หัวใจของมันพลันบีบเกร็ง ขนท้ายทอยลุกซู่ชูชันทันใด

นี่คือลางสังหรณ์แจ้งเตือนอันตราย!

แถมยังเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่มีนิมิตหรือภาพอะไรเลย!

ท่าไม่ดีแล้ว! ไคลน์รู้สึกอย่างชัดเจนว่าหัวใจของตนกำลังถูกชั้นของเงาสีดำบีบรัด ทัศนวิสัยคล้ายกับถูกแผ่นกระจกสีเข้มวางซ้อนทับหลายชั้น

โดยไม่ลังเลหรือครุ่นคิดในสิ่งที่เกิดขึ้น มือซ้ายรีบคว่ำลง ถุงมือเปลี่ยนเป็นสีโปร่งแสง

ในสภาพล่องหน ชายหนุ่มโผล่ขึ้นข้างๆ แฮงแมนพร้อมกับจับไหล่ของอีกฝ่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ