ไคลน์หยิบหน้ากากโลหะสีเทาออกมาสวม เผยให้เห็นเพียงดวงตาและรูจมูก
ในทำนองเดียวกัน ชารอนและมาริคทำการสวมหน้ากากที่คล้ายคลึงกัน
ทว่า แต่ละคนมีจุดประสงค์ในการปกปิดที่แตกต่างกัน วิญญาณอาฆาตและซอมบี้มีความจำเป็นต้องปิดบังใบหน้าตัวเอง เพื่อไม่ให้ถูกกองทัพโลเอ็นตามล่าในภายหลัง จนต้องหลบหนีออกจากกรุงเบ็คลันด์ที่ตั้งรกรากมานาน แต่ในกรณีของ ‘ผู้ไร้หน้า’ จริงอยู่ที่ไคลน์มีพลังแปลงโฉม ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากให้อึดอัด ไม่ต้องกังวลการสืบสวนจากกองทัพโลเอ็นและโรงเรียนกุหลาบ ทว่า การสวมหน้ากากถือเป็นการซ้อนแผนทับอีกชั้น ใครจะไปคาดคิดว่าชายสวมหน้ากาก แท้จริงแล้วคือผู้ไร้หน้า? นับเป็นการเบี่ยงเบนแนวทางการสืบสวนให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น
รอไปอีกสักพัก จนกระทั่งเสียงหวูดเรือดังแผ่วเบา เรือลำหนึ่งแล่นเข้ามาเทียบท่าในความมืด
ไคลน์เดินกลับไปที่ช่องระบายอากาศ ยกกล้องส่องทางไกล มองไปยังท่าเรือที่ถูกคุ้มกันแน่นหนา
เพียงไม่นานก็เห็นเรือลูกผสมระหว่างเรือใบและเครื่องยนต์ไอน้ำ ค่อยๆ จอดเทียบท่าจนนิ่งสนิท โดยในเวลาเดียวกัน ทหารสองหน่วยในชุดสีแดงกางเกงสีขาว ถือปืนไรเฟิล วิ่งไปตั้งแถวต้อนรับสองฝั่งอย่างกระฉับกระเฉง
ผ่านไปสักพัก บันไดแขวนถูกห้อยลง ผู้คนบนเรือเริ่มทยอยลงมาบนฝั่ง
ชุดแรกเป็นลูกเรือแบกลังไม้ ตามมาด้วยชายหนุ่มในเครื่องแบบพันตรี ในมือกำลังถือกล่องที่ทำจากผลึกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม รอบตัวมีลูกเรือหลายคนรายล้อม
ลูกเรือทุกคนกำลังถือตะเกียง พยายามสาดแสงไปยังทุกซอกมุมของกล่อง ช่วยให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้ชัดเจน
ด้านในเป็นกะโหลกศีรษะมนุษย์ที่ปราศจากคราบเลือดเนื้อ ส่องแสงประหลาดท่ามกลางแสงตะเกียง
ความเร็วในการเดินของคนกลุ่มนี้ค่อนข้างเชื่องช้า คล้ายกับให้ความสนใจองศาของตะเกียงเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยให้มีจุดใดดำมืด
รอจนกระทั่งลงเรือเรียบร้อย กลุ่มดังกล่าวเดินไปตามถนน ตรงไปยังรางขนส่งสินค้าที่ใกล้ที่สุด จากนั้นก็เดินต่อไปทางหัวรถจักรไอน้ำที่จอดรอประหนึ่งงูยักษ์ โดยในเวลาเดียวกัน บุรุษสวมสุดสูทสุภาพสีดำได้เดินลงมาจากโกดังท้ายเรือ
บุรุษในชุดดำกำลังถือถังเหล็กใบใหญ่ เมื่อมองจากมุมบนจะเห็นว่าด้านในมีชั้นของก้อนน้ำแข็ง
ในชั่วพริบตาแรก ไคลน์เกือบคิดว่าท่ามกลางก้อนน้ำแข็งเหล่านี้มีขวดไวน์ถูกแช่อยู่ คล้ายกับสิ่งที่ชนชั้นสูงชอบทำกันในภัตตาคารหรูหรา ทว่า เพียงไม่นานชายหนุ่มก็มองเห็นสิ่งที่แทรกอยู่ระหว่างก้อนน้ำแข็ง
มือข้างหนึ่งที่เป็นทองคำล้วน!
แตกต่างจากกลุ่มใหญ่ บุรุษถือถังเหล็กเดินค่อนข้างเร็ว บนหน้าผากมีเหงื่อหยด จุดที่มือสัมผัสกับโลหะนั้นมีละอองน้ำเกาะ
คล้ายกับว่า ชายคนนั้นกำลังกังวลเรื่องที่น้ำแข็งจะละลายก่อนถึงจุดหมาย
ดูเหมือนว่าในคราวนี้ กองทัพจะปล้นสมบัติปิดผนึกจากที่ราบสูงดวงดาว หุบเขาเพิร์ธ และทุ่งกว้างฮาเก็นติได้มากทีเดียว… ไคลน์ถอนหายใจด้วยสีหน้าซับซ้อน รอคอยโลงศพบรรจุมัมมี่ตูตันส์ที่สองอย่างอดทน
ผ่านไปราวสิบนาที ไคลน์ ชารอน และมาริคได้ยินเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นดังมาจากจุดห่างออกไป
เสียงฟังดูคล้ายกับคนยักษ์ที่เดินบนแผ่นไม้กระดานบางๆ ที่ด้านล่างไม่มีของ
ถัดมา ประตูด้านข้างของห้องโดยสารบนเรือถูกเปิดออก ‘อัศวิน’ ในสุดเกราะหนักสีดำจำนวนสี่คนค่อยๆ เดินแบกโลงศพสีทองออกมาอย่างใจเย็น เสียงเหยียบพื้นไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดเป็นระยะ
ผิวโลงศพถูกวาดด้วยลวดลายจำพวกนกประหลาด งูขนนก และหน้ากาก แผ่กลิ่นอายลึกลับของอาณาจักรที่ราบสูงโบราณ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งนี้คือ ‘เตียงนอน’ ของมัมมี่ตูตันส์ที่สอง!
เสียงโซ่หมุนและเสียงโลหะเสียดสีดังกังวานทั่วท่าเรือ หอคอยโลหะสีเข้มเริ่มหมุนตัวอย่างเชื่องช้า ห้อยลวดสลิงและขอเกี่ยวลงมาแขวนกับสี่มุมของโลงศพมัมมี่ตูตันส์ที่สอง
จากนั้น กลไกของระบบรอกที่ซับซ้อนเริ่มทำงาน โลงศพหนักถูกยกขึ้นและย้ายไปยังเกวียนปราศจากหลังคาซึ่งอยู่ด้านนอกท่าเทียบเรือ
เมื่อ ‘อัศวิน’ ทั้งสี่ในชุดเกราะสีดำเป็นอิสระจากน้ำหนักมหาศาล ทุกคนต่างทิ้งตัวนั่งลงบนดาดฟ้าเรือพร้อมกัน เผยอาการเหนื่อยหอบชัดเจน
ท่ามกลางเสียงหายใจหอบ อัศวินคนหนึ่งส่งเสียงคำรามต่ำ
ตามรอยแยกของชุดเกราะ เลือดสีแดงเข้มค่อยๆ ไหลซึมออกจากทุกส่วนของร่างกาย ตามมาด้วยแมลงตัวเล็กๆ ลักษณะคล้ายด้วงเปลือกแข็งสีดำ
ตุ้บ!
‘อัศวิน’ คนดังกล่าวหงายหลังล้ม หมวกเหล็กร่วงหล่น เผยให้เห็นใบหน้าเละเทะที่มีเบ้าตาว่างเปล่า แมลงเปลือกแข็งจำนวนมากกำลังชอนไชบนผิวหนัง
คำสาป… มัมมี่ตูตันส์เป็นวัตถุต้องสาป… แม้จะสวมเกราะที่เคลือบด้วยพร แต่ก็มิอาจหลีกเลี่ยงการถูกสาปได้สมบูรณ์… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ หันไปมองโลงศพสีทองที่ค่อยๆ ถูกหย่อนลงบนเกวียน
เกวียนด้านนอกท่าเทียบเรือจะไม่มีม้าคอยลากจูง มีเพียง ‘อัศวิน’ สี่คนที่สวมเกราะเฉกเช่นบนเรือ
เมื่อโลงศพถูกหย่อนลง พวกมันขยับเข้าไปใกล้ เตรียมลงมือลากเกวียน
ทันใดนั้นเอง ล้อที่ติดกับเกวียนพลันหมุนอย่างเป็นปริศนา แถมยังสามารถรักษาสมดุลไว้ได้ ส่งผลให้เกวียนเริ่มเคลื่อนที่ด้วยตัวเองและหักเลี้ยวไปด้านข้าง
ราวกับมันกำลังมีชีวิต!
หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง มีสมาธิกับเหตุการณ์ตรงหน้ามากขึ้น
แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก! ล้อเกวียนหมุนด้วยความเร็วสูง กระแทกกับก้อนหินและท่อนไม้ตลอดเส้นทางที่ไม่ปรกติ เกวียนซึ่งไม่มีม้าลากจูงกำลังพาโลงศพสีทองไปยังพื้นที่ว่างของท่าเรือ
ฉากตรงหน้า เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับผีชอบบรรยายในทำนองนี้!
ณ จุดใกล้กับท่าเทียบเรือ สัตว์ประหลาดโลหะที่มีปล่องควันและลำกล้องปืนเริ่มหันไปทางเกวียน เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านใน
“ที่นี่ไม่อนุญาตให้มีการสิงสู่!”
จบประโยคดังกล่าว เกวียนที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองอย่างบ้าคลั่งพลันสูญเสียการควบคุมกะทันหัน หลังจากเกิดรอยล้อสองข้างลากเป็นทางยาว เกวียนที่บรรทุกโลงศพสีทองก็หยุดนิ่ง
ขณะเดียวกัน ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ สวมชุดคลุมสีขาวแถบทอง ผมสีเหลืองหยักศกเล็กน้อย เบ้าตาจมลึก ใบหน้าผอมซูบติดกระดูก
ชายวัยกลางคนรายนี้ดูคล้ายกับลูกครึ่งระหว่างชาวทวีปเหนือและใต้ ดวงตาสีน้ำตาลแฝงความชั่วร้ายและบ้าคลั่งเต็มเปี่ยม ริมฝีปากที่ค่อนข้างหนามีหมุดสีทองตอกยึด ผนึกปากไว้โดยสมบูรณ์ มอบความชั่วร้ายและน่าพรั่นพรึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ