คนที่ถอนหายใจในส่วนลึกของวิหาร คือหนึ่งในสมาชิกของสภานักสิทธิ์สนธยา?
คีลิงเกอร์ได้รับความสนใจจากองค์กรลับดังกล่าวเพราะสามารถเข้าไปสำรวจวิหารได้? หลังจากนั้นก็เลื่อนลำดับและได้รับยุบพองหิวโหยจนมีพลังทัดเทียมพลเรือโจรสลัด?
ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าใจได้ว่า ทำไมคีลิงเกอร์ถึงไม่ย้อนกลับไปสำรวจอีก เพราะไพ่ทรราช หากเจ้าของไม่ต้องการมอบให้ ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาเอาไป?
อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ คีลิงเกอร์แข็งแกร่งขึ้นและเข้าไปสำรวจครั้งที่สอง จนได้พบกับหนึ่งในสภานักสิทธิ์สนธยา…
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน สิ่งที่ค่อนข้างแน่ชัดก็คือ เกาะดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสภานักสิทธิ์สนธยา…
สาเหตุที่พวกเราสามารถฝ่าฟันอุปสรรคภายนอก เข้าไปถึงห้องเก็บศพในวิหารได้ค่อนข้างราบรื่น และเห็นภาพวาดราชาเทวทูตกำลังกัดกินศพของพระผู้สร้าง เพราะว่าคนของสภานักสิทธิ์สนธยาจงใจปล่อยให้เกิดขึ้น? สำหรับพวกเขา หากมีโอกาสก็คงอยากตีแผ่ประวัติศาสตร์ที่ถูกลบเลือนให้โลกรับรู้… แต่ว่า สิ่งที่พวกเขาเชื่ออาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป…
หลังจากนั้น คนของสภานักสิทธิ์สนธยาคิดไม่ถึงว่าเราจะจัดการกับสามศพและหนึ่งการ์กอยล์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ต้องสูญเสียไพ่ทรราช นั่นคือสาเหตุที่ถอนหายใจ?
หากเป็นสถานการณ์ปรกติ ขณะพวกเรากำลังตกที่นั่งลำบาก ‘ท่าน’ จะฉวยโอกาสนั้นเพื่อลงมือสยบทุกสิ่ง ส่งเราลอยขึ้นมาในอากาศและชักชวนให้เป็นสมาชิกวงนอกของสภานักสิทธิ์สนธยา?
ไคลน์จงใจใช้คำว่า ‘ท่าน’ เรียกแทนเจ้าของเสียงถอนหายใจในซากวิหาร
ชายหนุ่มถึงขั้นสงสัยว่า อีกฝ่ายอาจเป็นอดีตราชาเทวทูต บุตรแห่งเทพ อาดัม!
แน่นอน มันไม่สามารถยืนยันได้ว่า เกาะโบราณดังกล่าวจะเป็นของสภานักสิทธิ์สนธยา และเชื่อว่าพลังทำนายของตนจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เรื่องนี้เกี่ยวพันกับตัวตนลึกลับและทรงพลัง หรือ ข้อมูลดังกล่าวถูกซ่อนหรือลบออกจากโลกวิญญาณไปแล้ว
ถ้าสมมติฐานนี้ถูกต้อง หมายความว่าเราพลาดการเป็นสมาชิกของสภานักสิทธิ์สนธยา? น่าเสียดาย… ขอแค่ผ่านการทดสอบ เราอาจมีโอกาสได้เห็น ‘ศิลาเย้ยเทพ’ แผ่นที่สอง ได้ทราบสูตรโอสถลำดับสูงของเส้นทางนักทำนาย… แต่ว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีปูมหลังลึกลับ มีตัวตนที่ทรงพลังคอยสนับสนุน ข่าวนี้รู้กันทั่วทั้งทะเล โดยเฉพาะเบื้องบนขององค์กรลับที่สำคัญ ดังนั้น สภานักสิทธิ์สนธยาที่เป็นหนึ่งในองค์กรเก่าแก่และลึกลับที่สุด ยอมไม่น่าจะพลาดข้อมูล… มีโอกาสสูงมากที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะถูกฆ่าและสื่อวิญญาณสอบสวนทันที… ไคลน์นึกเสียดายในตอนแรก แต่จากนั้นกลายเป็นความหวาดกลัว
ยิ่งไตร่ตรอง มันก็ยิ่งอยากส่งแฮงแมนไปยังเกาะโบราณอีกครั้ง หาโอกาสเข้าเป็นสมาชิกสภานักสิทธิ์สนธยาและค่อยๆ ไต่เต้าเข้าใกล้เบื้องบน
เฮ่อ… ปัญหาในตอนนี้ก็คือ เกาะโบราณหายไปแล้ว… ไม่อย่างนั้น มิสเตอร์แฮงแมนจะได้เป็นสายลับของสามองค์กร… ไม่สิ สี่ต่างหาก… ไคลน์ดีดนิ้ว เผากระดาษตรงหน้าจนเลือนหาย ตัดสินใจเลิกคิดเกี่ยวกับการสำรวจในคืนนี้ไปก่อน
หลังจากนี้ไป ไคลน์เตรียมสังเกตความบังเอิญที่ผิดปรกติในชีวิตประจำวัน
มันกังวลว่า ตัวตนลึกลับที่ถอนหายใจในวิหาร อาจมิได้ขัดขวางตนและแฮงแมนไม่ทันเวลา แต่เป็นการปล่อยให้หนีไปได้เพราะจงใจหวังผลบางอย่าง
หากไม่ใช่เพราะมิติหมอกมีพลัง ‘ยาฆ่าเชื้อ’ ไคลน์คงสงสัยว่าตนอาจถูกอีกฝ่ายตีตราประทับไว้บนร่างกาย
กวาดสายตามองสิ่งของบนโต๊ะทองแดงยาว ชายหนุ่มเลื่อนไพ่ทรราชมาวางข้างไพ่จักรพรรดิมืด จากนั้นก็ไตร่ตรองว่าควรทำอย่างไรกับสมบัติชิ้นที่เหลือ
สำหรับตะกอนพลัง ‘ดรูอิด’ ลำดับ 5 ของเส้นทางนักเพาะปลูก ไคลน์มีคำตอบในใจแล้ว นั่นคือการขายให้แฟรงค์·ลีผ่าน ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา
แต่ปัญหาคือ… เราอาจเป็นตัวการที่ทำให้โลกถูกทำลาย… ไคลน์จิกกัดตัวเอง เกิดความลังเลเล็กๆ ในใจ
หากปล่อยให้แฟรงค์·ลี ชายที่แสนอันตราย พัฒนาตัวเองกลายเป็นลำดับ 5… เกรงว่าวัว ปลา สัตว์ทะเล และนักบวชกุหลาบทั่วโลกอาจเผชิญความโกลาหล… ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า หากมีพลังในมือมากขึ้น ชายที่ไม่ต่างอะไรกับคนบ้า จะสร้างหายนะได้มากน้อยแค่ไหน… หมอนั่นจะทดลองอะไรออกมาอีก…
ถ้าเกิดว่าแฟรงค์ปลูกตัวเอง เก็บเกี่ยวตัวเอง เกิดเป็นแฟรงค์ขึ้นมาอีกหลายคน โลกคงใกล้แตกดับอย่างแท้จริง… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ตัดสินใจปล่อยให้เรื่องนี้เป็นปัญหาของพลเรือเอกดวงดาวแทน
นั่นสินะ เราแค่ทำหน้าที่ขายตะกอนพลังดรูอิด มาดามเฮอร์มิทจะซื้อหรือไม่ นั่นเป็นปัญหาของเธอ… นอกจากนั้น ดรูอิดเป็นแค่โอสถลำดับ 5 ส่วนทางด้านแคทลียามีแรงสนับสนุนจากทั้งราชินีเงื่อนงำและนิกายมอสส์ การรับมือแฟรงค์คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร หรือต่อให้ไม่ไหว ทางโบสถ์พระแม่ธรณีก็ยังมีนักบุญอีกเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงสมบัติปิดผนึกระดับ 0 และเทพแท้จริง กับแค่แฟรงค์·ลีคนเดียวไม่น่าจะเกินความสามารถ… ไคลน์ปลอบใจตัวเอง ขณะเดียวกันก็หันมาสนใจตะกอนพลังของ ‘ผู้ชี้นำความสับสน’ และ ‘ผู้ขับขานสมุทร’
สำหรับอย่างหลัง ไคลน์คิดจะนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ แต่ยังไม่แน่ใจว่าช่างฝีมือที่แฮงแมนรู้จักจะเก่งพอหรือไม่ ส่วนอย่างแรก มันต้องการขายเป็นเงิน
แม้ว่าสิ่งนี้สามารถสร้างเป็นสมบัติวิเศษได้เช่นกัน แต่พลังอาจซ้อนทับกับ ‘บารอนแห่งการเน่าเปื่อย’ ในถุงมือ และไคลน์เองก็ตระหนักมานานแล้วว่า การพกพาสมบัติวิเศษติดตัวเป็นจำนวนมากไม่ใช่เรื่องดี ลำพังยุบพองหิวโหยกับสมุดเวทมนตร์เลมาโน่เช่าก็มากพอจะทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ขอแค่มียุบพองหิวโหยกับลางมรณะบรรจุกระสุนวิเศษ ก็นับว่าเหลือเฟือแล้ว
ถ้าต้องสู้ในทะเลหรือกลางอากาศ ก็แค่พกสมบัติวิเศษ ‘ผู้ขับขานสมุทร’ เพิ่มอีกชิ้น และถ้าต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนหรือค่อนข้างตึงมือ ก็ต้องยืมบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ขณะเดียวกัน การเดินทางของกรอซายสามารถใช้กันกระสุน และถ้าจำเป็น ไคลน์ยังมีไพ่ตายอย่างยันต์ ‘โจรปล้นดวง’
นี่ยังไม่นับพลังพิเศษของตัวเอง ยังไม่นับหุ่นเชิดวิญญาณอาฆาต ยังไม่นับการหาจังหวะใช้งานคทาเทพสมุทร!
หากนับรวมทรัพย์สินทั้งหมด เราจะถือเป็นบุคคลที่ร่ำรวยมาก… ไคลน์ถอนหายใจ เสกตะกอนพลังทั้งหมดลอยไปตกบนกองขยะ
สำหรับดวงตาของการ์กอยล์หกปีก วัตถุชนิดนี้มีพลังวิญญาณอัดแน่นเข้มข้น สามารถใช้ประกอบพิธีกรรมหรือสร้างยันต์ ไคลน์ยังไม่มีเป้าหมายชัดเจน จึงโยนเข้าไปในกองขยะนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ